เมื่อริโอไม่โอเค


 

ควันหลงจากแดงเดือด 178 ยังคละคุ้งฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วสังคมลูกหนัง ซึ่งหลายท่านคงได้รับอรรถรสกันจุใจไปแล้วในหลากหลายประเด็นต่อเนื่องที่แอนฟิลด์
 
ไม่ว่าจะเป็น 3 ใบแดงนันสต็อปของ เนมานย่า วิดิช ยามสวมเครื่องแบบปีศาจลงบู๊แข้ง ลิเวอร์พูล, จุดโทษที่ถูกปฏิเสธในครึ่งแรกของ ไมเคิ่ล คาร์ริค และโทษใบเหลืองอันดูจุ๋มจิ๋มเกินไปของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ในวินาทีขวางทางไม่ให้ ซี้เก่า ไมเคิ่ล โอเว่น หลุดไปดวลเดี่ยวกับนายทวาร เปเป้ เรน่า ซึ่งทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกมาวิจารณ์ผู้ตัดสิน อันเดร มาร์ริเนอร์ ว่าอ่อนประสบการณ์เกินไปที่จะลงเป่าในแมตช์แห่งศักดิ์ศรีคู่นี้
 

แต่วาจาดังกล่าวก็คงเบากว่าคอมเมนต์ที่พุ่งโจมตีความฟิตของ อลัน ไวลี่ย์ หลังเกมเสมอ ซันเดอร์แลนด์ 2-2 แม้จะยอมอ้าปากขอโทษ แต่สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ก็ไม่สามารถยอมความได้ และล่าสุด ป๋าเฟอร์กี้ โอเคยอมรับโทษทัณฑ์ดังกล่าวแล้ว 
 

นอกจากจะใช้วาจาสอยผู้ตัดสินแล้ว เซอร์ อเล็กซ์ ยังเหน็บเด็กในคาถาอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ด้วย หลังทนเห็นฟอร์มของปราการหลังพันล้านมีแต่เตี้ยลงๆๆๆ โดยมีภาพที่โดน เฟร์นานโด ตอร์เรส ฉีกเข้าไปกระทุ้งเม็ดแรกในแดงเดือดเป็นหลักฐานคาหนังคาเขา
 

บนวัย 30 กะรัต ริโอ มีปัญหาเจ็บโคนขาหนีบ, น่อง, ต้นขา และ แผ่นหลัง เป็นเพื่อนสนิทคอยตามติดเหมือนเป็นเงา แล้วมันก็ส่งผลกระทบถึงผลงานในสนาม ไล่ตั้งแต่ เกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ รวมถึงการลงรับใช้ทีมชาติอังกฤษ อุ่นแข้ง ฮอลแลนด์ และคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2010 กับ ยูเครน
 

อัพสถิติหลังแดงเดือด พบว่า ฤดูกาลนี้ ริโอ ลงสนามไปแล้ว 11 นัด แบ่งเป็น 8 เกมกับ ยูไนเต็ด และอีก 3 เป็นในชุดสิงโตคำราม ปรากฏว่ามีเพียง 3 แมตช์เท่านั้นที่เสร็จภารกิจแบบคลีนชีตบริสุทธิ์ผุดผ่อง ได้แก่ เกมช่วยอสูรแดงบุกชนะ สโต๊ค ซิตี้ 2-0 และพิชิต ซีเอสเคเอ มอสโก ถึงถิ่น 1-0 รวมกับนัดที่ อังกฤษ เปิดบ้านถล่ม เบลารุส 3-0
 

ตัวเลขข้างบนเป็นอีกปัจจัยที่ฟ้องว่ามันคือฟอร์มไม่ปกติของ เฟอร์ดินานด์ ขณะเดียวกันมันก็ถือเป็นโชคร้ายของเขาไม่น้อย เมื่อคู่หู วิดิช ก็หล่นจากมาตรฐานสุดแกร่งที่ทำให้ถูกขนานนามว่าปราการเหล็ก
ดังนั้นทุกครั้งที่เกิดข้อผิดพลาดจาก ริโอ มันจึงไม่มีใครมาคอยสอดประสานช่วยเหลือ และแต่ละประตูที่สังเวย ตัวเขาก็ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ
 

ความมหัศจรรย์ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ขาดหายไป ยิ่งกระตุ้นให้ เฟอร์กี้ ต้องเน้นเกมรับรัดกุมเป็นพิเศษ เพราะมันคงยิ่งยากกว่าเดิมที่จะไล่ทะลวงตาข่ายชาวบ้านเหมือนฤดูกาลก่อนๆ และพื้นฐานความสำเร็จก็คงนับหนึ่งที่แนวรับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงมันชักไม่เข้าทรงที่ตั้งเป้าไว้ซะแล้ว
 

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O091028H8N4P.jpg


ไม่ใช่หนแรกที่ ริโอ ออกอาการฟอร์มหลุดแบบนี้ เพราะตั้งแต่แปลงร่างจาก ยูงทอง มาเป็น ปีศาจแดง เมื่อปี 2002 ก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่เจ้าตัวโดนกระหน่ำใส่เรื่องวีรกรรมหย่อนยานในสังเวียนแข้ง แถมยังเคยโดนแบนยาว 9 เดือน ด้วยข้อหาหลีกเลี่ยงการตรวจสารกระตุ้น ซึ่งล่าสุดการสัมภาษณ์ตอบโต้อย่างไม่สะทกสะท้านเสียงวิจารณ์จากทั่วสารทิศ ย่อมยืนยันได้ดีถึงความเก๋าที่มีในตัว และคำประกาศขอมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด นั่นคือสารส่งถึงเจ้านายที่เคารพและแฟนผีที่รักว่าจะไม่ทำให้ใครต้องผิดหวังซ้ำรอยอีก
 

นักฟุตบอลทุกคนย่อมต้องเจอกับวันอันน่ากลัว เมื่อไม่สามารถรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเอง และสิ่งสำคัญก็คือการก้าวกระโดดพ้นจากที่นั่งลำบากไปให้ได้
 

เหมือนอย่างที่ เฟอร์กี้ ใช้คำพูดกระตุ้นแกมสั่งสอน ลูกศิษย์ค่าตัว 30 ล้านปอนด์ ว่าควรหันหลังเลิกหลงแสงสีกลางงานปาร์ตี้หรูเริ่ดบนพรมแดง แล้วเหวี่ยงโฟกัสพุ่งตรงที่ผลงานในสนาม 
 

คำพูดอ้างอิงถึงการตัดสินใจของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ในเวิลด์ คัพ  2010 เป็นหนึ่งตัวช่วยชั้นเลิศ หลังจากสื่อแดนผู้ดี เดลี่ เมล์ ยกให้  ไมเคิ่ล เทอร์เนอร์ (ซันเดอร์แลนด์), ไรอัน ชอว์ครอสส์ (สโต๊ค) และ แกรี่ เคฮิลล์ (โบลตัน) เป็น 3 ทายาทตัวตายตัวแทนของ ริโอ ในทีมชาติอังกฤษ
 

รวมทั้งวาจาพาดพิงถึง จอนนี่ อีแวนส์ เซนเตอร์ฮาล์ฟทางเลือกใหม่ว่ามีสิทธิ์เบียดเขาตกขอบ และลงเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกกับ แบล็คเบิร์น วันเสาร์นี้
 

ทุกคำกล่าวที่ออกมาของ ท่านเซอร์ นั้นเป็นมากกว่าคำขู่ธรรมดา และทุกการกระทำที่เกิดขึ้นก็คือกรรมวิธีตามแบบฉบับ ป๋า เพื่อฉุดกระชาก  ริโอ เฟอร์ดินานด์ คนเดิม ฟื้นคืนชีพกลับมาเป็นมิ่งขวัญในแผงแบ็กโฟร์อสูรแดงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง


 
*เปริมี่*


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์