ผีบุกหนักแต่ยิงเบียดโบโร่แค่1-0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำเอาเร้ดอาร์มี่นั่งตูดขมิบเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกันหลังต้องพึ่งใบบุญประตูขลุกขลิกของดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟเบียดเอาชนะมิดเดิลสโบรห์หืดจับ 1-0 ไล่เชลซีและลิเวอร์พูลเข้ามาเหลือ 4 และ 7แต้มตามลำดับ

บรรยายเกมโดยตัวต่อ

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิพ
วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม 2551


แมนฯยูฯ 1-0 มิดเดิลสโบรห์
สนาม :
โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ประตู :1-0 เบอร์บาตอฟ น.69


เกมนี้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กลับมายืนหอกให้ ปิศาจแดง หลังจาก คาร์ลอส เตเบซ คนทำประตูชัยเกมชนะ สโต๊ค ต้องเดินทางกลับ อาร์เจนติน่า แบบกะทันหันด้วยเหตุผลส่วนตัว ราฟาเอล,ไมเคิล คาร์ริค และ ปาร์ค จีซอง ได้รับโอกาสแทนที่ แกรี่ เนวิลล์,พอล สโคลส์ และ ไรอัน กิ๊กส์

เปิดเกมช่วง 10 นาทีแรก เป็นแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ครองเกมเหนือกว่า แต่จังหวะสุดท้ายทั้ง รูนี่ย์ และ เบอร์บาตอฟ ยังหาช่องยิงไม่ได้ ขณะที่ โบโร่ มีโอกาสโต้ตอบ 1-2 ครั้งเท่านั้น

อีก 5 นาทีต่อมา ลูกทีมของท่านเซอร์ น่าจะได้ประตูขึ้นนำ จากฟรีคิกนอกกรอบ เป็นโรนัลโด้ ที่รับหน้าที่สังหาร แต่บอลพุ่งแรงหลุดเสาสองไปนิดเดียวเท่านั้น

จากนั้น นาที 18 โรนัลโด้ ได้เช็กระยะฟรีคิกนอกกรอบอีกครั้ง แต่น้ำหนักบอลที่ปล่อยจากดาวเตะโปรตุกีส เบาไปเข้าซองรอสส์ เทิร์นบูลล์ รับกินสบายๆ

แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูขึ้นนำอย่างแรง ในนาที 24 เมื่อ เบอร์บาตอฟ จ่ายบอลไปให้ รูนีย์ ลากจี้เข้าไปในกรอบก่อนจ่ายตัดแนวรับ ทีมเยือนไปถึง โรนัลโด้ แต่ปีกนักรัก ดันแปเน้นเกินลูกหลุดเสาแรก ชนิดเจ้าตัวออกอาการเสียดาย

นาที 32 รอสส์ เทิร์นบูลล์ ปัดลูกเปิดของ รูนี่ย์ ไม่ดีไปเข้าทาง ราฟาเอล ดา ซิลวา ได้ซัดด้วยขวาเต็มๆ แต่ลูกบานปลายเข้าข้างตาข่าย

ขุนพล เรด เดวิลส์ เรียกว่าเป็นฝ่ายบุกอยู่ข้างเดียว และน่าจะได้ประตูอีกครั้ง ในนาที 35 แต่ คาร์ริก ดันใช้เวลามากเกินจนโดน วีเตอร์ บล็อกเอาไว้ได้

แผงแบ็กโฟร์ของอาคันตุกะจากตะวันออกเฉียงเหนือ เรียกว่าตั้งรับกันอย่างมีวินัย จนบรรดา รูนี่ย์,เบอร์บาตอฟ และ โรนัลโด้ จนปัญญาในการเข้าทำ

นาทีสุดท้ายครึ่งแรก เวย์น รูนี่ย์ น่าทำให้แฟนใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด คลายความกดดัน แต่ทว่าจังหวะตะบันอีขวาเต็มๆถูก รอสส์ เทิร์นบูลล์ โชว์ซูเปอร์เซฟ บินปัดเอาไว้ได้ จบครึ่งแรก ยังเสมอกัน 0-0

ออกสตาร์ตครึ่งหลังได้ 2 นาที แมทธิว เบตส์ ไปหวดเวย์น รูนี่ย์ แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้เป็นจุดโทษแต่อย่างใด

อีก 4 นาทีถัดจากนั้น โบโร่ เกือบพลิกขึ้นนำ เมื่อ อฟองโซ่ อัลเวส ล็อกเข้าในก่อนยิงด้วยขวาในกรอบแต่ยังบอลไปแฉลบ วิดิชหลุดข้างเสาได้แค่เตะมุมเท่านั้น

ตุนกาย เกือบจะทำให้ มิดเดิลสโบรห์ เป็นฝ่ายได้เปรียบ ในนาที 62 เมื่อรับลูกเปิดของ แมทธิว เบตส์ จากทางขวา แต่ทว่าลูกตอปิโดบกหลุดเสาไปชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด

จากนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อยู่นิ่งไม่ได้แล้วต้องเปลี่ยนทีเดียวสองคนด้วยการส่ง แกรี่ เนวิลล์ ไปแทน ราฟาเอล ดา ซิลวา และ พอล สโคลส์ แทน เฟล็ตเชอร์

รอสส์ เทิร์นบูลล์ ยังคงเหนียวแน่นต่อเนื่อง เมื่อมาปัดลูกยิงของ ปาร์ค จี ซอง ออกไปได้ในนาที 66

แต่แล้วนาที 69 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้ จากจังหวะที่ เดวิด วีเตอร์ โหม่งเคลียร์ลูกที่ คาร์ริค เปิดมาให้ไม่ขาด บอลไปเข้าทาง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟยิงแบบกระโดดดีดๆตูมเดียวตุงตาข่าย ชนิดที่เทิร์นบุลล์ไม่ต้องพุ่งเพราะบอลเร็วแถมเพื่อนยืนบังอีกต่างหาก

นาที 72 สกอร์น่าจะเปลี่ยนเป็น 2-0 หลังเนวิลล์ผ่านบอลจากกรอบโทษฝั่งขวามาที่จุดนัดพบให้ปาร์คซึ่งวิ่งสอดกับดักล้ำหน้ามาแปโล่งๆ 3 หลาแต่ตั้งเท้าไม่ดีบอลปลิ้นย้อยข้ามคานอย่างไม่น่าเชื่อ แฟนบอลและป๋ากุมหัวไม่เข้าใจชีวิต

ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เจ้าถิ่นน่าจะได้ประตูย้ำชัยชนะถ้า ปาร์ค จี ซอง ไม่พลาดยิงออกข้าง จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด เฉือน ชนะ มิดเดิลสโบรห์ 1-0 และเป็นชัยชนะ 1-0 นัดที่ 4 ติดต่อกันก่อนไล่บี้ลิเวอร์พูลเหลือ 7 แต้มแถมเตะน้อยกว่า 2 นัด

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

แมนฯยูไนเต็ด :
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์,ราฟาเอล ดา ซิลวา (แกรี่ เนวิลล์ น.62),จอนนี่ อีแวนส์,เนมานย่า วิดิช,จอห์น โอเช,คริสติอาโน่ โรนัลโด้ (ไรอัน กิ๊กส์ น.85),ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ (พอล สโคลส์ น.62 ),ไมเคิล คาร์ริค,ปาร์ค จี ซอง ,เวย์น รูนี่ย์,ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

สำรองไม่ได้ลงสนาม : โทมัสซ์ คุสซ์แซค,,แดนนี่ เวลเบ็ค,ดาร์รอน กิ๊บสัน,โรดริโก พอสเซบอน

มิดเดิลสโบรห์ : รอสส์ เทิร์นบูลล์,แมทธิว เบตส์,คริส ริกก็อตต์,เดวิด วีเตอร์,เอมานูเอล โปกาเตตซ์,เฌเรมี่ อาลิอาดิแยร์ (มาร์วิน เอ็มเนส น.76 ),แกรี่ โอนีล,ฮูลิโอ อาร์ก้า,สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง,ตุนกาย ซานลี่,อฟองโซ่ อัลเวส

สำรองไม่ได้ลงสนาม :แบร็ดลี่ย์ โจนส์,แอนดริว เทย์เลอร์,โรเบิร์ต ,ฮูธ,โมฮัมเม็ด ชอว์กี้,นาธาน วอลเกอร์,โจชู วอลเกอร์

ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน































 
ขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีจากlentee

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์