ศาสนาไม่ได้เสื่อม ที่เสื่อมน่ะพวกมารศาสนา !!!








.


จากกระแสของหนังเรื่องนาคปรก


ที่นำเสนอบางเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสังคม


หนังที่ตั้งใจบอกให้เราต้องรับรู้อย่างเปิดเผย


และกล้าที่จะนำเสนอผ่านสายตาผู้คน แน่นอนว่าเรื่องของศาสนา


ก็เช่นเดียวกับการเมืองที่มักจะกลายเป็นข้อห้ามในแวดวงการสนทนา


เพื่อป้องกันความขัดแย้ง การโต้เถียง ซึ่งอาจตามมาด้วยความรุนแรง


เพราะเป็นเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธา


ที่ก่อให้เกิดพลังได้อย่างไม่น่าเชื่อ


ถ้าเราเชื่อและศรัทธาในสิ่งดี


พลังก็จะเป็นไปในทางสร้างสรรค์


หากเชื่อและศรัทธาในสิ่งไม่ดี


ก็แน่นอน ว่าจะออกมาในภาพของการทำลายล้าง อย่างที่ปรากฎอยู่


.



.


ภาพของพระจีวรเกือบแดง ที่กำลังโกนผมให้ผู้หญิง


พุทธศาสนิกชนที่เฝ้ามอง อาจรู้สึกขัดเคืองลูกกะตา แล้วก็ก่นด่าไปตามเรื่อง


หรือภาพของพระที่เดินนำหน้าขบวน หรือแม้แต่ขึ้นเวทีปราศรัย


หลายคนส่งเสียงถาม นั่นใช่กิจของสงฆ์หรือเปล่า


.


ยามเช้า แถวบ้านข้าพเจ้าจะมีพระมาเดินบิณฑบาต


ทราบมาว่า พระก็มีสายเหมือนกัน คือถ้ามีมาจากหลายวัด


ก็จะแบ่งสายกันเดิน ไม่เดินทับเส้นทางกัน


แล้วก็ไม่ใช่ว่าท่านจะเดินมาจากวัดเสียทีเดียว


แต่จะย่นระยะทางโดยการนั่งรถมาลงตรงต้นทางแล้วค่อยลงเดิน


เมื่อเดินครบตามเส้นทาง ท่านก็จะกลับมาขึ้นรถ


หรือไม่ก็นัดหมายให้คนขับรถมารับตรงจุดไหน


ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่เข้าใจได้ว่า พระบางท่านอายุมาก


และถนนปูนซีเมนต์บางทีก็ร้อนจนเดินเท้าเปล่านานๆ ไม่ได้


ขามาไม่เท่าไหร่ ขากลับนี่สิ เพราะเวลานั้นแดดกำลังร้อนแจ๋ๆ


และพระในกรุงเทพฯ กว่าจะกลับวัดก็สายโด่ง


เพราะต้องเผื่อเวลาให้คนที่ตื่นสายได้มีโอกาสทำบุญบ้าง


.



.


แถวตลาดใกล้บ้าน พระไม่ต้องเดินบิณฑบาต


แต่มีเก้าอี้ให้นั่ง ตรงข้ามกับร้านขายอาหาร


ซึ่งคนซื้อก็ซื้อตรงนั้น ซื้อเสร็จก็หันหลังหลับมาใส่บาตรได้เลย


สะดวกสบายดีแท้ ข้าพเจ้าเคยไปใส่บาตรหน้าตลาดบ้างเหมือนกัน


แต่บางครั้งก็ต้องรู้สึกขัดใจ


เวลาที่ท่านกำลังสัพพี (เรียกอย่างนี้หรือป่าว ไม่แน่ใจค่ะ)


สายตาของเราก็อยู่ประมาณบาตรของท่าน


ก็แอบชำเลืองเห็นว่าท่านท่องไป


มือก็สาละวนกับการแยกธนบัตรออกจากถุงใส่อาหาร


ธนบัตรหลากสีจะถูกพับเรียงไว้ที่ก้นบาตร


ส่วนถุงอาหารทั้งหลาย จะถูกโยนลงไปในถุงปุ๋ยหรือกระสอบด้านหลัง


ถุงเบ้อเริ่ม บางวัน 2-3 ถุง พระองค์เดียวฉันอย่างไรก็คงไม่หมด


แต่ไม่ต้องกลัวว่าของเหล่านี้จะถูกนำไปทิ้งขว้างให้เสียของ


เพราะประมาณแค่ช่วงสายๆ จะมีคนขี่มอเตอร์ไซค์


นำถุงเหล่านี้กลับมาตระเวนขายในหมู่บ้าน สนนราคาก็อยู่ที่ถุงละ 10 บาท


จากราคาปกติ 25-30 ถ้าเป็นพวกนมกล่อง


ปลากระป๋อง 5 บาท 10 บาท ขายดิบขายดี หมดเกลี้ยงทุกวัน


.



.


ที่บ้านข้าพเจ้าบอกว่า เรื่องของเขา ถ้าเราตั้งใจทำบุญ


เราก็จะสบายใจ ใครคิดอะไร ทำอะไร ก็ได้อย่างนั้น


หลายๆ ครั้งที่เห็น ก็เลยต้องทำใจ ปลงๆ ไปบ้าง


จนดูเหมือนกับว่า เราเองก็มีส่วนที่ทำให้ศาสนาเสื่อมไปด้วยหรือเปล่า


ฐานที่ทำตัวเคยชิน ซึ่งก็เท่ากับการยอมรับเหมือนกัน


.


สุดท้ายแล้วเมื่อไม่รู้จะคิดไปทำไมให้ปวดหัว


ข้าพเจ้าก็ได้แต่สรุปเอาในใจคนเดียวว่า... ศาสนาไม่ได้เสื่อม


เพราะศาสนาคือความดีงาม คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า


ที่เป็นความจริง ความจริงที่ไม่มีวันดับสิ้น หรือสูญหาย


เรื่องนี้พิสูจน์มาแล้ว ยาวนานเกือบ 3,000 ปี และก็จะยังคงเป็นเช่นนี้เรื่อยไป


.


ที่เสื่อมจริงๆ จึงน่าจะเป็นคน


คนที่แอบอ้างใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ซึ่งก็คงเหมือนกับ


คนเสื่อมที่อยู่ในสังคมอื่นๆ ในสาขาอาชีพอื่นๆ ที่มีทั้งคนดี


และคนไม่ดีเข้าไปใช้ช่องทางทำมาหาประโยชน์


ที่เห็นชัดๆ ก็บรรดานักการเมือง เพราะการเมืองโดยเนื้อแท้ ระบอบโดยเนื้อแท้


ไม่ได้เลวทราม แต่คนต่างหากที่ทำให้เสื่อม


ภาพนักการเมืองเลวๆ ทำให้ผู้คนมองว่าการเมืองเลว ระบอบเลว...


ถ้าจะแก้ ต้องแก้ที่คน ไม่ใช่ไปแก้ที่ระบอบ


ถ้าแก้ไม่ได้ อย่างน้อยเราก็ยังคงต้องเชื่อ ยึดมั่น และศรัทธาต่อไป


คนดีจะเลิกคิดดีไม่ได้ จะท้อแท้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นชีวิตก็อยู่ไม่ได้


เราจะปล่อยให้บ้านเมืองมีแต่คนเลวเต็มไปหมดได้อย่างไร


.



.


วันนี้ ถ้าเราจะยกมือไหว้พระสักองค์ หลายคนคงคิดหนัก


ก็ให้คิดเสียว่า ยึดมั่นในคำสั่งสอน ศรัทธาในความดีงาม


ต้องแยกแยะ...ว่าเราเชื่อและศรัทธาในสิ่งใด คำสั่งสอน หรือ ตัวบุคคล


.


อีกทั้ง คนที่อยู่ในจีวรสีเหลือง


ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาคือพระสาวกของพระพุทธเจ้าเสมอไป


.


ศาสนาไม่เคยเสื่อม ที่เสื่อมลงๆ นั่นคือพวกมารศาสนาต่างหาก


.


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์