บทพิสูจน์ผี-เฟอร์กี้-เบิร์บ ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด










ใครๆก็ว่าเกมวันเสาร์นี้ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดคือเกมตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่น2009/10ไปในตัวแม้ว่าจะเหลือเกมให้ฟาดแข้งกันอีกตั้ง 5 เกมแหนะ...


เกมที่เหลือของผีแดงหลังจบเกมที่โรงละครแห่งความฝันยังต้องเจอกับแบล็คเบิร์น(ย),แมนฯ ซิตี้(ย),สเปอร์ส(ห),ซันเดอร์แลนด์(ย), สโต๊ค ซิตี้(ห)
 

ส่วนสิงห์บลูส์ ยังเหลือพบโบลตัน(ห),สเปอร์ส(ย),สโต๊ค ซิตี้(ห),ลิเวอร์พูล(ย),วีแกน(ห)


ขณะที่ตาอยู่อย่างปืนโต อาร์เซน่อลไม่ขอเอ่ยถึงหลังอาการบาดเจ็บพรากตัวเชส ฟาเบรกาส กับ วิลเลี่ยม กัลลาสไปจนจบซีซั่น ส่วนอังเดร อาร์ชาวินหายหน้าไปอย่างน้อย 3 เกมโดยมีของแข็งอย่างสเปอร์ส(ย),แมนฯ ซิตี้(ห),แบล็คเบิร์น(ย,ทีมนี้เหมือนของแสลง)
 

วกกลับมาที่เกมชี้ชะตาวันเสาร์นี้กันต่อเอาที่ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์กับการขาดหายไปของเวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงตีนระเบิดที่ฟอร์มสุดร้อนแรงหลายเกจิตั้งคำถามว่า เร้ด เดวิลส์ จะเอาตัวรอดได้หรือไม่ยามต้องเล่นกับของแข็งทั้งเชลซี,บาเยิร์น,แมนฯ ซิตี้ และ สเปอร์ส


แม้สถิติที่ผ่านมาจะบ่งบอกว่า ยามทัพ ปีศาจแดง ไม่มีคุณพ่อเจ้าหนูไคลงขยี้คู่แข่งทั้งหมด 9 นัด น่าเหลือเชื่ออสูรแดงคว้าชัยเรียบวุธ!แถมยังกระหน่ำยิงไปถึง17 ตุง เสียเพียง 2 ประตูเท่านั้น


แต่...จาก 9 นัดที่ว่านั้นมันเป็นเกมลีกเพียงแต่ 3 นัดเท่านั้นแถมยังเจอทีมปลายแถวอย่างโบลตัน (2 นัด) และ วูล์ฟแฮมป์ตัน นอกนั้นเป็นเกมบอลถ้วยรอบแรกๆ หรือพูดง่ายๆแมตช์ไร้ความหมาย


ฉะนั้น...ใครที่วางใจว่า ไร้รูนผีไม่ขาดใจ ก็อย่างเพิ่งนิ่งนอนใจไป


เพราะขนาดสถิติอันยืนยง 22 เกม (ทุกรายการ) ที่รูนทำประตูได้ในฤดูกาล 2009/10 ปีศาจแดงจะชนะตลอด (ยกเว้นแค่คอมมิวนิตี้ ชิลด์ที่เสมอเชลซี) ทุกอย่างต้องจบเห่ในแมตช์ที่ 23 แถมเป็นนัดสำคัญเสียด้วย...
 

ดังนั้นกับโค้งสุดท้ายการลุ้นแชมป์และที่สำคัญเกม 5 ดาวที่เจอเชลซีและบาเยิร์น มิวนิค น่าสนใจว่าการขาดหายของ รูนี่ย์ จะส่งผลกระทบมากเพียงใด โดยผู้ที่จะตอบคำถามนี้ได้เห็นจะเป็นเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
 

ครับ...หัวหอกจอมคลาสสิกจะกลายเป็นคนแบกความหวังการทะลวงประตูคู่แข่งในบัดดลนับจากนี้เป็นต้นไปเพราะเหลือเพียงเขาเพียงคนเดียวที่พอฝากผีฝากไข้ได้


เมื่อไร้ขีปนาวุธมหาประลัยอย่างรูนี่ย์ เบิร์บ ก็จะได้โอกาส (อีกครั้ง) กับการพิสูจน์ค่าตัว 30.75 ล้านปอนด์ เพราะหากจะโยนความหวังไปที่ มาเม่ บิรัม ดิยุฟ หรือเฟเดริโก้ มาเคด้า อดีตฮีโร่ซีซั่นก่อนที่เวลานี้หายเจ็บเรียบร้อยแล้วคงเป็นเรื่อง เหวง เกินไป
 

แต่ถ้าวัดกันจากสถิติแล้วก็ยังอดเป็นห่วงกับอนาคต ผีแดง ไม่ได้เมื่อหัวหอกบัลแกเรียนเพิ่งกดไปได้เพียง 12 ตุงจาก 27 นัด(19ตัวจริง) ยังห่างไกลจากรูนี่ย์มากเหลือเกินแถมยิ่งล้วงลึกลงไปทีมที่ถูกเบิร์บ กระซวกตาข่ายมีนามว่าวีแกน,พอร์ทสมัธ,เบิร์นลี่ย์,โบลตัน,ฮัลล์ ซิตี้,แบล็คเบิร์น,สโต๊ค ซิตี้ และ ซันเดอร์แลนด์ โดยมีเพียงเอฟเวอร์ตันเท่านั้นที่เกรดบอลดีขึ้นมาหน่อย(แถมเกมนั้นผีพ่ายซะเละเชียว) ส่วนทีมหัวตารางเลิกพูดถึง
 

ดูแล้วมันอาจจะบั่นทอนความหวังของแฟนผีไปบ้างแต่ที่ยังมีมูลเหตุที่พอจะเพิ่มแสงสว่างได้ก็คือทั้งรูนและเบิร์บสไตล์ต่างกันและเบิร์บถูกลดบทบาทลงเล่นหน้าต่ำลงไปล้วงลูก ปั้นเกมจากกลางสนามเป็นส่วนใหญ่ยิงได้ขาดนี้ก็น่าพอใจอยู่บ้าง
 

สรุปว่าถึงตอนนี้ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ จะต้องแบกความกดดันเพิ่มเป็นทวีคูณทั้งเรื่องค่าตัวและความหวังการยิงประตูดังนั้นนับจากนี้หน้าที่ของเบิร์บ คือเติมเต็มการขาดหายไปของรูนี่ย์ให้สมบูรณ์แบบที่สุด พร้อมกับพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถเป็นที่พึ่งให้ทีมได้ด้วยเหมือนกันและเหมะสมกับค่าตัวที่ ผีแดง จ่ายไป


แต่ถ้าไม่ได้หละ..ซัมเมอร์นี้คงได้ร้อนๆหนาวๆกันบ้างแหละ...
 

การบ้านโจทย์ใหญ่ที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะต้องงัดกึ๋นขึ้นมาตอบโจทย์และสะสางให้ได้เริ่มจากเกมที่โรงละครแห่งความฝันเป็นต้นไปจนกว่าเวย์น รูนี่ย์จะกลับมา
 

นอกจากนี้เมื่ รูน กลับมาก็ยังมีโจทย์ให้ตอบอีกนั่นแหละเพราะอาการบาดเจ็บของรูนี่ย์ที่ผ่านมานั้นจะวนเวียนอยู่บริเวณเท้าทั้งหมดโดยยังไม่มีประวัติได้รับบาดเจ็บหนักๆ ที่บริเวณอื่นเลยจากทั้งหมด 10 ครั้งที่โดนโรคเดี้ยงเล่นงานและอาการข้อเท้าบิดที่เกิดขึ้นล่าสุดเป็นความขมขื่นที่เจ้าตัวต้องเจอบ่อยที่สุดถึง 7 ครั้ง ส่วนอีก 3 ครั้งเป็นอาการกระดูกเท้าแตก ซึ่ง 1 ใน 3 ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2006 และเกือบทำให้เขาหวิดชวดฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายที่เยอรมันด้วย
 

จากนี้แฟนผีก็ต้องมานั่งลุ้นระทึกว่าเวย์น รูนี่จะกลับมาสานต่องานล้มสถิติ 42 ประตูในหนึ่งซีซั่นของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ อดีตเพื่อนเลิฟที่เคยทำไว้เมื่อปี 2007-08ได้เมื่อไหร่เพราะเขาขาดอีกเพียกแค่ 8 เท่านั้น


และสำหรับใครที่กำลังนั่งกัดนิ้วขบคิดว่า ขาดรูนเหมือนขาดใจ จะจริงหรือไม่...สถิติ 9 นัดที่ผ่านมาจับมันโยนลงชักโครกไปได้เลยเพราะคำตอบที่แท้จริงจะบังเกิดที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดวันเสาร์นี้ต่อเนื่องถึงวันพุธกับคิวล้างตาเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค


ลุ้นแมนฯ ยูไนเต็ดสร้างประวัติศาสตร์ แชมป์พรีเมียร์มากที่สุด 19 สมัย ช่างมีอรรถรสเสียจริง!!



-เครดิตคุณ El Gordo-


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์