วันนี้แชมป์!วันหน้าคือคำถาม?

วันนี้แชมป์!วันหน้าคือคำถาม?

วันนี้แชมป์!วันหน้าคือคำถาม?

สปอร์ต คม วีกเอนด์ : วันนี้แชมป์ วันหน้าคือคำถาม

 

 

                         เป็นอันว่าพรีเมียร์ลีกได้ลุ้นกันต่ออีกหน่อย ไม่เหมือนกับบุนเดสลีกาที่ได้ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ไปแล้ว โดย "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี ลดความสง่างามของ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ลงไปได้หน่อย หลังจากบุกไปชนะที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แต่ถึงทีมของ "เฟอร์กี" เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน จะแพ้ในเกมดาร์บีแมทช์ แต่การที่ระยะห่างอยู่ที่ 12 แต้ม ยังไม่มีใครเชื่อว่า ปีศาจแดง จะพลาดแชมป์ แต่สิ่งที่น่าคิดคือในอนาคต แมนฯ ยูไนเต็ด จะถูกแมนฯ ซิตี ดึงลงจากการเป็นเบอร์ 1 ของอังกฤษหรือไม่

                         ความพ่ายแพ้คารังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ของแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อคืนวันจันทร์ถือว่าเป็นเรื่องเสียหายและเจ็บปวดเหมือนกัน จากการที่เพิ่งตกรอบฟุตบอลถ้วยมา 2 ถ้วยซ้อน แล้วยังต้องมาแพ้คู่แข่งร่วมเมืองในเกมดาร์บี แมทช์เข้าให้อีก แต่ผู้สันทัดกรณีหลายๆ คนยังเชื่อว่าถึงแมนฯ ยูไนเต็ด จะแย่อย่างไรใน 7 นัดที่เหลืออยู่ ช่องห่าง 12 แต้มจะยังให้พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยที่ 13 และแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษสมัยที่ 20 ได้

                         ในทางทฤษฎีแล้ว หากแมนฯ ซิตี จะมาแซงโค้งสุดท้ายคว้าแชมป์พรีเมียร์ไปครองเหมือนเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทีมของ โรแบร์โต มันชินี ต้องฟอร์มสุดยอดจริงๆ เก็บชัยชนะได้ทั้ง 7 นัด ขณะที่ทีมของเซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ต้องเล่นกันแย่ที่สุดในรอบ 8 ปี ซึ่งก็ไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้นแม้กระทั่งร้านรับพนันอย่างถูกกฎหมายของอังกฤษยังไม่อยากจะรับแทงปีศาจแดง เพราะเชื่อว่าฟุตบอลลีกใหญ่ๆ ของยุโรปได้สรุปไปเรียบร้อยแล้วว่าแชมป์ลาลีกาคือ บาร์เซโลนา แชมป์บุนเดสลีกา คือ บาเยิร์น แชมป์กัลโช ซีรีส์ เอ คือ ยูเวนตุส และแชมป์พรีเมียร์ลีก คือ แมนฯ ยูไนเต็ด

                         เป็นเรื่องผิดคาดเหมือนกันที่แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะได้แชมป์อย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่ก่อนเปิดฤดูกาลคาดกันว่าทั้งสองทีมจะเบียดแย่งแชมป์กัน และเกมเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาน่าจะเป็นเกมที่สำคัญ แต่แมนฯ ซิตี แผ่วไปเอง ขณะที่ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ผลงานฤดูกาลนี้ถือว่าผิดมาตรฐาน

                         ขณะที่ผลงานของยูไนเต็ด คงมีไม่บ่อยครั้งที่จะทำได้ดีขนาดนี้ ถึงจะแพ้ แมนฯ ซิตี มาก็ยังมีถึง 77 แต้มจาก 31 นัด ผลงานแบบนี้ไม่ได้เห็นในพรีเมียร์ลีกมาตั้งแต่ฤดูกาล 2004-05 ที่ ชูเซ มูรินโญ นำเชลซี เป็นแชมป์สมัยแรก ดังนั้นถึงจะเสียไป 3 แต้มในเกมดาร์บีแมทช์ แต่ผลงานบนตารางคะแนนของแมนฯ ยูไนเต็ด ยังพอมีโอกาสทำลายสถิติของเชลซี และมูรินโญ ที่ทำเอาไว้ 95 แต้ม

                         ดังนั้นในฤดูกาลนี้เป็นอันสรุปได้ว่าปีศาจแดงคงไม่พลาด

                         นอกจากผลงานแล้ว ถ้ามองลึกลงไปถึงการทำทีมของเฟอร์กี จะเห็นได้ว่านโยบายการจัดทีมไม่มีพึ่งพาผู้เล่นชั้นยอดเพียงไม่กี่คน ในทีมชุดใหญ่มีผู้เล่นเพียงแค่ 6 รายเท่านั้นที่ได้ลงสนามในลีกเกิน 20 นัดจาก 31 นัดที่ลงสนามมา

                         "อาร์วีพี" โรบิน ฟาน เพอร์ซี, ไมเคิล คาร์ริค และ ปาทริซ เอฟรา เป็น 3 คนที่ลงสนามถึง 28 นัด ขณะที่ ดาวิด เด เกีย ได้เล่น 23 นัด และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ได้เล่น 22 นัด

                         หากเปรียบเทียบกับทีมใหญ่ทีมอื่นๆ แล้ว ยูไนเต็ด ยังน่าจะได้เปรียบเรื่องความสดในช่วงท้ายฤดูกาล อย่างเชลซี มีผู้เล่นถึง 9 คนไม่ว่าจะเป็น แกรี เคฮิลล์, ปีเตอร์ เช็ก, แอชลีย์ โคล, เอดอง อาซาร์ด, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด ลุยซ์, ฆวน มาตา, รามิเรส และเฟอร์นันโด ตอร์เรส

                         ทางซิตี มี 7 คนมากกว่ายูไนเต็ดเล็กน้อย โดยตัวหลักที่มันชินี ใช้ในลีกเป็นประจำคือ แกเร็ธ แบร์รี, โจ ฮาร์ท, แวงซองต์ กอมปานี, ดาวิด ซิลบา, คาร์ลอส เตเบซ, ยายา ตูเร และพาโบล ซาบาเลตา ส่วนกลุ่มที่ตามหลังมาก็ไม่ต่างกันอย่าง ลิเวอร์พูล เล่นในลีกเกิน 20 นัดไป 9 คน, สเปอร์ส 8 คน และเอฟเวอร์ตัน 8 คน จะมีก็เพียง "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เท่านั้นที่มี 6 คนเท่ากับแมนฯ ยูไนเต็ด แต่อาร์เซนอล เองยังมีนักเตะอีกถึง 5 คนที่ต้องเล่น 18 หรือ 19 นัด ซึ่งยูไนเต็ดไม่มีสถิติตรงนี้

                         เรื่องนี้อาจจะเป็นเพราะแมนฯ ยูไนเต็ด มีตัวเลือกเยอะ เป็นทีมที่ครบเครื่องสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด ดังนั้นเมื่อผู้เล่นหลักๆ บาดเจ็บ หรือว่าบางคนฟอร์มตกลงไปอย่าง เวย์น รูนีย์ ก็ยังมีคนอื่นๆ มาแทน

                         เนมันยา วิดิช ยังคงเป็นกัปตันทีม แต่ก็ไม่ได้ลงเล่นในลีกมากนัก มีโอกาสเป็นตัวจริงไม่ถึงครึ่งของ 31 นัดในลีกที่ผ่านมา และเป็นคนอื่นๆ อย่างเช่น จอนนี อีแวนส์ ที่มาเป็นหลักแทนอยู่พักหนึ่ง ส่วนแดนกลางก็มีการปรับเปลี่ยนกันเยอะมาก การปรับบางนัดก็อาจจะแย่ไปบ้างอย่างเช่นเกมกับซิตี แต่ส่วนใหญ่แล้วถือว่าได้ผล

                         เรื่องการปรับเปลี่ยนผู้เล่น หรือการหาผู้เล่นเข้ามาเป็นหลักทดแทน จัดว่าเป็นเรื่องเก่งของเฟอร์กี อยู่แล้ว อย่างถ้าจะให้จัดแผงหลังที่ดีที่สุดในยุคของ เฟอร์กี ก็ยังไม่รู้ว่าจะเลือกใครบ้างอย่างยุคหลังมี เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เป็นนายทวาร กองหลังที่ดีที่สุดคงเป็น แกรี เนวิลล์, เนมันยา วิดิช, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และปาทริซ เอฟรา แต่ถ้ามองย้อนไปในอดีตก็มีทีมรับชั้นยอดอยู่อีกชุดมี ปีเตอร์ ชไมเคิล เป็นนายทวาร กองหลังก็มี พอล ปาร์คเกอร์, สตีฟ บรูซ, แกรี พัลลิสเตอร์ และเดนิส เออร์วิน

                         ดาวิด เด เกีย คงรู้ดีถึงการปรับทีมของเฟอร์กี ดี เพราะลงสนามทุกถ้วยในฤดูกาลนี้มาแล้ว 36 นัด แต่มีถึง 22 นัดที่ต้องเล่นกับแบ็กโฟร์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งตามปกติแล้วเรื่องแผงหลังแบ็กโฟร์เขาจะไม่ค่อยเปลี่ยนกัน เพราะต้องการความเข้าใจในการเล่น แต่เมื่อเฟอร์กี กล้าๆ เปลี่ยนแผงหลังบ่อยครั้ง ย่อมไม่ต้องไปพูดถึงแดนกลางและแดนหน้า

                         เกมดาร์บีแมทช์ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด อาจจะเป็นเพียง 1 เกมที่เฟอร์กี พลาดเรื่องการจัดทีม แต่ทีมโดยรวมชุดนี้ก็ยังถือว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดในเกาะอังกฤษประจำฤดูกาลนี้อยู่ดี ส่วนในฤดูกาลหน้าคงหาคนเดาใจเฟอร์กีได้ยากว่าจะเอายังไงต่อไป และผลงานจะกลับไปตามหลังแมนฯ ซิตี หรือไม่

                         สำหรับฤดูกาลนี้ แมนเชสเตอร์ดาร์บี ช่วงท้ายฤดูกาลเป็นซิตี ที่ชนะการรบ แต่เป็นยูไนเต็ด ที่ชนะสงครามโดยรวมอยู่ดี

 

 

-------------------

(สปอร์ต คม วีกเอนด์ : วันนี้แชมป์ วันหน้าคือคำถาม)


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์