เฟอร์กี้เชื่อผีมีลุ้นชิงชปล.หลังเจ๊าบาร์ซ่า

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่คัมป์นู

เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา แมนฯยูบุกไปยันเสมอ บาร์เซโลน่า 0-0 โดยคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมสับของผีแดง พลาดโอกาสทองยิงจุดโทษไม่เข้าในช่วงต้นเกม

แมนฯยูได้จุดโทษในนาทีที่ 3 จากการทำแฮนด์บอลของ กาเบรียล มิลิโต้ แต่โรนัลโด้ยิงหลุดเสาออกไป จากนั้นเป็นบาร์ซ่าที่พับสนามบุกฝ่ายเดียว แต่พังประตูทีมเยือนไม่ได้ ต้องไปลุ้นที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในวันอังคารที่ 29 เม.ย.นี้

หลังเกมเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอมรับว่า

นักเตะแมนฯยูโชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ก็พอใจที่รักษาสกอร์ 0-0 ไว้ได้ และทำให้ทีมมีโอกาสดีในการผ่านเข้ารอบ พร้อมยืนยันว่าเกมนัดที่สองจะแตกต่างออกไป ทีมต้องเน้นเกมบุกเพื่อคว้าชัย "ตามปกติเราสามารถครองบอลได้ดีกว่านี้ การเคลื่อนที่ของเราจากแดนหลังไปจนถึงแดนหน้าทำได้ไม่ดีพอและไม่เร็วพอ แต่ตอนนี้เกมจะไปเริ่มที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หากจบลงด้วยผลเสมอแบบมีสกอร์ หรือว่าแพ้ เราก็ตกรอบ แต่ข่าวดีคือหากเราชนะ เราเข้ารอบ ด้วยบรรยากาศกองเชียร์และแนวทางการเล่นของเรา มันจะแตกต่างจากเกมนี้โดยสิ้นเชิง เราอยู่ในตำแหน่งที่ดี" ท่านเซอร์กล่าว

เฟอร์กี้ระบุอีกว่า

การที่แมนฯยูขาดการสร้างสรรค์จังหวะทำประตูอาจเป็นเพราะการปรับตำแหน่งเวย์น รูนีย์ ไปเล่นปีกขวาและปาร์ก จี ซุง เป็นมิดฟิลด์ตัวรับ แต่รู้สึกว่าคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็สร้างความปั่นป่วนกับคู่แข่งได้ตลอด

ส่วนโรนัลโด้ยืนยันว่า

ตนไม่ได้เปลี่ยนเทคนิคก่อนยิงจุดโทษ และมั่นใจว่าจะยิงได้ในนัดที่สอง "ผมไม่ได้เปลี่ยนเทคนิค ผมเคยยิงจุดโทษไปด้านมุมขวาบน 2-3 ครั้ง แต่ครั้งนี้พลาด ก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีปัญหาอะไร ผมมั่นใจว่าจะกลับมายิงได้ในนัดที่สอง" หนูโด้ประกาศ และมองว่าตนน่าได้จุดโทษครั้งที่สองในครึ่งแรกจากจังหวะบาร์ซ่าคืนหลังพลาด ตนฉกบอลไปได้และกระชากเข้าเขตโทษ ก่อนโดนราฟาเอล มาร์เกวซ พุ่งชนล้มลง แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้

สำหรับอาการของเนมันย่า วิดิช กองหลังเซอร์เบียที่มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลก่อนเกมกับบาร์ซ่า อาจพลาดเกมลีกนัดสำคัญที่จะออกไปเยือนเชลซีในวันเสาร์ที่ 26 เม.ย.นี้ด้วย