เด็กหงส์...น่ากลัวมาก !!!

เขียนเป็น: สวัสดีครับพี่ บอ.บู๋ ผู้เจ็บช้ำ (อิอิอิ)

 

ก่อนอื่นขอบอกว่าผมเป็น เด็กหงส์ นะครับ และต่อไปนี้คือสิ่งที่ผมลงมือปฏิบัติในทันทีที่ทีมรักของตัวเองเป็นผู้มีชัยในศึกแดงเดือด เมื่อวันอาทิตย์
 

1. ส่ง แมสเซจ ทางโทรศัพท์ไปเย้ยหยันเพื่อนทุกคนที่เป็นเด็กผี ยกตัวอย่างเช่นส่งคำว่า หมูแดง, หมูแดง, หมูแดง, หมูแดง, หมูแดง, หมูแดง, หมูแดง ให้เพื่อนคนหนึ่งที่เป็นเด็กผี
 

2. ส่ง ข้อความ (ข้อความละ 3 บาท) เพื่อประกาศเกียรติคุณของหงส์แดงตามรายการทีวี โดยเฉพาะรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 กับ สปอร์ตแฟน ทางช่อง 7 ส่งไปหลายข้อความ ยกตัวอย่างเช่นคำว่า ลิเวอร์พูล ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 หรือ นิหน่า น่ารักที่สุด
 

3. เข้าไปตั้งกระทู้ถากถาง แมนฯ ยูไนเต็ด ตามเว็บบอร์ดต่างๆ
 

4. ใส่เสื้อแข่งของ ลิเวอร์พูล ของปลอมที่ซื้อมาในราคา 350 บาท จากข้างสนามศุภฯ เพื่อประกาศให้ชาวบ้านรู้ว่า กูเป็นเด็กหงส์นะ โดยตั้งใจจะใส่ไปทำงานตั้งแต่วันจันทร์ แถมคาดว่าจะสวมใส่เสื้อตัวเดิมอีก 6 วันเป็นอย่างต่ำ
 

5. แกล้งถามเพื่อนทุกคนที่เป็นเด็กผีว่า รู้จัก หลุยส์ ซัวเรซ หรือเปล่า? รวมถึง เดิร์ค เคาต์ ด้วย
 

6. บังคับให้แฟนตัวเองสวมใส่เสื้อผีแดง (ของปลอมเหมือนกัน) แล้วจัดหนักๆ ไปถึง 3 ดอก!!!
 

7. แล้วก็ส่งจดหมายมาหา บอ.บู๋ ในคอลัมน์ เขียนเป็น ส่งไม่ตาย นี่แหละ
 

ท้ายนี้อยากทราบว่าโทษฐานที่เป็นหนึ่งในผู้ขายวิญญาณให้ปีศาจ พี่มีวิธีรับมือกับ เด็กหงส์ อย่างไร หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ยัดเยียดความบรรลัยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในศึกแดงเดือด นอกจากนี้ในมุมมองของพี่ ทำไม ผี ถึงได้พ่ายแพ้ หงส์ แบบหมดสภาพเช่นนี้?


 


ชัยยุทธ หมูแดง


 


You'll never walk alone
 

ป.ล.1 ฤดูกาลหน้า คิง เคนนี่ จะช่วย ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์แน่นอน
 

ป.ล.2 นอกจากจะเป็นผู้ชนะในนัดล่าสุด ฤดูกาลนี้เจอกันในพรีเมียร์ลีก 2 นัด ลิเวอร์พูล ยังเป็นฝ่ายชนะด้วยประตูรวม 5-4 ส่วนใน เอฟเอ คัพ ไม่นับ เพราะเป็นชัยชนะที่ไม่โปร่งใส
 

ป.ล.3  ลิเวอร์พูล คือแชมป์ยุโรป 5 สมัย



 


...



 


ส่งไม่ตาย: เข้าใจว่าก่อนหน้านี้คงจะเก็บกดกันมิใช่น้อย เมื่อถึงเวลาปลดปล่อย มันก็เลยทะลักออกมาประหนึ่งภูเขาไฟระเบิด โทษฐานที่เป็นผู้ขายวิญญาณให้ปีศาจ ผมขอยอมรับความพ่ายแพ้แบบไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ในเมื่อแพ้ก็ต้องยอมรับ - ยอมรับว่าสู้ไม่ได้ ทั้งการวางแผน ทั้งการจัดตัวผู้เล่น ทั้งรูปเกม ทั้งโชคดวง และต่อไปนี้คือสิ่งที่ผมปฏิบัติในทันทีที่ทีมรักของตัวเองเป็นฝ่ายปราชัยในศึกแดงเดือด
 

1. ผมปิดมือถือตั้งแต่จบครึ่งแรกแล้วครับ
 

2. งดชมรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 กับ สปอร์ตแฟนหงส์ เอ๊ย! สปอร์ตแฟน เฉยๆ ทางช่อง 7 เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะไม่อยากได้ยินอะไรที่มันระคายเคืองรูขู และไม่อยากเห็นอะไรที่มันบาดตา เช่นรอยยิ้มแบบมีเลศนัยของน้องนิหน่า
 

3. ผมไม่เคยเข้าไปอ่านกระทู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ อยู่แล้วครับ เพราะอะไร กรุณาคิดกันเอาเอง เอาแค่ ความเห็น ที่เข้ามาใส่ๆ กันต่อท้ายคอลัมน์นี้ บางข้อความสะท้อนให้เห็นถึงสติปัญญาที่สูงกว่าน้องหมานิดนึง บางข้อความก็ชอบแสดงความฉลาดออกมาแบบโง่ๆ บางข้อความก็สักแต่ด่าแบบไม่มีเหตุผล บางข้อความก็ไม่รู้ว่าจะซีเรียสไปไหน ทั้งที่เขียนให้อ่านกันขำขำ มึงจะอะไรนักหนาครับ อ่านแล้วรู้เลยว่าประเทศชาติไทยไม่มีทางเจริญรุ่งเรือง (ไม่เชื่อลองเลื่อนลงไปดูดิ อาจมีอีกก็ได้ อิอิอิ)
 

4. งดใส่เสื้อสีแดงที่มีสัญลักษณ์ปีศาจทุกประเภทเป็นเวลา 1 สัปดาห์
 

5. มีคนมาถามแบบนี้เหมือนกัน ผมได้แต่ยิ้มให้แบบเจื่อนๆ แต่ในใจพูดว่า ไอ้สัด!
 

6. คราวหน้า ถ้าไม่ว่าง วานผมจัดให้แทนบ้างก็ได้นะครับ ขอแค่ดอกเดียวเท่านั้นก็พอ
 

7. ก็มานั่ง ส่งไม่ตาย อยู่นี่ไงครับ
 

สำหรับคำถามที่ว่าทำไม ผี ถึงแพ้ หงส์ แบบหมดสภาพนักศึกษา ผมขอตอบเป็นฉากๆ ดังนี้
 

อันดับแรกเป็นไปตามที่ผมหวาดหวั่นตั้งแต่ก่อนแข่งคือการลงเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กันระหว่าง คริส สมอลลิ่ง กับ เวส บราวน์ เรียนตามตรงว่าแค่คิดก็สยองสุดขีดพลางสบถกับตัวเองเบาๆ ว่า ฉิบหายแน่ ว่าแล้วทั้งคู่ก็ไม่ทำให้ผู้มีจิตศรัทธาผิดหวัง เพราะคนหนึ่งประสบการณ์น้อยมาก อีกคนหนึ่งได้ชื่อว่าเป็นบุตรแห่งความหายนะ แถมในศึกพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ยังไม่เคยลงเล่นเป็นตัวจริงในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางเลยสักครั้งเดียว
 

เท่านั้นไม่พอผมว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จัดตัวผู้เล่นและวางหมากเตะผิด ซ้ำยังมั่นใจในลูกทีมมากเกินไปอีกต่างหาก
 

ในเมื่อรู้ทั้งรู้นะครับว่า คริส สมอลลิ่ง กับ เวส บราวน์ ไม่ต่างจาก จุดอ่อน แทนที่จะปรับระบบการเล่นเป็น 4-5-1 เพื่อใช้มิดฟิลด์ตัวกลาง 3 คน ห่ำหั่นกับทีมเจ้าถิ่น คุณป๋ากลับยึดมั่นในสูตร 4-4-2 อีกทั้งยังถอด ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ออกจากตำแหน่งตัวจริงซะอย่างนั้น!
 

มิดฟิลด์ตัวกลางของปีศาจแดงมีน้อยกว่าคู่แข่งก็ทำให้เกมเป็นรองแล้วนะครับ แต่ที่สำคัญคือทั้ง พอล สโคลส์ และ ไมเคิ่ล คาร์ริค ไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรับโดยชอบธรรมผู้มีหน้าที่บดบี้ทำลายจังหวะคู่แข่งแบบไม่ยั้งหยุด
 

ไอ้หัวแดงอั้งม้ออายุมาก วิ่งไล่บอลตลอดทั้งเกมไม่ไหว ขณะ คาร์ริค เป็นมิดฟิลด์ตัวรับประเภท คุณชาย ไม่มีความหนักหนักหน่วง รุนแรง และถึงลูกถึงคนอะไรเลย
 

แทนที่จะส่ง ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ลงมาช่วยไล่บอลในแดนกลางพลางกลั้นใจตัด ไรอัน กิ๊กส์ บนวัย 37 กะรัต (แล้วขยับ เวย์น รูนี่ย์ ไปทางซ้าย) หรือตัดกองหน้าผู้มีความเชื่องช้าอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ออกไป 1 คน (โดยให้ เวย์น รูนี่ย์ เป็นหัวหอกตัวเดียว) ในระบบ 4-5-1 เพื่อให้มีมิดฟิลด์ตัวกลางเท่ากับ ลิเวอร์พูล ซึ่งมันจะช่วยแบ่งเบาภาระของแผงหลังที่อุดมด้วยรูรั่ว - คุณป๋ากลับรัก กิ๊กส์ เสียดาย เบิร์บ มากเกินไป เฟล็ทช์ เลยหลุดเป็นสำรองด้วยประการฉะนี้
 

นี่คือการจัดตัวผู้เล่นและวางระบบที่ผิดพลาดของพ่อใหญ่แห่ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
 

สังเกตได้เลยว่าในจังหวะแทงทะลุช่อง ผู้เล่นหงส์แดงมักจะหลุดเข้าไปสร้างความระทมกบาลให้กองหลังปีศาจแดงในเขตโทษได้บ่อยๆ เพราะไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับคอยผ่อนหนักให้เป็นเบาในแดนกลาง ลำพังแค่ สมอลลิ่ง กับ บราวน์ ก็น่าหวาดเสียวพอแล้ว กองกลางดันช่วยเหลืออะไรไม่ได้ นั่นแหละเหตุผลแห่งความบรรลัยของ แมนฯ ยูไนเต็ด
 

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ปีศาจแดงย่อยยับคือความเป็นพยาธิตัวจี๊ดของ หลุยส์ เฉาะเหลี่ยมกะโหลก ซัวเรซ นี่แหละ
 

ในสายตาของผม กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยผู้นี้สมควรกับตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ มากกว่าผู้ทำแฮตทริคอย่าง เดิร์ค เคาต์ ซะอีก
 

เขาสร้างความปั่นป่วนให้เกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตลอด 89 นาทีที่สับตีนในสนาม ประตูแรกของ ลิเวอร์พูล ก็มาจากความสามารถเฉพาะตัวของ หลุยส์ ซัวเรซ ล้วนๆ เลย นี่ถ้าจังหวะนั้นกองหลังของปีศาจแดงสักคนเตะโดนจนเสียหลักหกล้มหน้าคว่ำฟันไปครูดกับพื้น นอกจากจะเสียจุดโทษ ผู้ตัดสินคงต้องเป่าหยุดเกม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูแลสนามเข้ามาปูหญ้าใหม่อย่างแน่นอน
 

ส่วนวิธีรับมือกับ เด็กหงส์ หลังความเสียหมาของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในศึกแดงเดือดตามแบบฉบับของผมก็ไม่มีอะไรมากครับ คือใครพูดอะไร ใครถากถาง ใครเย้ยหยัน ใครแดกดันก็ได้แต่แสยะยิ้มแบบเจื่อนๆ แบบว่าเคยเล่นชาวบ้านเขาไว้เยอะครับ มันก็ต้องถูกกรรมตามสนองเป็นธรรมดา ฮ่า-ฮ่า-ฮ่า


 
บอ.บู๋
Bbmeetyou@yahoo.com


 


ป.ล.1 จะพยายามเอาใจช่วยนะครับ
 

ป.ล.2 ตามสบายเลยครับพี่ ฤดูกาลที่แล้วผมก็เห็น เด็กหงส์ เอามุขนี้มาใช้ สรุปว่า ลิเวอร์พูล เก่งกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด
 

ป.ล.3 พูดเหมือน เคนนี่ ดัลกลิช ก่อนทำศึกแดงเดือดเลย แม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีสิทธิ์เป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 19 แต่ ลิเวอร์พูล ก็ยังยิ่งใหญ่กว่าอยู่ดี เพราะเคยเป็นแชมป์ยุโรปถึง 5 สมัย ขนาดผู้จัดการทีมยังไม่ละเว้น บอกแล้ว เด็กหงส์...น่ากลัวมาก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์