ปีศาจแดงไม่น่าพลาด.. สิงห์บลูชนะรวดแต่รูปเกมยังไม่สวย !!!!!


... หากไม่ได้สัมผัสถึงประสบการณ์ตรง คุณมิอาจหยั่งรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้นจริงๆ ...

ครั้งหนึ่งที่ตัวผมเคยบอกไว้ในตอนเรียนจบม.6 ใหม่ๆ ว่าอยากจะเบรคการเขียนบทความเอาไว้ เพราะดูวี่แววแล้วการเข้าไปเรียนชีวิตใหม่ในมหาลัยเวลาว่างเดิมๆ คงถูกดีลีทออกไปหมดค่อนข้างแน่

ไปๆ มาๆ ผมกลับรู้สึกตรงกันข้ามพอสมควรเลยครับ เพราะในทางกลับกันจากที่เรียนวันละ 6 - 7 วิชาถูกบั่นทอนออกเหลือแค่อย่างมากก็ 2 วิชาต่อวัน เวลาว่างมากกว่าเก่า แถมตื่นสายได้อีกต่างหาก

จะไปเครียดหน่อยก็ตอนก่อนสอบมิดเทอมกับไฟนอลแค่นั้นครับ ที่เหลือผมมีความสุขกับชีวิตมหาลัยอย่างมาก เหนือสิ่งอื่นใดก็ยังแอบหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะปี 1 เทอม 1 ยังไม่ได้เรียนวิชาวารสารเลยสักตัว

เจอแต่พวกสแตทที่วันๆ เอาแต่นั่งกดเครื่องคิดเลขจนนี้ชี้แถบจะซอยยิกได้ไวกว่าการแชทผ่าน MSN เสียอีก ฮาา..

นี่แหละครับคืออารมณ์ของผมที่เกริ่นไว้ในตอนต้น เพราะถึงตอนนี้เมื่อได้พบกับชีวิตใหม่ สังคมใหม่ มันทำให้รับรู้ได้อย่างเต็มที่ แต่ทว่าการที่ต้องจากเพื่อนเก่ามามันก็อดคิดถึงไม่ได้เช่นกัน

จะบอกว่า 1 เหตุการณ์แต่ได้ 2 ความรู้สึกที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็คงไม่ผิด..

ของแบบนี้ถ้าได้เจอกับตัวจริงๆ แล้วเสียวสันหลังวาบชะมัด.. เช่นเดียวกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนัดแรกของเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ แมนยูไนเต็ด มีคิวบุกไปเยือน เอฟเวอตัน โดยปราศจากชื่อของ เวนย์ รูนีย์

เวลา 89 นาทีในเกมนี้ต้องบอกปีศาจแดงเก็บ 3 แต้มแล้วเห็นๆ แต่ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าแค่เพียง 2 นาทีทีมทอฟฟี่สีน้ำเงินจะสามารถตีเสมอรองแชมป์เก่าได้ไปในแบบสุดช็อค !!

มันยากที่จะยอมรับในสิ่งที่เกิดครับ แต่ในเมื่อได้พบกับประสบการณ์หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแบบนี้แล้วยังไงๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต่อให้ใครจะเชียร์หรือจะแช่งก็ต้องตาค้างไปตามๆ กัน..

เกมนี้เจ้าบ้านเป็นฝ่ายที่ครองบอลได้่ดีกว่าในช่วงแรก แต่ว่าลูกทีมของท่านเซอร์สร้างโอกาสในการเข้าทำได้เด่นกันกว่าพอสมควร นี่คือสิ่งที่ตีความหมายของศักยภาพทีมใหญ่ได้ชัดเจน

โดยเฉพาะ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ที่เก็บบอลเอาไว้ได้ตลอดเวลา คือดูเหมือนว่าแกช้าแต่สเต็ปการไปกับบอลด้วยเท้าช่างเพลินตายิ่งนัก มองแบบชิวๆ ก็คือเล่นธรรมดาเหมือนคนมีเทคนิคเยี่ยมทั่วไป..

แต่ถ้าเอาจริงๆ แล้วผมว่าการเคลื่อนที่ของพี่อาร์ตมีประโยชน์กับทีมสุดๆ เพราะการครองบอลสั้นๆ ช้าๆ เพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถทำให้ทีมหาจังหวะจบสกอร์ได้เกือบทุกครา

ถ้าจะให้ แมน ออฟ เดอะ แมท กับใครผมก็ขอยกให้แกพี่เบิร์บโดยเฉพาะลูกยิงของเขาซึ่งดูแ้ล้วคลาสสิกเอามากๆ ตั้งแต่แตะจับบอลและชิงจังหวะได้ก่อน ซิลแวง ดิสแตง แถมยิงด้วยไซร้ก้อยหมดจดงดงามแล้วต้องให้เครดิต พอลล์ สโคลล์ ที่วางบอลได้แม่นยำอีกด้วย !!

โดยรวมแล้วผมว่าผลงานของปีศาจแดงค่อนข้างออกไปในทางเพอร์เฟ็คด้วยครับ เล่นเป็นทีมเยือนแต่ก็กดดันฝ่ายตรงข้ามได้ตลอดเวลาเพราะว่าการผ่านบอลแบบไดเรคที่ยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่ผมเคยดูบอลมาก็คือ แมนยูไนเต็ด นี่แหละ

เพียงแต่การพลาด 3 แต้มสำคัญก็ต้องโทษกันทั้งแนวรับครับ.. แกรี่ เนวิลล์ ไม่สามารถป้องการเกมครอสซิ่งด้านข้างได้เพราะเห็นชัดมากคือประตูตีไข่แตกและประตูตีเสมอมาจากการทำเกมฝั่งซ้ายของ เอฟเวอตัน ทั้งหมด

สำคัญที่สุดเลยก็คือ จอห์นนี่ อีแวนส์ โดยเฉพาะประตู 2 - 3 เจ้าตัวโหม่งบอลพลาดเลยเสร็จ ทิม เคฮิลล์ ไปในที่สุด อันที่จริงผมว่า อีแวนส์ มีปัญหากับการมาร์คกิ้งตั้งแต่นัดที่เสมอกับ ฟูแล่ม แล้วครับ

คือเป็นดาวรุ่งที่ดูดีมีแวว ลูกกลางอากาศได้ การเข้าสกัดก็ดี แต่ว่าการยืนตำแหน่งที่ขาดๆ เกินๆ ไปหน่อยทำให้กะจังหวะพลาดในหลายๆ ครั้ง..

อีกคนนึงก็คือ ปาทริซ เอฟร่า ที่ไม่ได้เสียหายอะไรมากถ้ามองจากทั้งเกม แต่ประตูแรกก็ต้องบอกว่าเจ้าตัวประมาืทกอปรกับการโชว์เหนือไปหน่อยครับ เลยพลาดแล้วส่งผลให้เสียประตู

คือดูมุมไหนๆ ยังไงปีศาจแดงก็ต้องได้รับชัยชนะ ผมว่าบางทีการพลาดของกองหลังอาจไม่ได้มาจากฟอร์มส่วนตัว แต่น่าจะเป็นเพราะนำขาดแล้วผ่อนเกมมากเกินไปมากกว่า

ยังไงก็ต้องรอดูกันยาวๆ ครับพึ่งเตะไปแค่ 4 เกม..

ส่วนคู่ 3 ทุ่มของในวันเดียวกันมีศึกลอนดอนดาร์บี้แมทระหว่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับ เชลซี ที่จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกตอนนี้ได้ประตูออกนำไวมากจากจังหวะเทคตัวโหม่งของ ไมเคิล เอสเซียง

ผมค่อนข้างแปลกใจนะครับที่ คาร์โล อันเชล็อตติ เลือกเอา ดิดิเยร์ ดร็อกบา มาเตะมุมหรือเซ็ตพีทระยะไกลๆ เพราะจะว่าไปลูกกลางอากาศก็เป็นจุดเด่นของศูนย์หน้าดีกรีดาวซัลโวซีซั่นก่อน

แต่จะว่าไปลองมาดูนักเตะใน 11 ตัวจริงแล้วก็เริ่มไม่แปลกใจครับ ฮา เพราะว่าทั้ง แลมพาร์ด และ มาลูด้า ก็ไม่ได้ลงเล่นตั้งแต่ต้นเกม.. คนนึงเจ็บอีกคนคงโดนจับพักเพราะพึ่งกลับมาจากเกมทีมชาติ

ที่สำคัญ ดร็อกบา เล่นลูกนิ่งกดดันได้ดีครับ แมทนี้มีโอกาสได้ประตูจากลูกตั้งเตะบ่อยครั้งโดย 2 ใน 3 ประตูที่ทำได้ก็มาจากที่ ดร็อกบา มีส่วนร่วมเช่นกัน

ผมไม่ค่อยอยากพูดกันถึงรูปเกมโดยรวมมากนัก เพราะก็ไม่มีอะไรที่ชัดเจนเท่าไหร่เนื่องจากเกมนี้เป็นเกมที่ยาก เจ้าบ้านเล่นกันดีแต่เสีย 2 ประตูแรกไวไปหน่อยเลยตั้งตนไม่ขึ้น

โดยเฉพาะลูกที่ 2 ต้องบอกว่ามาจากดวงขนาดแท้เพราะ ดร็อกบา ตะบันฟรีคิกได้น้ำหนักที่เบาไปนิดแต่ว่าความวิปริตของ โรเบิร์ต กรีน เลยทำให้ซองแตกแถม แมทธิว อัพสัน ดันทะลึ่งเคลียร์บอลไปเด้งโดน ซาโลมอน คาลู เข้าประตูซะงั้น

แต่ผมชอบการทำเกมในลูกที่ 3 .. จอห์น โอบิ มิเกล พัฒนาได้เด่นชัดกว่าเดิมเหมือนที่คาดการณ์ไว้จริงๆ คือไม่ตัดฟาวส์บ่อยเกินเหตุและเลิกส่งบอลสั้นๆ อย่างเดียวแต่เปลี่ยนมาวางบอลยาวเปลี่ยนแกนบ้าง

นั่นคือจังหวะที่โยนบอลให้ เปาร์โล เฟอร์เรร่า มีที่ว่างด้านขวาแล้วเปิดไปให้ เอสเซียง ทำประตูที่ 2 ในเกมนี้จากลูกโหม่งทั้งๆ ที่มีส่วนสูงแค่ 180 เซ็นติเมตรเท่านั้นซึ่งถือว่าไม่ค่อยมากสำหรับสไตล์ยุโรป

ก่อนหน้านี้ เชลซี ไม่เสียประตูมา 3 นัดติดต่อกันแต่ก็ต้องมาโดนเบรคไว้ในนัดนี้จากจังหวะที่ เพ็ตเตอร์ เช็ก ออกมาชกบอลแล้วดันไปข้างทาง สก็อต พาร์คเกอร์ เด็กเก่าพอดีเลยแปบอลย้อยๆ ซุกก้นตาข่ายไปอย่างสวยงาม

อีกคนนึงที่ผมคงจะไม่กล่าวถึงคงไม่ได้ก็คือ รามิเรส หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่า บลูเคนย่า ที่ประเดิมสนามเป็นตัวจริงทันทีหลังจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด ยังสลัดอาการบาดเจ็บออกไปไม่หมด

ถือว่าทำได้ดีในการอ่านเกมเลยนะครับ ความไวของนักเตะบราซิลเลี่ยนรายนี้ถือว่าจัดจ้านเลยทีเดียว ตลอดเวลา 90 นาทีหมอนี่คาดเดาไว้ตลอดว่าบอลจะต้องมาตรงนี้ เราต้องไปยืนที่จุดนั้น

พอตัดเกมได้ก็สวนกลับด้วยความเร็วสูง.. อย่างไรก็ตามต้องปรับตัวอีกพอสมควร เพราะจ่ายบอลไม่เข้าใจกับเพื่อนหลายครั้งเหมือนกัน แถมตัวเล็กไปหน่อย ทีมงานของสโมสรคงต้องเร่งสร้างกล้ามเนื้ออย่างหนัก

รอไปอีกสักพักคงตัวหนาขึ้น แต่ก็ไม่ต้องเอาให้ใหญ่แบบ เอสเซียง นะครับเดี๋ยวจะบึ๊กเกินธรรมชาติไป ฮา

สรุปแล้วปีศาจแดงไม่น่าพลาด การเสมอของยูไนเต็ดทำให้ทัพสิงห์บลูมีแรงกระตุ้นอยากจะชนะอย่างสุดขีดเพื่อที่จะได้ปิดท้ายด้วยการคว้า 3 แต้ม 4 นัดติดต่อกัน

เรื่องของอารมณ์และความรู้สึกอย่าไปล้อเล่นกับมัน เพราะบางครั้งอะไรที่มันไม่น่าจะจริงก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา...


ขอขอบคุณ Petrboat

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์