ผีปรับโผไร้อาร์วีพี-เด เกีย

ผีปรับโผไร้อาร์วีพี-เด เกีย


'แมนฯ ยูไนเต็ด' ถึงไทยวันนี้ (11 ก.ค.) ปรับโผใหม่ ไร้ 'อาร์วีพี' กับ 'ดาวิด เด เกีย' ที่ได้พักต่อ ด้าน 'เชลซี' มีคิวถึงไทย 12 ก.ค.นี้

ความเคลื่อนไหวของการจัดฟุตบอลนัดพิเศษฉลอง 80 ปี การก่อตั้ง บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ ซึ่งได้ดึง 2 ทีมลูกหนังชั้นนำของอังกฤษ ที่เป็นพันธมิตรเข้ามาโชว์ฝีเท้าในเมืองไทย โดยเริ่มจาก "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีกทีมล่าสุด ที่จะเตะกับ สิงห์ออลสตาร์ ในวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม ตามด้วย "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่จะฟาดแข้งกับสิงห์ออลสตาร์เช่นกัน ในวันพุธที่ 17 กรกฎาคม ล่าสุด หนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟ ของอังกฤษ ได้เสนอข่าวว่า ในส่วนของทีมผีแดงที่จะเดินทางมาถึงเมืองไทยเช้าตรู่ วันที่ 11 กรกฎาคมนี้ จะไม่มี "อาร์วีพี" โรบิน ฟาน เพอร์ซี ดาวยิงตัวเก่งของทีม เจ้าของดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2 ปีซ้อน ร่วมทีมมาด้วย เนื่องจากได้สิทธิ์จาก เดวิด มอยส์ ผจก.ทีม ให้พักต่อ หลังไปร่วมทีมชาติฮอลแลนด์ไปเตะนัดพิเศษที่อินโดนีเซีย และจีน ในช่วงหลังปิดฤดูกาลที่ผ่านมา โดยคาดกันว่าเจ้าตัวจะเดินทางตามไปสมทบกับทีมที่ออสเตรเลีย ในการเตะกับทีมรวมดาราเอ-ลีก ในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ต่อไป

นอกจาก ฟาน เพอร์ซี แล้ว ทีมผีแดงชุดที่จะเดินทางมาเยือนไทย ยังจะไม่มี ดาวิด เด เกีย นายทวารมือ 1 ที่ได้พักเพิ่มเติม หลังจากร่วมทีมยู 21 ของสเปน แข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เมื่อเดือนก่อน รวมถึง คริส สมอลลิง ปราการหลังที่บาดเจ็บ ขณะที่ แอชลีย์ ยัง กับ นานี มีอาการบาดเจ็บ และไม่มีชื่ออยู่ในทีมมาก่อนหน้านี้แล้ว

สำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด จะเดินทางมาถึงประเทศไทย วันที่ 11 กรกฎาคมนี้ ด้วยเที่ยวบินพิเศษ ถึงสนามบินดอนเมือง เวลา 08.30 น. โดยมี นายภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการบริหาร และนายจาตุรนต์ หิมะทองคำ ผู้อำนวยการการตลาดกีฬาต่างประเทศ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ต้อนรับ จากนั้นเวลา 10.30 น. เดวิด มอยส์ และนักเตะบางคนที่จะเป็นตัวแทนของทีมผีแดงจะเดินทางไปถึงอาคารศิริราช 100 ปี รพ.ศิริราช เพื่อร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ส่วนช่วงบ่าย เวลา 13.30 น. จะเข้าร่วมกิจกรรมสอนทักษะฟุตบอล "แมนฯ ยูไนเต็ด ซอคเกอร์ สคูล" ที่สนามสิงห์ฟุตบอล ปาร์ค เมืองทองธานี ก่อนจะมีการลงทีมซ้อมในเวลา 16.00 น. ซึ่งจะไม่เปิดให้แฟนบอลรวมถึงสื่อมวลชนเข้าชมแต่อย่างใด

 ส่วนวันที่ 12 กรกฎาคม กิจกรรมเริ่มตั้งแต่ 09.30 น. โดยนักเตะส่วนหนึ่งจะฝึกซ้อม และอีกส่วนหนึ่งจะร่วมกิจกรรมสอนทักษะฟุตบอล "แมนฯ ยูไนเต็ด ซอคเกอร์ สคูล" ที่สนามสิงห์ฟุตบอล ปาร์ค เมืองทองธานี จากนั้นช่วงค่ำเวลา 19.00 น. ลงซ้อมที่ราชมังคลากีฬาสถานโดยเปิดให้แฟนบอลเข้าชมอย่างใกล้ชิด พร้อมกับเปิดแถลงข่าวความพร้อมก่อนแข่งกับทีม "สิงห์ออลสตาร์" แก่สื่อมวลชน ขณะที่วันที่ 13 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแข่งขันกับทีมสิงห์ออลสตาร์นั้น บริษัท สิงห์คอร์เปอเรชั่น ได้เตรียมกิจกรรมหน้าสนามมากมายไว้รองรับแฟนบอล ทั้งกิจกรรมแฟนโซน, การขายสินค้าที่ระลึก ฯลฯ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป

จากนั้นในเวลา 17.00 น. ประตูสนามราชมังคลากีฬาสถานจะเปิดให้แฟนบอลเข้าสนาม ก่อนที่จะมีพิธีเปิดเวลา 19.45 น. โดย นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน และเริ่มแข่งขันในเวลา 20.00 น. โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางช่อง 9 และหลังจากการแข่งขันเสร็จสิ้น คณะนักเตะของแมนฯ ยูไนเต็ด ก็จะเดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศออสเตรเลียทันที
 
ด้านความเคลื่อนไหวของเชลซี ล่าสุด บริษัท สิงห์คอร์เปอเรชั่น ผู้จัดศึกครั้งนี้ ได้คลอดกำหนดการต่างๆ ตลอด 7 วัน ที่ทัพนักเตะสิงโตน้ำเงินคราม ที่มี ชูเซ มูรินโญ คุมทีมมาเอง อยู่ในเมืองไทยออกมาแล้ว โดยจะเดินทางมาถึงประเทศไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ เวลา 11.55 น.  จากนั้นเข้าพักที่โรงแรมแชงกรี-ลา และในเวลา 14.30 น. ตัวแทนนักเตะเดินทางไปร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ รพ.ศิริราช ต่อด้วยการเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการที่โรงแรมแชงกรี-ลา ในเวลา 15.30 น.

 ส่วนวันที่ 13 กรกฎาคม ยังไม่มีการแจ้งกำหนดการ ขณะที่วันที่ 14 กรกฎาคม จะมีงาน มีทแอนด์กรีท กับแฟนบอล ในเวลา 20.00 น. จากนั้นวันที่ 15 กรกฎาคม เปิดกิจกรรม สิงห์โค้ชชิ่ง คลินิก ที่สนามซูเปอร์คิก เวลา 14.30 น. วันที่ 16 กรกฎาคม เปิดแถลงความพร้อมอีกครั้ง เวลา 14.30 น. ที่โรงแรมแชงกรี-ลา ก่อนเดินทางไปซ้อมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 18.00 น. ซึ่งเปิดให้ผู้ถือบัตรเข้าชม เข้าไปดูได้ ส่วนวันที่ 17 กรกฎาคม ลงเตะกับสิงห์ออลสตาร์ ในเวลา 20.00 น. และวันที่ 18 กรกฎาคม เดินทางออกจากประเทศไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 11.30 น.

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์