บิ๊กแมตช์ ศึกคู่แค้นแดงเดือด

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 มกราคม 2549 15:32 น.

แมตช์ยักษ์ชนยักษ์ การดวลกันของสองทีมสีแดง เมื่อ ปีศาจแดง ทีมอันดับ 2 เปิดบ้านชน หงส์แดง ทีมอันดับ 3 ในเกมพรีเมียร์ลีก ผลจะเป็นอย่างไร ชมได้ 5 ทุ่มวันอาทิตย์

กลับมาพบกันอีกครั้งสำหรับคอลัมน์ บิ๊กแมตช์ ประจำสัปดาห์ โดยสุดสัปดาห์นี้ถือเป็นคู่บอลที่แฟนบอลทั่วโลกรอคอย เมื่อ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 2 มีคิวเปิด โลงละครแห่งความฝัน ล้างตากับ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 3 ของตารางพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ เริ่มคิกออฟในเวลา 23.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2549

ซึ่งหากมองจากฟอร์มการเล่น 5 เกม หลังสุดในลีก ผลงานของปีศาจแดงถือว่าอยู่ในฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอกับการเก็บชัยชนะเท่าไหร่นัก เมื่อสามารถสัมผัสกับชัยชนะไป 2 เกม เสมออีก 2 เกม และเพิ่งจะแพ้ในศึกดาร์บี้แมตช์ให้กับ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป 1-3 โดยเก็บได้เพียง 8 คะแนน จาก 15 คะแนนเต็ม

ด้านทีมเยือนหงส์แดงนั้น ร้อนแรงเหลือหลายใน 5 เกมหลังสุด ด้วยผลงานการคว้าชัยชนะไปถึง 4 เกม และเสมออีก 1 เกม โดยไม่แพ้ให้กับทีมใดเลย ซิวไป 13 คะแนน จาก 15 คะแนนเต็ม

ขณะที่สภาพทีมนั้น เกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประมุขใหญ่แห่งป่าช้าโอลด์แทรฟฟอร์ด ค่อนข้างน่าวิตก เมื่อจะไม่มีผู้เล่นอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมสับ ที่ได้รับใบแดงจากเกมแพ้ แมนฯ ซิตี้ จนต้องโดนแบนในนัดนี้ ขณะที่ พอล สโคลส์ มิดฟิลด์ผมแดงที่เป็นตัวหลักของทีมมาตลอดหลายฤดูกาลก็ไม่สามารถลงบัญชาเกมได้ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องอาการป่วยทางสายตา ส่วนนักเตะใหม่อย่าง เนมันย่า วิดิช ปราการหลังที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมคงมีชื่อเป็นเพียงตัวสำรองในเกมนี้เท่านั้น แต่ในรายของ ปาทริซ เอวร่า แบ็กซ้ายนำเข้าจากฝรั่งเศส น่าจะได้ลงเล่นในเกมนี้ เนื่องจาก กาเบรียล ไฮน์เซ่ ฟูลแบ็กอาร์เจนไตน์ บาดเจ็บจนต้องพักต่อไปอีกหลายเดือน แต่ที่พลพรรค เร้ด อาร์มี่ ต้องลุ้นตัวโก่งก็เห็นจะเป็น ปาร์ค จี ซอง มิดฟิลด์กิมจิ ที่มีอาการบาดเจ็บ ยังไม่แน่ว่าจะหายทัน และฟิตพอลงเล่นเป็น 11 คนแรกในเกมแดงเดือดหรือไม่

ส่วนฝากทีมดังจากแอนฟิลด์นั้น ก็มีรายชื่อนักเตะไปนั่งเล่นในห้องพยาบาลเช่นกัน โดยที่หมดสิทธิลงเล่นเกมนี้แน่นอนแล้ว คือ เบาเดอไวน์ เซนเด้น มิดฟิลด์ชาวฮอลแลนด์ ที่มีแนวโน้มต้องพักทั้งฤดูกาล เช่นเดียวกับ เด็กอมมือ หลุยส์ การ์เซีย มิดฟิลด์ทีมชาติสเปน ที่อดลงโชว์ลีลาพางงงวยในเกมนี้ เนื่องจากอาการบาดเจ็บ ขณะที่สองดาวเตะหน้าใหม่อย่าง ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ เซนเตอร์ฮาล์ฟ ทีมชาติเดนมาร์ก กับ แยน ครอมแคมป์ แบ็กขวาเลือดดัตช์ ก็น่าจะมีรายชื่อเป็นตัวสำรองในเกมนี้เท่านั้น คาดว่า ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือหน้าผากกว้างคงไม่กล้าปรับทีมมากนัก

สำหรับผลงานการเจอกันนัดล่าสุดในฤดูกาลนี้ที่สนามแอนฟิลด์ของทีม ลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2548 ปรากฏว่าทั้งคู่เล่นกันแบบเกร็งๆ เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม
ฟุตบอลลีก : ลิเวอร์พูล ชนะ 49 ครั้ง, แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 53 ครั้ง และ เสมอกัน 43 ครั้ง
เฉพาะพรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล ชนะ 7 ครั้ง, แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 13 ครั้ง และ เสมอกัน 7 ครั้ง

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีมที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-4-2) : เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์, แกรี่ เนวิลล์, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอวร่า, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, อลัน สมิธ, จอห์น โอเชีย, ไรอัน กิ๊กส์, เวย์น รูนี่ย์, และ รุด ฟาน นิสเตลรอย
ลิเวอร์พูล (4-4-2) : โฮเซ่ เรน่า, สตีฟ ฟินแนน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ซามี่ ฮูเปีย, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ซาบี้ อลอนโซ่, โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้, แฮร์รี่ คีเวลล์, เฟร์นานโด มอริเอนเตส และ ปีเตอร์ เคร้าช์

เกมนี้เชื่อว่า ทีมหงส์แดงคงหวังมาล้างตาจากฤดูกาลที่แล้ว ที่แพ้แมนฯยูไนเต็ด ทั้งสองนัดเหย้าเยือน แถมนัดล่าสุดยังเปิดรังแอนฟิลด์ทำได้แค่เสมอ 0-0 เมื่อต้นฤดูกาล อีกทั้งไม่มีโอกาสใดที่ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือลิเวอร์พูล จะหวัง 3 คะแนน จากการมาเยือนโอลด์แทรฟฟอร์ด ได้ดีไปกว่านัดนี้อีกแล้ว เพราะฟอร์มของทีมปีศาจแดงกำลังอยู่ในอาการที่ไม่ดีนัก รวมถึงสภาพของตัวผู้เล่นในแผงกองกลางที่ทีมเยือนจะดูดีกว่า และลงตัวกว่ามาก

อย่างไรก็ตาม พลพรรคปีศาจแดงไม่ใช่หมูที่จะรอให้ใครมาเฉือนมาหั่นได้ง่ายๆ เนื่องจากมีทีมสปิริตที่น่ากลัวจากผลงานการร่วมแรงร่วมใจอัด เชลซี จ่าฝูงที่ฟอร์มดีมาตลอดได้ในฤดูกาลนี้อยู่หมัด อีกทั้งฝีมือระดับบรมครูลูกหนังอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่แม้จะแก่ แต่ก็มีลูกเก๋าคือทั้งขู่ ทั้งปลอบ รวมถึงการปลุกใจลูกทีมได้อย่างน่าชื่มชม รวมทั้งยังผ่านร้อนผ่านหนาวจากสถานการณ์วิกฤตหลายต่อหลายครั้งมาได้อย่างน่าทึ่ง จึงไม่ใช่เกมที่งายดายสำหรับ เอล ราฟา แน่นอน

แม้เกมแดงเดือดในนัดนี้ จะถูกมองว่า เป็นเพียงการแย่งชิงอันดับ 2 ของสองทีมยักษ์ใหญ่แห่งเมืองเหนือ แต่เชื่อว่าคงเป็นอีกเกมหนึ่งที่จะเรียกกำลังใจของผู้ชนะให้มีแรงอึด แรงฮึด เพื่อไล่ตามจ่าฝูง เชลซี ต่อไป แม้ความหวังในการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกจะเลือนลางก็ตาม