ผีไร้รูนีย์จับตายซัวเรซ

'ผี'ไร้'รูนีย์'จับตาย'ซัวเรซ'

'ปีศาจแดง' ไร้ 'รูนีย์' รับมือ 'หงส์แดง' ในศึกพรีเมียร์ลีกนัดวันแดงเดือดอาทิตย์ที่ 13 ม.ค. ขณะที่ทีมเยือนไร้ปัญหาเพิ่ม ส่ง 'สเตอร์ริดจ์ - ซัวเรซ' ลงล้างตา

 

                              ศึกพรีเมียร์ลีกนัดวันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงที่มี 52 แต้มจาก 21 นัดจะเปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด ดวลศึกแดงเดือดกับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่มีแต้มตามหลังอยู่ถึง 21 แต้มในเวลา 20.30 น. ซึ่งจะเป็นการล้างตากันอีกครั้งในฤดูกาลนี้หลังจากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เคยบุกไปชนะที่แอนฟิลด์มา 2-1 เมื่อต้นฤดูกาล

                              อย่างไรก็ตาม "เฟอร์กี้" เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมเจ้าถิ่นไม่สามารถจัดแนวรุกได้เต็มที่นัก เนื่องจาก เวย์น รูนีย์ หัวหอกทีมชาติอังกฤษยังมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ไม่สามารถลงสนามนัดนี้ได้อย่างแน่นอน ทำให้ เฟอร์กี้ จะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี เป็นกองหน้าคู่กับ "ชิชาริโต" ฮาเวียร์ เฮอร์นันเดซ หรือจะให้ ฟาน เพอร์ซี ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าและให้ ชินจิ คางาวะ กองกลางทีมชาติญี่ปุ่นเป็นหน้าต่ำคอยเชื่อมเกม

                              ส่วนข่าวดีของปีศาจแดงอยู่ที่แดนกลางเมื่อจะมีผู้เล่นกลับมาเป็นตัวเลือกอีก 2 รายคือ นานี ปีกทีมชาติโปรตุเกสที่ฟิตกลับมาซ้อมได้เต็มทีมแล้ว น่าจะมีชื่อตัวสำรองในทีมได้เช่นเดียวกับ อันแดร์สัน กองกลางชาวบราซิเลียน นอกจากนี้ เฟอร์กี้ ยังกำชับให้แนวรับของทีมที่คาดว่ามี ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมันยา วิดิช ยืนเป็นหลักคอยจับตาย หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าตัวเก่งของลิเวอร์พูล พร้อมย้ำต้องมีสมาธิตลอดเกมเพราะซัวเรซ ถือว่าเป็นยอดนักเตะรายหนึ่งของโลก

                              ฝั่ง ลิเวอร์พูล ของกุนซือเบรนแดน ร็อดเจอร์ส อาจจะส่ง ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ลงมาเล่นเกมรุกร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นครั้งแรก หลังจากที่เกมเอฟเอ คัพ ทั้งสองคนยังไม่มีโอกาสได้อยู่ในสนามพร้อมๆกัน โดยอาจจะโยกเอา ซัวเรซ ออกไปเป็นกองหน้าตัวริมเส้น

                              ขณะที่ปัญหาของทีมตอนนี้แทยจะไม่มีปัญหาเพิ่มเข้ามา ฟาบิโอ บอรินี หัวหอกชาวอิตาเลียน หายเจ็บเท้ากลับมาแล้ว และน่าจะมีความฟิตพอที่จะมีชื่อเป็นตัวสำรอง ดังนั้นปัญหาของทีมจึงเหลืออยู่ที่ผู้เล่นในแนวรับคือ โฆเซ เอนริเก กับ มาร์ติน เคลลี ยังมีอาการบาดเจ็บ ซึ่งที่ผ่านมาสถิติของคู่นี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังถือความได้เปรียบอยู่มาก เมื่อเก็บชัยชนะไปแล้ว 73 นัด เสมอกัน 51 นัด และ ลิเวอร์พูล ชนะ 62 นัด เกมล่าสุดที่พบกันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เอาชนะไปได้ 2-1

                              ด้านเกมอีกคู่ในเวลา 23.00 น. "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ที่มี 34 แต้มจะเปิดสนามเอมิเรตส์ ทำศึกบิ๊กแมทช์ กับ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี รองจ่าฝูงที่มี 45 แต้ม ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี มีผลงานไม่ดีนักเมื่อมาเยือนสนามแห่งนี้ เนื่องจากเกมในลีกตั้งแต่ปี 2007 ทีมเยือนไม่สามารถยิงประตูได้เลยแม้แต่ประตูเดียว

                              ในส่วนของตัวผู้เล่นเจ้าถิ่นมีความสมบูรณ์เต็มที่นักเตะตัวหลักๆ สามารถลงสนามกันได้ครบ ตัวเจ็บเหลือเพียงแค่ 2 คนที่ยังลงไม่ได้คือ อาบู ดิยาบี ในแดนกลาง และ อังเดร ซานโตส ฟูลแบ็ก ซึ่ง อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือเจ้าถิ่นยังน่าจะวางให้ ธีโอ วัลคอตต์ เป็นกองหน้าตัวเป้าต่อไป

                              ทีมเยือนจะไม่มี ซามีร์ นาสรี อดีตกองกลางของอาร์เซนอลกลับไปเยือนทีมเก่าเนื่องจากยังต้องติดโทษแบน แต่น่าจะได้ มาริโอ บาโลเตลลี หัวหอกอิตาเลียนหายป่วยกลับมาเป็นตัวเลือก ส่วนนักเตะที่ยังกลับมาลงสนามไม่ได้ก็มีทั้ง อเลกซานเดอร์ โคลารอฟ, ไมคอน, ไมกาห์ ริชาร์ดส์ และ แจ็ค ร็อดเวลล์


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์