บาร์ซ่าสอนบอลผี2-0ผงาดซิวเจ้ายุโรป

เจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า แชมป์ลา ลีกา สเปน ผงาดครองบัลลังก์ราชาแห่งยุโรปอย่างเต็มภาคภูมิ เมื่อจัดการโค่น ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงอย่างราบคาบ 2-0 ส่งให้ บาร์ซ่า ทำสถิติเป็นสโมสรแรกของสเปน ที่สามารถคว้า 3 แชมป์อันประกอบไปด้วยแชมป์ ลา ลีกา, โกปา เดล เรย์ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ในฤดูกาลเดียวกัน และยังเป็นการคว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรปเป็นสมัยที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของสโมสรด้วย

                                                             ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
                                                      รอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2008-2009
                                                        (เมื่อวันพุธที่ 27 พฤษภาคม 2552)
                                บาร์เซโลน่า (สเปน) 2 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 0
ผู้ชม :
80,000 คน
สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก้ (โรม, อิตาลี)
 


บาร์เซโลน่า แชมป์ลา ลีกา สเปน ลงสนามพบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2008-2009 โดยเตะในสนามเป็นกลางที่สตาดิโอ โอลิมปิโก้ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ซึ่งทั้งสองยักษ์ใหญ่เจอกันมาแล้ว 9 ครั้ง บาร์ซ่าชนะ 2 ปีศาจแดงชนะ 3 เสมอกัน 4 นัด 

 

โจเซป กวาร์ดิโอล่า กุนซือบาร์เซโลน่าขาด ดาเนี่ยล อัลเวส แบ็กขวาบราซิเลียน, เอริก อบิดัล แบ็กซ้ายทีมขาติฝรั่งเศสติดโทษแบน และราฟาเอล มาร์เกซ กองหลังเม็กซิโกบาดเจ็บหัวเข่าซ้าย พักยาว ทำให้กวาร์ดิโอล่า ต้องปรับทัพแดนหลังส่ง ยาย่า ตูเร่ กองกลางตัวรับไอวอรี่ โคสต์ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ เคราร์ด ปิเก้ อดีตนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ขณะที่ การ์เลส ปูโยล กัปตันทีมและ ซิลวินโญ่ เล่นแบ็กขวา-แบ็กซ้ายตามลำดับ โดยแดนหน้านำโดย เธียร์รี่ อองรี ที่หายเจ็บหัวเข่าขวากลับมาประสานงานกับ ซามูเอล เอโต้, ลิโอเนล เมสซี่ ส่วนเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนฯ ยูฯไม่มี ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ มิดฟิลด์สก็อตแลนด์ติดโทษแบน ทำให้ ไรอัน กิ๊กส์ ได้ลงสนาม ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังทีมชาติอังกฤษหายเจ็บน่อง ลงตัวจริง พาร์ค ชี-ซอง กับ เวย์น รูนี่ย์ เล่นปีกขวา-ซ้ายตามลำดับ ขณะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นกองหน้าตัวเป้า และนับได้ว่า พาร์ค สตาร์เกาหลีใต้ เป็นนักเตะเอเชียคนแรกที่ได้เล่นตัวจริงในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ 

 

บิ๊กแมตช์ครั้งนี้ กษัตริย์ ฆวน การ์ลอส แห่งสเปนและ เจ้าชายวิลเลี่ยม รัชทายาทลำดับสองของราชวงศ์อังกฤษ เสด็จทอดพระเนตรการแข่งขัน โดยพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งองค์ประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) พร้อมด้วย โฆเซ่ หลุยส์ โรดริเกซ ชาปาเตโร่ นายกรัฐมนตรีสเปน และบุคคลดังแขกวีไอพีอีกมากมายมาดูเกมในสนาม รวมถึง มิเชล พลาตินี่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) โดยก่อนเตะได้มีการแสดงโชว์ที่สวยงามจากนักแสดงหญิง ซึ่งแสดงถึงวัฒนธรรมของอิตาลี และการร้องเพลงแชมเปี้ยนส์ ลีกที่ไพเราะจาก อันเดรีย บอเชลลี่ นักร้องเสียงโอเปร่าและเพลงคลาสสิกผู้พิการทางสายตาชาวอิตาเลียน

 

ครึ่งแรก ผ่านไปเพียงนาทีเดียว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทักทายอย่างรวดเร็ว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงฟรีคิกไปติด บิคตอร์ บัลเดส ผู้รักษาประตู ก่อนที่ ซิลวินโญ่สกัดบอลออกไปได้ก่อนที่ พาร์ค ชี-ซองจะตามซ้ำ และนาทีที่ 6 โรนัลโด้ ยิงไกล บอลไม่เข้ากรอบ

 

ปีศาจแดงยังเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 7 ปาทริซ เอวร่า จ่ายบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายให้ โรนัลโด้ ซัดในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลผ่านหน้าประตูออกไปอย่างหวุดหวิด

 

อย่างไรก็ตามกลับเป็นฝั่งบาร์เซโลน่าได้ประตูนำ 1-0 อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 10 อันเดรส อิเนียสต้า เปิดบอลแม่นยำให้ ซามูเอล เอโต้ กองหน้าทีมชาติแคเมอรูนเกี่ยวบอลด้วยเท้าขวา ก่อนล็อคหลบ เนมานย่า วิดิช ในกรอบเขตโทษฝั่งขวา และยิงที่เสาแรกผ่านเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารเข้าประตูไป นับเป็นประตูที่ 4 ของเขาในแชมเปี้ยนส์ ลีก

  

เกราร์ด ปิเก้ เซนเตอร์ฮาล์ฟบาร์ซ่าโดนใบเหลืองเป็นคนแรกในเกมนี้นาที 15 หลังจากเข้าขวาง โรนัลโด้ บริเวณนอกกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย และปีศาจแดงได้ลูกฟรีคิก แต่ ไรอัน กิ๊กส์ ซัดข้ามคานอย่างไม่มีลุ้น

 

นาที 18 ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะบาร์เซโลน่าได้ยิงเต็มเท้าซ้ายหน้าประตู บอลเหินข้ามคานออกไป และสี่นาทีต่อมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ลูกเตะมุม ไรอัน กิ๊กส์ เปิดเข้ามาหน้าประตูให้ โรนัลโด้ โหม่งข้ามคาน

 

จากนั้น อันแดร์สัน มิดฟิลด์แมนฯ ยูไนเต็ดทำฟาวล์ อันเดรส อิเนียสต้า นาที 25 ทำให้บาร์ซ่าได้ฟรีคิกฝั่งซ้ายระยะ 28 หลา ทว่า ชาบี เอร์นานเดซ ซัดฟรีคิกข้ามคานอย่างน่าเสียดาย 

 

บาร์เซโลน่าเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า ขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีจังหวะในการยิงประตูได้เลยในช่วง 15 นาทีสุดท้าย โดยนาที 43 ลิโอเนล เมสซี่ พาบอลหนีกองหลังปีศาจแดงถึง 4 คน ก่อนยิงไปติด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ จบครึ่งแรก บาร์เซโลน่านำ 1-0 

 

มาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง แมนฯยูไนเต็ด เปลี่ยนเอา คาร์ลอส เตเวซ หัวหอกทีมชาติอาร์เจนติน่า ลงมาเสริมแนวรุกแล้วถอด อันแดร์สัน กองกลางดาวรุ่งชาวบราซิล ที่ไม่มีบทบาทในเกมนี้เลยออกมาพัก 

 

  บาร์ซ่า มีลุ้นก่อน เมื่อ เธียร์รี่ อองรี ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส ล็อคหลบ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังของแมนฯยูจนล้มคว่ำ ก่อนที่จะแปด้วยขวา ทว่า เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารจอมเก๋าของผีแดง ใช้ขาสกัดไว้ได้อย่างหวุดหวิดในนาทีที่ 47

 

เจ้าบุญทุ่ม มีลุ้นต่อเนื่องทีเดียวในช่วงนี้ เมื่อ ลีโอเนล เมสซี่ โดนแซะล้มในเขตโทษ ฟ้องจะเอาจุดโทษ แต่ผู้ตัดสินโบกมือให้เล่นต่อไป 

 

บาร์ซ่า น่าจะได้ประตูที่สอง เมื่อ อันเดรส อิเนียสต้า โดน เตเวซ ตามมาแซะล้มบริเวณริมกรอบเขตโทษ  ผู้ตัดสินเป่าเป็นฟรีคิกระยะอันตรายของเจ้าบุญทุ่ม ซึ่ง ชาบี เอร์นานเดซ รับหน้าที่ปั่นด้วยขวาส่งบอลอ้อมกำแพงบอลไปชนเสากระดอนออกมาอย่างน่าเสียดายในนาทีที่ 52 

 

จากนั้น 4 นาที แมนฯยู มีลุ้นบ้างเหมือนกัน เมื่อ เวย์น รูนี่ย์ ครอสบอลจากซ้ายลูกเด้งพื้นข้าม ยาย่า ตูเร่ มาทางเสาไกล แต่ พาร์ค ชี-ซอง โหนโหม่งไม่ถึงชวดโอกาสได้ประตูตีเสมอไป 

 

ปีศาจแดง จำเป็นต้องแก้เกมด้วยการส่ง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กองหน้าทีมชาติบัลแกเรีย ลงมาเล่นแทน พาร์ค ชี-ซอง ดาวเตะทีมชาติเกาหลีใต้ ในนาทีที่ 65 

 

ถัดมานาทีเดียว อองรี หัวหอกของบาร์ซ่า มีโอกาสยิงด้วยซ้าย แต่ว่า ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารของแมนฯยู เซฟได้ 

 

อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 70 เจ้าบุญทุ่ม มาได้ประตูที่สองหนีห่างออกไปอีก เมื่อ ชาบี เอร์นานเดซ ครอสบอลจากขวามาที่เสาสองให้กับ ลีโอเนล เมสซี่ ที่ยืนอยู่โล่งๆ โหม่งย้อนเล่นทางเข้าเสียบเสาแรกไปอย่างสุดงามให้ บาร์เซโลน่า นำไปเป็น 2-0 และเป็นประตูที่ 9 จากการลงสนามทั้งหมด 12 นัดของเมสซี่ ในรายการนี้ ได้ตำแหน่งดาวซัลโวของแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ไปครองด้วย 

 

นาทีต่อมา บาร์ซ่า ถอดเอา เธียร์รี่ อองรี ที่ไม่สมบูรณ์ออกแล้วส่ง เซย์ดู เกต้า ลงมาช่วยเสริมเกมรับในแดนกลาง ส่วน แมนฯยู ถอด ไรอัน กิ๊กส์ กัปตันทีมออกแล้วส่ง พอล สโคลส์ ลงมาเล่นแทนพร้อมสวมปลอกแขนกัปตันด้วยในนาทีที่ 73 

 

ท้ายเกมนาทีที่ 78 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะแมนฯยู รับใบเหลืองจากการไปกระแทกใส่ การ์เลส ปูโยล กัปตันทีมของเจ้าบุญทุ่ม  


  เวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ จนครบ 90 นาที บาร์เซโลน่า เอาชนะไปได้ 2-0 ผงาดซิวแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นนี้ พร้อมทำสถิติเป็นสโมสรแรกของสเปน ที่สามารถคว้า 3 แชมป์อันประกอบไปด้วยแชมป์ ลา ลีกา, โกปา เดล เรย์ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ในฤดูกาลเดียวกัน และยังเป็นการคว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรปเป็นสมัยที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของสโมสรบาร์เซโลน่า ด้วย 

 รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
 

บาร์เซโลน่า : บิคตอร์ บัลเดส - การ์เลส ปูโยล (กัปตันทีม), ยาย่า ตูเร่, เกราร์ด ปิเก้, ซิลวินโญ่ - ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า - ลิโอเนล เมสซี่, ซามูเอล เอโต้, เธียร์รี่ อองรี (เซย์ดู เกต้า น.71)
 

สำรองที่ไม่ได้ใช้ : โฮเซ่ มานูเอล ปินโต้ (ผู้รักษาประตู), มาร์ติน คาเซเรส, ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น, โบยาน เกร์กิซ, เปโดร โรดริเกซ, มาร์ก มูนีซ่า
 
ใบเหลือง : เกราร์ด ปิเก้ น.15
 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ - จอห์น โอเช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า - อันแดร์สัน (คาร์ลอส เตเวซ น.46), ไมเคิล คาร์ริค, ไรอัน กิ๊กส์ (กัปตันทีม) (พอล สโคลส์ น.73)  - พาร์ค ชี-ซอง (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ น.65), คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์
 

สำรองที่ไม่ได้ใช้ : โทมัสซ์ คุสซ์แซ็ค (ผู้รักษาประตู), นานี่, ราฟาเอล ดา ซิลวา, จอห์นนี่ อีแวนส์
 

ใบเหลือง : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ น.78, พอล สโคลส์ น.80
 

ผู้ตัดสิน : มัสซิโม บูซัคก้า (สวิตเซอร์แลนด์)
 

ผู้ช่วยผู้ตัดสิน : มัทธีอัส อาร์เน่ต์ (สวิตเซอร์แลนด์), ฟรานเชสโก้ บูรากิน่า (สวิตเซอร์แลนด์)
 

ผู้ตัดสินที่ 4 : เคลาดิโอ ซีร์เช็ตต้า (สวิตเซอร์แลนด์)

ทำเนียบแชมป์ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ตั้งแต่ฤดูกาล 1992-93
ฤดูกาล-ผลการแข่งขัน-สนาม-เมือง,-ประเทศ

1992-93  โอลิมปิก มาร์กเซย ชนะ เอซี มิลาน 1–0 โอลิมปิก สตาดิโอน มึนเช่น, เยอรมัน
1993–94  เอซี มิลาน 4–0 บาร์เซโลน่า   โอลิมปิก สเตเดี้ยม  เอเธนส์, กรีซ
1994–95  อาแจ็กซ์ ชนะ เอซี มิลาน 1-0 แอร์นส์ท-ฮัปเปล-สตาดิโอน เวียนนา, ออสเตรีย
1995–96  ยูเวนตุส เสมอ อาแจ็กซ์ 1-1 (จุดโทษ ยูเวนตุสชนะ 4-2)  สตาดิโอ โอลิมปิโก้ โรม, อิตาลี
1996–97  ดอร์ทมุนด์ ชนะ ยูเวนตุส 3-1 โอลิมเปีย สตาดิโอน มึนเช่น, เยอรมัน
1997–98   เรอัล มาดริด ชนะ ยูเวนตุส 1-0   อัมสเตอร์ดัม อารีน่า อัมสเตอร์ดัม, ฮอลแลนด์
1998–99  แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-1  คัมป์ นู  บาร์เซโลน่า, สเปน
1999–2000   เรอัล มาดริด ชนะ บาเลนเซีย  3-0 สต๊าด เดอ ฟร๊องซ์ ปารีส, ฝรั่งเศส
2000–01  บาเยิร์น มิวนิค เสมอ บาเลนเซีย 1-1 (จุดโทษ บาเยิร์น มิวนิค ชนะ 5-4) ซาน ซิโร่ มิลาน, อิตาลี
2001–02   เรอัล มาดริด ชนะ เลเวอร์คูเซ่น 2-1 แฮมป์เดน พาร์ค กลาสโกว์, สกอตแลนด์ 
2002–03  เอซี มิลาน เสมอ ยูเวนตุส 0-0 (จุดโทษเอซี มิลานชนะ 3-2) โอลด์ แทรฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์, อังกฤษ
2003–04  ปอร์โต้ ชนะ โมนาโก 3-0 อัลฟ์ ชาลเก้ อารีน่า เกลเซ่นเคียร์เซ่น, เยอรมัน 
2004–05  ลิเวอร์พูล เสมอ เอซี มิลาน 3-3 (จุดโทษลิเวอร์พูลชนะ 3-2) อตาเติร์ก สเตเดี้ยม อิสตันบูล, ตุรกี 
2005–06   บาร์เซโลน่า ชนะ อาร์เซน่อล 2-1 สต๊าด เดอ ฟร๊องซ์ ปารีส, ฝรั่งเศส
2006–07  เอซี มิลาน ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 โอลิมปิก สเตเดี้ยม  เอเธนส์, กรีซ
2007–08  แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอ เชลซี 1-1 ลุซนิกิ สเตเดี้ยม มอสโก, รัสเซีย

สถิติสโมสรที่ได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
สโมสร-จำนวน

9 ครั้ง : เรอัล มาดริด
7 ครั้ง : เอซี มิลาน
5 ครั้ง : ลิเวอร์พูล
4 ครั้ง : บาเยิร์น มิวนิค, อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
3 ครั้ง : แมนฯ ยูไนเต็ด
2 ครั้ง : เบนฟิก้า, ยูเวนตุส, บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, ปอร์โต้
1 ครั้ง : เซลติก, ฮัมบูร์ก, สเตอัว บูคาเรสต์, โอลิมปิก มาร์กเซย, เฟเยนูร์ด, แอสตัน วิลล่า, พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น, เร้ด สตาร์ เบลเกรด, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

สถิติประเทศที่ได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
จำนวน  ประเทศ
  
11 ครั้ง : อิตาลีฐ สเปน, อังกฤษ
6 ครั้ง : เยอรมัน, ฮอลแลนด์
4 ครั้ง : โปรตุเกส
1 ครั้ง : ฝรั่งเศส, สกอตแลนด์, โรมาเนีย, ยูโกสลาเวีย

เกียรติประวัติสโมสร บาร์เซโลน่า
    

  • แชมป์ ลา ลีกา : 19 สมัย (1929, 1945, 1948, 1949, 1952, 1953, 1959, 1960, 1974, 1985, 1991, 1992, 1993, 1994, 1998, 1999, 2005, 2006, 2009)

  •  แชมป์โกปา เดล เรย์ สเปน :25 สมัย (1910, 1912, 1913, 1920, 1922, 1925, 1926, 1928, 1942, 1951, 1952, 1953, 1957, 1959, 1963, 1968, 1971, 1978, 1981, 1983, 1988, 1990, 1997, 1998, 2009)
          
  • แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ/แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : 3 สมัย (1992, 2006, 2009)
     
  • แชมป์ ยูฟ่า คัพ : 3 สมัย  (1958, 1960, 1966)
     
  • แชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ : 4 สมัย (1979, 1982, 1989, 1997)
     
  • แชมป์ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์คัพ : 2 สมัย (1992, 1997)

    ข่าวจาก
    http://www.siamsport.co.th/

  • เครดิต :
     

    ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
    กระทู้เด็ดน่าแชร์