รู้จักชายชื่อ“เฟเดริโก้ มาเชด้า”ผู้ขโมยซีนเบนายูน





             คำว่า ลูกกลมๆอะไรก็เกิดขึ้นได้ เป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งในโลกฟุตบอล ที่สะท้อนให้เห็นว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน แต่
ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก สัปดาห์นี้ กลับมีฮีโร่ ที่สามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันถึง 2 คนใน 2 เกมสุดสำคัญ 

           
เหตุเริ่มต้นจากวันเสาร์ เวลาประมาณ 01.20 น. ตามเวลาประเทศไทย นกหวีดจากกรรมการกำลังจะถูกพ่นลมออกมา เพื่อปิดฉากเกม แต่แล้วกลับดันมีพระเอกที่ชื่อ ยอสซี่ เบนายูน ที่มาเอา 3 คะแนนชนิดโค้งสุดท้าย (ฟูแล่ม แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1) ในเกมที่เรียกว่า เกือบจะไร้โชคไปซะทีเดียว จนกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ของวงการลูกหนังไปในคืนวันเสาร์

           
แต่ให้หลังไม่ถึง 24 ชั่วโมงดี ในวันอาทิตย์ กลับเกิดฮีโร่คนใหม่ ชนิดที่หลายคนร้อง ใครวะ การเปิดตัวครั้งแรกแต่เปี่ยมด้วยคุณภาพ สำหรับเด็กหนุ่มวัยเพียง 17 ปีที่อิมพอร์ตจากอิตาเลียนนาม เฟเดริโก้ กิโก้ มาเชด้า (Federico Macheda) วันเกิด 22 สิงหาคม 1991 (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-2)

            
หลังจากแพ็คกระเป๋าอำลา ลาซิโอ ในบ้านเกิดมาอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2007 ก่อนจะเซ็นสัญญาอาชีพในปี 2008 เจ้าตัวยังแทบไม่เคยสัมผัสเกมของทีมชุดใหญ่ แต่เกมแรกที่เขาลงสนามในวันที่ ผีพิการ ขาดตัวหลักไปครึ่งทีม เด็กหนุ่มรายนี้กลับมาแจ้งเกิดในเกมที่ใครก็คงไม่ลืมในปี 2009

           
โดยเฉพาะแฟนทีม หงส์แดง ที่คงไม่ลืมชื่อนี้แน่ๆ เนื่องจากประตูของ มาเชด้า อาจส่งผลต่อความหวังในฤดูกาลนี้ที่เหลืออยู่ของ ลิเวอร์พูล เพราะจากโมเมนตัม ที่ดูเหมือนทุกอย่างจะเข้าทาง หลังพลัดพรากจากแชมป์ลีกมา 19 ปีเต็ม แต่มันกำลังจะกลับตาลปัตรอีกครั้ง

           
จังหวะลูกตอกส้นด้วยซ้ายหยุดบอล ก่อนจะหมุนตัวยิงด้วยขวาเข้าเสาไกล ขโมยซีนรุ่นพี่ที่ยิง 2 ประตูในเกมนี้อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แถมยังทำให้กระแส เบนายูน ถูกกลบสนิท เพราะประตูนี้แทบจะถูกมองว่า มันเป็นประตูตัดสินเส้นทางที่เหลือของฤดูกาลได้เลยทีเดียว

            
เพราะมันจะเป็นประตูที่ปลุกแมนฯ ยูไนเต็ด ให้ตื่นอีกครั้งหลังจากสะดุดคว่ำมา 2 นัด ซึ่งเส้นทางที่เหลือจากนี้ มาเชด้า อาจจะไม่ได้โอกาสลงสนามอีกเลยก็เป็นได้ แต่เขาก็มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อทีมในการเรียก ความเชื่อมั่น กลับมาอีกครั้ง ในเกมที่สิ่งเหล่านี้ขาดหายไป

            
อย่างไรก็ตาม เกมการแข่งขันยังคงเหลือให้ หงส์แดง ได้ลุ้นคะแนนอีก 7 นัด ขณะที่ ปีศาจแดง เหลือ 8 นัด นั่นไม่ได้หมายความว่า ทุกอย่างจะจบลงในเกมนี้ แม้โมเมนตัมกำลังจะเทมาทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ตามที  

           
ซึ่งจากจุดนี้ อาจจะเป็นความรู้สึกในการลุ้นแชมป์ที่เข้มข้นมากขึ้นของ 2 ยักษ์ใหญ่ แต่ไม่ว่าทีมใดจะเข้าป้ายในบั้นปลาย ฤดูกาล 2008-09 จะได้รับการจดจำในฐานะฤดูกาลที่ดีที่สุดปีหนึ่งของ พรีเมียร์ลีก 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์