ผีเจ้ายุโรป!ยิงเป้าโค่นเชลซีสุดระทึก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดประกาศศักดาคว้าแชมป์ยุโรปอย่างยิ่งใหญ่

หลังยิงจุดโทษแม่นกว่าเอาชนะไปอย่างสุดบีบหัวใจโดยช่วงต่อเวลาเกือบมีมวยหมู่ลงท้ายดิดิเยร์ ดร็อกบาถูกบูชายันต์ใบแดงและเชลซีก็รูดม่านฤดูกาลนี้ด้วยรองแชมป์สามรายการอย่างชอกช้ำระกำใจอีกด้วย

บรรยายเกมโดยดา ขาเดฟ(นักข่าวน้องใหม่คิกออฟ)

ผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

นัดชิงชนะเลิศ

วันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2551

แมนฯยูไนเต็ด 1-1 เชลซี

(ต่อเวลาพิเศษ 30 นาที เสมอกัน 1-1 แมนฯยูไนเต็ดชนะดวลจุดโทษ 6-5)

สนาม : ลุซนิกี้ สเตเดี้ยม

ประตู :1-0 คริสติอาโน่ โรนัลโด้ น.26,1-1 แฟรงค์ แลมพาร์ด น.45

ผู้ชม : 69,552 คน


ช่วงต้นเกม แดนกลางทั้งสองทีมสู้กันอย่างสูสี กว่าจะได้ลุ้นเสียวกันจังหวะแรกต้องรอจนถึงนาที 16โรนัลโด้แผลงฤทธิ์กระชากบอลหนีเอสเซียงที่ริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะโยนเข้ากลางตั้งใจจะให้ฮาร์กรีฟส์โขกที่เส้น 6 หลา แต่บอลลอยโด่งเลยฮาร์กรีฟส์ไปนิดเดียว



 
อย่างไรก็ตาม

นาที 26 พอล สโคลส์ชิ่งบอลทางด้านริมเส้นฝั่งขวากับบราวน์ ก่อนที่บราวน์จะบรรจงจากมุมเขตโทษเข้าไปให้โรนัลโด้ขึ้นเทคโหม่งคนเดียวโล่งๆที่ระยะ 6หลา บอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าไปเป็นประตูชนิดที่เช็กได้แต่ยืนนิ่งเท่านั้น แมนฯยูไนเต็ดออกนำ 1-0

เกมดำเนินถึงนาที 33 เชลซีน่าเจาะประตูคืนได้แบบสุดๆ เมื่อแลมพาร์ดหยอดบอลจากหน้าเขตโทษไปให้ดร็อกบาไปโขกโยนกลับมาจากเส้นหลัง บอลมาตกที่หน้าประตู และทางด้านบัลลัคโถมเข้าไปกดดันเฟอร์ดินานด์ ทำให้เฟอร์ดินานด์โขกสกัดจากเส้น 5 หลาเกือบจะเข้าประตูตัวเอง แต่ฟาน เดอร์ ซาร์ยังไวผวาปัดไว้ได้ ก่อนที่สโคลส์จะโขกทิ้งไป

แต่จังหวะต่อมา แมนฯยูไนเต็ดก็มีลุ้นทำประตูเหมือนกัน เมื่อรูนี่ย์โยนบอลยาวข้ามฟากไปให้โรนัลโด้ทางด้านขวา โด้จิ๋วจัดการผ่านเข้ากลางให้เตเบซพุ่งโหม่งกลางประตู 6 หลา แต่เช็กยังผวาทิ้งตัวปัดไว้ได้ ก่อนที่เทอร์รี่จะเคลียร์ไปข้างหน้า ทว่าบอลยังไปเข้าทางปืนของคาร์ริคซึ่งยิงเต็มข้อจากแถวสองทันที แต่ปีเตอร์ เช็กยังพุ่งเซฟไว้ได้อีกครั้งอย่างยอดเยี่ยม

เกมรับของเชลซียังคงมีช่องโหว่ให้ผีแดงทะลวงอยู่เรื่อยๆ นาที 42 รูนี่ย์ลุยขึ้นมาด้านขวาแล้วผ่านเรียดเข้ากลาง มาเกเลเล่พยายามสไลด์ทิ้งแต่ไม่โดน ส้มหล่นมาถึงเตเบซ แต่หอกอาร์เจนไตน์กลับเข้าฮอสระยะ 6 หลาไม่ดี บอลพุ่งหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

จากนั้น เชลซีได้โอกาสลุ้นแบบจะแจ้งบ้าง เมื่อบัลลัคปั่นฟรีคิกตรงเส้นเขตโทษด้านซ้าย แต่บอลก็ลอยข้ามคานออกไป นาที 43

แต่ถึงกระนั้นเชลซีก็มาได้ประตูตีเสมอในช่วงนาทีสุดท้ายครึ่งแรก เมื่อเอสเซียงยิงไกลไปแฉลบวิดิชและเฟอร์ดินานด์ ทำให้ฟาน เดอร์ ซาร์เสียจังหวะ ก่อนที่แลมพาร์ดจะใช้วิญญาณเพฌฆาตวิ่งเข้าไปยิงเน้นๆ เข้าไปตุงตาข่าย เชลซีตีเสมอเป็น 1-1 ก่อนที่จะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

เปิดฉากมาเล่นครึ่งหลัง ผีแดงลุยเข้าใส่ก่อน โรนัลโด้แทงบอลให้เอวร่าหลุดเข้าไปถึงเส้นหลังด้านซ้าย ก่อนจะตักเข้ากลาง ฮาร์กรีฟส์พยายามโหม่งที่เสาสอง แต่ก็มาช้าไปเสี้ยววินาที นาที 54

ทว่านาทีต่อมา เชลซีก็สวนกลับทันควัน มาลูด้าแทงบอลให้เอสเซียงควบจี้เข้าไปหากรอบเขตโทษ ก่อนจะล็อกหลอกทั้งโรนัลโด้และวิดิชจนถลำ แล้วตั้งป้อมยิงเต็มเหนี่ยว ทว่าบอลพุ่งข้ามคานออกไปนิดเดียว เชลซีเริ่มได้ใจและกดดันแผงหลังผีแดงต่อไป นาที 59 บัลลัคง้างตีนยิง 30 หลาแต่บอลก็ข้ามคานออกไปแบบได้เสียวเหมือนกัน



เกมรุกของแมนฯยูไนเต็ดเริ่มช็อตไป

ทำให้ต้องหันมาพึ่งความสามารถเฉพาะตัวของโรนัลโด้เข้าทำมากขึ้น กระทั่งนาที 74 โรนัลโด้กระชากผ่านเอสเซียง ก่อนจะลากเข้าไปกระหน่ำมุมแคบด้านซ้าย 6 หลา แต่ก็ยังหลุดกรอบออกไป

ขยับมาถึงนาที 78 เชลซีน่าจะพลิกแซงได้แบบสุดๆ เมื่อมาลูด้าต่อบอลให้ดร็อกบาปั่นที่หน้าเขตโทษด้านซ้าย 25 หลา บอลโค้งไปชนเสาไกลเต็มๆ

นาที 87 ป๋าอเล็กซ์ส่งกิ๊กส์ลงมาแทนสโคลส์ ซึ่งทำให้กิ๊กส์สนามให้สโมสรเป็นนัดที่759 ทุบสถิติลงเล่นให้สโมสรมากที่สุดของเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตันลงได้สำเร็จ จากนั้นทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ จบ 90 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป

ช่วงต่อเวลาพิเศษออกมา 4 นาที

เชลซีน่าจะโป้งปิดบัญชีได้เมื่อบัลลัคต่อบอลให้แลมพาร์ด กลับตัวยิงในเขตโทษแต่บอลพุ่งไปชนคานเต็มๆ โจ โคลวอลเลย์ซ้ำดาบสองแต่ก็หลุดกรอบไป

จากนั้นโอกาสเป็นของผีแดงบ้าง นาที 101 เมื่อเอวร่าโซโล่ลุยเข้าไปในเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะหักให้กิ๊กส์จิ้มเน้นๆ 10 หลา แต่เทอร์รี่โขกสกัดจากหน้าปากประตูได้อย่างเหลือเชื่อ
แต่แล้ว นาที 116

ต้องเกิดจุดพลิกผันของเกมในจังหวะที่ผู้เล่นทั้งสองทีมมีปัญหาชุลมุนกันอยู่ ดร็อกบาเอามือไปปัดหน้าวิดิช ลูบอส มิเชล จัดการชูใบแดงตะเพิดแมลงสาบพ้นจากสนามไป ครบ 120 นาทียังเสมอกัน 1-1 ต้องชี้ขาดแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ

ช่วงดวลจุดโทษ 5 คนแรก

ต่างฝ่ายต่างพลาดทีมละหนึ่งคน ฝั่งแมนฯยูไนเต็ดยิงไปติดเซฟ ขณะที่เทอร์รี่ยิงหลุดกรอบ และเมื่อถึงคนที่ 7 กิ๊กส์ยิงให้แมนฯยูไนเต็ดได้ แต่อเนลก้ากลับยิงไปติดเซฟ ทำให้แมนฯยูไนเต็ดเป็นเจ้ายุโรปสมัยที่ 3 ด้วยการชนะในการดวลจุดโทษ 6-5

• แมนฯยูไนเต็ด - เชลซี

1.เตเบซ (เข้า) 1. บัลลัค (เข้า)

2. คาร์ริค (เข้า) 2. เบลเล็ตติ (เข้า)

3.โรนัลโด้ (ไม่เข้า) 3.แลมพาร์ด (เข้า)

4.ฮาร์กรีฟส์ (เข้า) 4.แอชลีย์ โคล(เข้า)

5.นานี่ (เข้า) 5.เทอร์รี่ (ไม่เข้า)

6.อันแดร์สัน (เข้า) 6.คาลู (เข้า)

7.กิ๊กส์ (เข้า) 7.อเนลก้า (ไม่เข้า)



รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

แมนฯยูไนเต็ด :เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 7,เวส บราวน์ 7(อันแดร์สัน น.120),ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7,เนมานย่า วิดิช 7,ปาทริช เอวร่า 7,โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ 8,ไมเคิล คาร์ริค,พอล สโคลส์ 8(ไรอัน กิ๊กส์ น.87,7),คริสติอาโน่ โรนัลโด้ 8,เวย์น รูนี่ย์ 6(นานี่ น.101,6),คาร์ลอส เตเบซ 7

สำรองไม่ได้ลงสนาม :โทมาสซ์ คุสแซ็ค,จอห์น โอเช,ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์,มิกาแอล ซิสเวสตร์

ใบเหลือง :พอล สโคลส์ น.22,ริโอ เฟอร์ดินานด์ น.43,เนมานย่า วิดิช น.110,คาร์ลอส เตเบซ น.116


เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 7,มิกาเอล เอสเซียง 7,จอห์น เทอร์รี่ 7,ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 7,แอชลี่ย์ โคล 7,โคล้ด มาเกเลเล่ 7(ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ น.120),แฟรงค์ แลมพาร์ด 7,มิชาเอล บัลลัค 7,โจ โคล 6(นิโกล่าส์ อเนลก้า น.99,4),ดิดิเยร์ ดร็อกบา 5,ฟลอร็องต์ มาลูด้า 7(ซาโลมง คาลู น.92)

สำรองไม่ได้ลงสนาม :คาร์โล คูดิชินี่,อังเดร เชฟเชนโก้,จอห์น โอบิ มิเกล,อเล็กซ์

ใบเหลือง : โคล้ด มาเกเลเล่ น.21,ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ น.45,มิชาเอล บัลลัค น.116,มิกาเอล เอสเซียง น.118

ใบแดง : ดิดิเยร์ ดร็อกบา น.116

ผู้ตัดสิน : ลูบอส มิเชล (สโลวาเกีย)


















































































































































































เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์