ร่วมลุ้นศึก “เรด วอร์” อาทิตย์นี้(จากคอลัมภ์ฟรีสไตร์จากอังกฤษของเดลินิวส์)

 




ไม่รู้จะผิดหรือเปล่าที่ผมจะบอกว่า ผมแอบเชียร์ให้ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะในเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาอยู่เหมือนกัน
    ใช่ว่าผมจะปันใจ หรืออื่นใดครับ หัวใจผมมันยังเป็นฟีโน่ เอ๊ย! ยังเป็น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เหมือนเดิม
    ที่คิดอะไรแปลก ๆ แบบนี้จนหลายคนประหลาดใจ นั่นเป็นเพราะผมหวังดีต่อ ลิเวอร์พูล นั่นแหละครับ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลยแม้แต่น้อย
    เพราะในมุมหนึ่ง ผมเชื่อว่าถ้า แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปคว้า 3 แต้มเหนือ เชลซี ได้ย่อมหมายถึงการคว้าแชมป์ในทางความรู้สึกไปเรียบร้อยแล้ว ประหนึ่งแต่งตัวรอคิดสุนทรพจน์ไว้พูดวันชูถ้วยแชมป์ได้เลย
    ครับ นั่นย่อมหมายถึงแชมป์สมัยที่ 19 ของผีแดงด้วย และนั่นก็หมายถึงการสิ้นสุดเกียรติภูมิ “ทีมที่คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 สูงสุดในเกาะอังกฤษ” (ลีกสูงสุด) ที่ ลิเวอร์พูล สั่งสมมาตั้งแต่อดีตลงแค่ตรงนี้
    ต่อเรื่องนี้ เดอะ ค็อป ทุกคนย่อมทำใจยอมรับไม่ได้ครับ โดยเฉพาะกับการที่ต้องเห็นคู่ปรับตลอดกาลมาแซงหน้าแบบนี้ มัน “หยาม” กันเห็น ๆ
    อย่างไรก็ตาม ที่ผมอยากจะให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะนั่นเป็นการมองโลกแบบความเป็นจริงครับ เพราะโดยส่วนตัวผมยังเชื่อว่าไม่ว่าจะอย่างไรทีมของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็จะยังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ได้อยู่ดี
    เหตุผลนั้นง่าย ๆ คือ ทีมผีแดงเป็นทีมที่เล่นได้สม่ำเสมอที่สุด อาจจะไม่ได้เปรี้ยงปร้าง  มากมาย แต่ก็เก็บชัยชนะ หรือไม่แพ้มาได้ต่อเนื่อง ในขณะที่ทีมอื่นผลงานดีสลับร้าย ขาดความสม่ำเสมอ
    เมื่อเป็นเช่นนี้สู้ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ช่วย “ตัดแต้ม” เชลซี ซึ่งน่าจะเป็นคู่ชิงของ ลิเวอร์พูล สำหรับตำแหน่งอันดับที่ 4 ที่ผมยังมองว่ายังพอมี “ความเป็นไปได้” มากกว่าที่จะเกิดขึ้น เพราะคู่แข่งในกลุ่มนี้ไม่ว่าจะเป็น เชลซี สเปอร์ แมนฯซิตี ต่างก็สามารถจะสะดุดกันได้ง่าย ๆ ทุกทีม
    จากนั้นมาลุ้นให้ผีแดงบุกมาแพ้ที่แอนฟิลด์ ในเกม “ศึกแดงเดือด” วันอาทิตย์นี้แทน ซึ่งถ้าผลลัพธ์ออกมาเป็นตามที่ผมบอก นอกจาก ลิเวอร์พูล จะได้สะใจแล้วก็ยังจะได้ลุ้นไปกับการชิงพื้นที่สโมสรยุโรปด้วย
    แต่เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว ลิเวอร์พูล เองก็ยังต้องทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด ซึ่งย้ำอีกครั้งครับว่า ผมยังเชื่อว่าทีมของ เคนนี ดัลกลิช ยังมีลุ้นถึงระดับไปแชมเปี้ยนส์ลีก อยู่ ถ้ากลับมาเก็บชัยชนะได้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ
    เพราะปีนี้เป็นปีที่ฟุตบอลค่อนข้างจะ “เปิดกว้าง” สถานการณ์สามารถพลิกผันได้ตลอด ตัวอย่างแบบเป็น “รูปธรรม” ที่ได้ที่เห็น คือ เกมนัดชิง คาร์ลิง คัพ ที่ เบอร์มิงแฮม ยังสามารถคว่ำ อาร์เซนอล ชุดใหญ่คว้าแชมป์มาครองได้อย่างชนิดต้องปรบมือให้
    สำหรับเกมสงครามสีแดงที่แอนฟิลด์ ในวันอาทิตย์นี้ แฟน ๆ หงส์สบายใจได้ครับ เพราะโดยส่วนตัวยังเชื่อว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีทางจะบุกมาเอาชนะได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
    ลิเวอร์พูล อาจจะไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีต่อเนื่องเหมือนช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อน โดยเรียกว่าฟอร์มเริ่มดร็อปลงมาตั้งแต่เกมที่เสมอกับ วีแกน แต่กับบอลแมตช์นี้ ฟอร์ม หรือผลงานไม่ได้เป็นตัวที่จะชี้ชัดได้ว่าใครเหนือกว่าใคร
    แมนฯ ยูไนเต็ด เองก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่เลิศเลออะไรเช่นกัน และปัจจัยสำคัญที่อาจจะส่งผลต่อผลการแข่งขันได้ คือการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะขาดคู่เซ็นเตอร์ตัวหลักไปทั้ง ริโอ เฟอร์ดินานด์ (เจ็บ) และ เนมานยา วิดิช (แบนจากใบแดงเกมเชลซี)
    นั่นหมายถึงการที่พวกเขาจะต้องใช้บริการของ เวส บราวน์ และ คริส สมอลลิง ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องระดับฝีเท้าย่อมสู้กับสองตัวหลักไม่ได้อยู่แล้ว
    เรื่องนี้มาบวกกับกระแสข่าวว่า ลิเวอร์พูล น่าจะได้ ดาเนียล แอกเกอร์ และ ฟาบิโอ ออเร
ลิโอ กลับมาแน่ ๆ ในนัดนี้ นั่นหมายถึงความสมดุลในระบบทีมของ “คิงเคนนี” จะดีขึ้น
    เหตุผลเพราะทั้งสองคนเป็นนักเตะทักษะดี การครองบอล การผ่านบอลทำได้ดี และมีความนิ่ง รวมถึงสนับสนุนเกมรุกได้ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ดร็อปลงไปในหลายนัดหลัง
    และถ้ามี แอนดี แคร์โรลล์ หายเจ็บกลับมาจริง ๆ อีกคน นั่นย่อมหมายถึงโอกาสที่มากขึ้นสำหรับ ลิเวอร์พูล ครับ
    เท่าที่ผมทราบมา แคร์โรลล์ เริ่มกลับมาซ้อมกับทีมได้ตั้งแต่วันอังคาร โดยดูมีความกระตือรือร้นดีหลังจากที่ไม่ได้ลงเล่นมาตั้งแต่ 28 ธ.ค. ปีที่แล้ว และที่สำคัญคือมีข่าวว่า “ลิงค์” กับ หลุยส์ ซัวเรซ ได้ดีมากอีกด้วย
    เรื่องนี้เองก็เป็นจุดที่น่าจะสร้างสีสันให้กับเกมคู่นี้ได้ดีพอสมควร เพราะใคร ๆ ก็อยากจะเห็นฟอร์มของกองหน้าค่าตัว 35 ล้านปอนด์ทั้งนั้นว่าจะมาอุดรูโหว่ที่ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ทิ้งเอาไว้ให้ได้หรือไม่
    โดยส่วนตัวมองว่า แคร์โรลล์ เป็นกองหน้าแววดี มีศักยภาพที่จะเติบโตได้ครับ แต่จะทำได้ในระดับเดียวกับที่ ตอร์เรส เคยทำไว้หรือเปล่านั้นไม่แน่ใจ เพราะต้องยอมรับว่า “เอล นินโญ่” เป็นกองหน้าพรสวรรค์ที่มีฝีเท้าในระดับโลกของจริง
    แต่ดูทรงแล้วไอ้หนุ่มผมยาวที่เห็นหน้าทีไรก็นึกถึงพวกช่างไม้หรือช่างสี ในอังกฤษ (ชอบ
ทำผมยาว แล้วมัดไว้) คล้าย เดวิด ซีแมน ช่วงปลาย ๆ ค้าแข้ง ไม่ใช่กองหน้าที่จะทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำถึงขั้น 25 ประตูขึ้นไปต่อฤดูกาลเหมือนรายของ ตอร์เรส ครับ อาจจะอยู่แค่ 15-20 ประตูต่อฤดูกาลเท่านั้น
    ประโยชน์ที่แท้จริงของ แคร์โรลล์ จะอยู่ที่เรื่องของความหนัก ความใหญ่ ความดุดัน และเซนส์บอลที่น่าจะทันกันกับ หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งเป็นคนที่อาจจะไม่ใช่กองหน้าแท้ ๆ แต่ก็เป็นกองหน้าที่มี “จมูก” ของกองหน้า
    ภาวนากันนะครับให้ แคร์โรลล์ ได้โอกาสลงในเกมนี้จริง ๆ เพราะมันจะทำให้อุณหภูมิของเกมตื่นเต้นขึ้นอีกหลายดีกรี
    เท่าที่เช็กดู แค่มีข่าวว่าดาวยิงเบอร์ 9 คนใหม่ลงซ้อมแบบเต็ม ๆ ได้ เดอะ ค็อป ก็แตกฮือแล้ว มีการร่วมแสดงทรรศนะกันใหญ่ทั้งการคอมเมนต์ท้ายข่าวของสำนักข่าวต่าง ๆ หรือการแสดงความคิดเห็นใน เว็บบอร์ดหรือฟอรั่มต่าง ๆ
    ส่วนฟาก “ผีแดง” ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นให้พูดถึงมากนัก แต่ก็เป็นเกมที่พวกเขาแพ้ไม่ได้เช่นกัน เพราะถ้าแพ้นั่นหมายถึงโอกาสในการลุ้นแชมป์อาจจะกระเทือนได้ เพราะในเวลานี้นำหน้า อาร์เซนอล อยู่แค่ 4 แต้ม โดยลงเล่นมากกว่า 1 นัด ซึ่งก็มีโอกาสที่จะโดนแซงได้เหมือนกัน
    อุ่นเครื่องกันพอสังเขปครับ เพราะที่สุดแล้วเกม “ศึกแดงเดือด” ก็เป็นศึกใหญ่ที่ไม่มีใครอยากจะพลาด ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลของหงส์แดง หรือผีแดงหรือไม่ก็ตาม
    คู่นี้ถ้าอยากนั่งชมสบาย ๆ ที่บ้าน ทรูวิชันส์ เขาจัดให้ชมทั้งแบบความคมชัดปกติ และความคมชัดแบบ HD แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศเชียร์บอลมัน ๆ สามารถไปจอยกันได้ที่ มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ (แดนเนรมิต) ที่จะมีการถ่ายทอดสดบนจอขนาดยักษ์ และอีกหลายแห่ง อาทิ ฟิวเจอร์ปาร์ค, เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์, มาร์เก็ต พาเหรด มีนบุรี และอื่น ๆ ทั่วประเทศ
    ยังไงก็เลือกวิธีชมกันได้ตามอัชฌาสัยนะครับ เฉพาะอย่างยิ่งแฟนหงส์ ที่ช่วง “ขาลง” แบบนี้คงหาความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรไม่ได้นอกจากดูดสัก 3 แต้มจากคู่ปรับสำคัญที่สุดครับ.


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์