ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ : จากดินสู่ดาว และการมีลูกพี่ชื่อ รอย คีน

ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ : จากดินสู่ดาว และการมีลูกพี่ชื่อ รอย คีน

ต้อนรับการโดนแบน อดเล่นนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ หลังโดนใบแดงในเกมรอบตัดเชือก นัดที่สอง กับ อาร์เซน่อล เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เลยไปขุดเอาบทสัมภาษณ์ของ กองกลางชาวสกอตแลนด์ วัย 25 ปี เมื่อเดือนมีนาคม ราว 1 อาทิตย์ก่อนเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 กับ อินเตอร์ มิลาน มาฝาก



ในส่วนของ วันที่ อาจจะเก่า แต่ เนื้อหา ไม่ใช่ เพราะว่ามันเล่าเรื่องราวชีวิตของเขา ที่ผลักดันตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นกำลังหลักของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ท่ามกลางเสียงครหาว่าเป็นเด็กเส้น ไปจนถึงสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากอดีตลูกพี่ใหญ่ รอย คีน และการนั่งดูทีมลงไปดวลเป้าเอาชนะ เชลซี ในรอบชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีก่อน


 


หากจะมีช่วงเวลาไหน ที่จะนิยามความหมายในเส้นทางค้าแข้งของ เฟล็ทเชอร์ ได้ดีที่สุด มันก็คงจะเป็นหลังเกมกับ เชลซี ที่ มอสโก นั่นแหละ ในฐานะตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม เฟล็ทเชอร์ กระโดดโลดเต้นฉลองความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่กับเพื่อนร่วมทีม จากนั้น ไรอัน กิ๊กส์ เรียกระดมพลรุ่นน้อง มาสุมหัวรวมกัน    


 


เขาบอกว่า - ฟังนะ นี่แหละที่เราฟันฝ่ากันมา ปีหน้าเอาใหม่อีกที เฟล็ทเชอร์ ย้อนความ แล้วเราก็มองไปที่ถ้วยแชมป์ที่ยังไม่ถูกมอบ แต่ ไรอัน เขาพูดถึงปีหน้าแล้ว ผมจำคำพูดเขาติดตัว และรู้ทันทีว่าสโมสรแห่งนี้เป็นยังไง ต่อมาเรานั่งอยู่ในห้องแต่งตัว นักเตะหลายๆ คนเริ่มคิดถึงการคว้าแชมป์อีก แกรี่ เนวิลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์ เดินไปทั่วห้อง และบอกทุกคนว่า - ฉันชอบความรู้สึกแบบนี้ เดี๋ยวเราเอากันใหม่นะ


 


นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมสโมสรแห่งนี้ถึงแข็งแกร่งขึ้นๆ ผมรู้ว่าไม่มีใครเคยป้องกันแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ (นับเฉพาะ แชมเปี้ยนส์ ลีก) แต่เราทำได้แน่ๆ ถ้าหากเราทำไม่ได้ใกล้เคียงนั้น สโมสรคงจะมองว่ามันคือความผิดหวัง แบบที่เราผิดหวังที่พลาดคว้า 3 แชมป์มาครองเมื่อปีที่แล้วนั่นแหละ พวกเราคิดเสมอว่า สามารถประสบความสำเร็จมากขึ้น ดู ไรอัน สิ ผมมั่นใจว่าเขามองว่า พรีเมียร์ลีก คือแชมป์ของเขา ทำไมจะไม่หละ ? ก็เขาคว้าแชมป์มากกว่าใครๆ ราวกับว่าบางปีที่ไม่ได้ เขาแค่ให้คนอื่นยืมเฉยๆ เฟล็ทเชอร์ กล่าว      


 


นี่คือคำพูดที่ยะโสโอหัง แต่มันไม่ให้ความรู้สึกแบบนั้นเมื่อออกจากปาก และด้วยน้ำเสียงของ เฟล็ทเชอร์ นักเตะที่ เฟอร์กี้ ส่งลงเล่นเกมใหญ่ๆ อย่างเจอ เชลซี และ อินเตอร์ มิลาน โดยหวังอาศัยพลังการเล่นที่มหาศาลช่วยสู้ และทำเกมในแดงกลาง แม้บางทีบทบาทของเขาอาจมีไม่มากขนาดนี้ถ้าหาก เซอร์ อเล็กซ์ มี โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ อยู่


 


ความสำคัญของ เฟล็ทเชอร์ ที่มีต่อทีมในสายตาของ เฟอร์กี้ ยังสามารถมองได้จากการที่เขาไม่มีชื่อเล่นนัดชิง คาร์ลิ่ง คัพ (แม้จะมี โรนัลโด้, ริโอ, วิดิช, เตเวซ ลงเล่น) เมื่อปกติแล้วนี่คือถ้วยที่ เฟอร์กี้ ส่งเฉพาะแข้งสำรอง และเด็กเยาวชนเท่านั้นลงเล่น และอย่างในเกมกับ เชลซี (3-0) เมื่อเดือน มกราคม เฟล็ทเชอร์ ทำเกมกลางสนามร่วมกับ กิ๊กส์ ได้อย่างเหนือชั้น


 


ผมรู้ว่าจะได้เล่นเกมกับ เชลซี ราวๆ 2 อาทิตย์ เพราะเวลาผมไม่ได้เล่นเกมต่างๆ ผู้จัดการทีมจะคอยบอกว่า - คิดถึง เชลซี ไว้, มีสมาธิกับ เชลซี, ต้องพร้อมเจอ เชลซี - บางคนอาจจะคิดว่าเขาบ้าไปแล้ววันนั้น แต่เขารู้ว่าตัวเองทำอะไร ผมสู้กับ ไรอัน ตอนซ้อม และทักษะของเขาในการเล่นมิดฟิลด์ตัวกลาง คือ เขาขยับกองกลางคู่แข่งออกไปเล่นตำแหน่งแบ๊กขวา ไม่มีกองกลางคนไหน
เลี้ยงบอลใส่คุณ มิดฟิลด์ตัวกลางได้บอล แล้วมองหาทางจ่ายออกไปริมเส้น หรือไม่ก็มองหากองหน้า แต่ ไรอัน รับบอลแล้วก็เลี้ยงใส่ มันสร้างปัญหาให้คุณ และคิดว่า - นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิดว่าจะต้องทำ, ฉันไม่ได้เล่นเกมรับแบบนี้ 
 
 
หน้าที่ของผมในเกมวันนั้น (เชลซี) ก็คือ ช่วยดูหลังให้เขา และ คริสเตียโน่ ผมมีหน้าที่แย่งบอล สู้กับแผงกลางเชลซี อย่าให้พวกเขามีเวลาเล่น และมันออกมาได้สวย ไรอัน คุมเกมได้ เราเล่นงานพวกเขา และมันเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เราเล่นได้เหนือกว่า เชลซี อย่างเห็นได้ชัด มันเป็นการก้าวไปข้างหน้าของเรา หลายๆ คนถามผมว่า ทำไมผมเล่นเกมพวกนี้ดีจัง แต่ผมว่าผมไม่ได้ทำอะไรแตกต่างเลยนะ ผมคิดว่าตัวเองก็เล่นแบบนี้ตลอด แต่ต้องเวลาคุณเจอทีมดีๆ เท่านั้น คนเค้าถึงจะจำได้ว่าคุณทำอะไรบ้าง


 


เฟล็ทเชอร์ ลืมตาดูโลกที่ เมย์ฟิลด์, ทางใต้ของ ดัลคีธ, ใกล้ๆ กับ เอดินเบิร์ก, สกอตแลนด์ เตะตาต้องใจสเกาต์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุ 12 ขวบ แต่ด้วยกฎหมายในแดนวิสกี้ เขาไม่สามารถเซ็นสัญญากับสโมสร


จากอังกฤษ จนกว่าจะอายุ 16 ปีเต็ม เป็นผลให้จากนั้น กลาสโกว์ เซลติก และ เรนเจอร์ส โผล่มาแสดงความสนใจ โดยการันตีว่าจะมอบสัญญาค้าแข้งอาชีพให้ แต่ เฟล็ทเชอร์ ไม่เอา เลือกอยู่แบบไม่มีสโมสร จนอายุครบกำหนดถึงได้เก็บของ


มุ่งลงใต้


 


การตอบปฏิเสธ เรนเจอร์ส และ เซลติก เป็นเรื่องยากมาก แต่ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองทีมมีเงินมีทอง และนักเตะดาวรุ่งสกอตติช ไม่ได้รับโอกาสให้แจ้งเกิด พวกเขาซื้อนักเตะต่างชาติเข้ามา ทั้ง จอห์น ฮาร์ทสัน, ทอเร่ อังเดร โฟล, อังเดร แคนเชลสกี้, คริส ซัตตัน ยกเว้น แบร์รี่ เฟอร์กูสัน ขนาด ฮาร์ทส์ กับ ฮิเบอร์เนี่ยน ก็ยังซื้อนักเตะต่างชาติ โอกาสที่ทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสนอมาจึงดูดีมีอนาคตกว่า ผมไม่ใช่เด็กสกอตต์ที่เกลียดอังกฤษ พ่อก็ไม่ได้เลี้ยงผมให้เป็นแบบนั้น เราเองก็เอาใจช่วย อังกฤษ ในฟุตบอลโลก    


 


ผมย้ายลงมา และรับทุนเล่าเรียน 3 ปี และมันตอกย้ำกับผมว่า นี่แหละคือโอกาสของผม บ้านผมเป็นคนงานเรือกสวนไร่นา พวกเขาทำงานทั้งปี อาจจะไดัพักสัก 1 อาทิตย์ ผมเลยได้รับการอบรมสั่งสอนให้รู้คุณค่าของการเป็นนักฟุตบอล เพราะไม่อยากให้ผมลงเอยด้วยการทำงานอย่างพวกท่าน และเดี๋ยวนี้มันก็เป็นเครื่องจักรหมดแล้วด้วย เดี๋ยวนี้มันไม่มีอาชีพนี้แล้ว แต่ช่วงวันหยุดผมจะช่วยพ่อ เพราะพวกท่านไม่อยากให้ผมลืมว่าโอกาสที่ผมได้รับมันมาจากไหน ผมรู้


ซึ้งว่ามันเป็นงานที่หนัก หลัง มาก คุณต้องก้มๆ เงยๆ ทั้งวัน ผมมีพวกลุงๆ ที่มีปัญหานี้ เพราะพวกเขาทำงานกันทุกอาทิตย์ ออกมาที่สวน แล้วเก็บมันฝรั่ง    


 


ผมเป็นคนไม่ดื่มเหล้า แม่ก็ด้วย แต่ตอนที่ผมย้ายไป แมนเชสเตอร์ ผมเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ต้องตัดเรื่องเที่ยวเตร่ทิ้งไป มันติดตัวมากับผม เพื่อทุ่มเททุกอย่างในการเป็นนักเตะอาชีพ แต่จากนั้นพอผมทำได้แล้ว ผมก็ไม่เห็นมี


ความรู้สึกว่า ผมจะต้องหัดกินเหล้า ผมว่านั่นไม่ใช่เรื่องของฟุตบอล ผมไม่ได้ว่าอะไรหากจะมีใครดื่ม แต่ผมใช้เวลา 3 ปีเพื่อเป็นนักเตะอาชีพ และผมรู้สึกว่า คุณควรอุทิศชีวิตตัวเองในระหว่างระยะเวลานั้น คุณไม่ควรเที่ยวเตร่ทุกๆ สัปดาห์
 
 


ผมเป็นคนเดียวจากนักเตะรุ่นเดียวกันที่ยังอยู่ที่นี่ บางคนเล่นดีไม่แพ้ผมเลย ทั้งคุมเกม, ส่งบอล และยิงประตู แต่ผมคิดว่าฟุตบอลเล่นด้วยสมอง มันคือแนวทางที่คุณใช้รับมือกับทุกอย่าง ทั้งการเป็นนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ความคาดหวัง, แฟนบอล, ความตื่นเต้น และ ความกดดัน ฟุตบอลมันเล่นอยู่ในหัวของคุณตั้งแต่ก่อนคุณจะลงสนาม และผมมีจุดแข็งในส่วนนี้


 


ตอนผมได้แชมป์แรกในถ้วยเอฟเอ คัพ ผมก็ยังเช่าห้องอยู่เหมือนเดิม มันคือที่ที่ผมอยู่หลังจบเกม มันทำให้คุณไม่ลืมตัว เราไม่ต้องขัดรองเท้าแล้ว แต่เรามีงานต้องทำ อย่างงานของผมคือเติมลมลูกบอลสำหรับทีมชุดใหญ่ให้ได้ขนาด ถ้าหากผิดขนาด คุณจะโดนเฉ่ง เฟล็ทเชอร์ เล่า ... แล้วใครหละที่จะเฉ่งคุณ ? รอย คีน และ แกรี่ เนวิลล์ เท่านี้ก็อ่วมอรทัยแล้ว     


 


สำหรับ คีน ในฐานะกัปตันทีม ย่อมได้รับการจับตามอง และยกย่องอย่างสูง และ เฟล็ทเชอร์  บอกว่า คีน มีส่วนมากต่อความยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน เมื่อผู้เล่นยังไม่ลืมกฎเกณฑ์ของเขา, ระเบียบวินัย และ การระเบิดอารมณ์ต่อใครก็


ตามที่บังอาจเล่นได้ไม่ถึงมาตรฐานที่เขาวางเอาไว้ และแน่นอน เฟล็ทเชอร์ คือเป้าๆ หนึ่ง


 


รอย น่าจะเป็นคนที่มีอิทธิพลต่ออาชีพของผมที่สุด เวลาผมทำอะไรผิดเขาจะเล่นงานผมอย่างหนัก แต่เขาทำให้ผมตระหนักว่าอะไรคือความหมายของการเป็นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีอยู่วันหนึ่งผมจำได้ดีว่า ผมมาสนามซ้อม แล้วเช็กข้อความทางมือถือ เท่านั้นเอง และเขาเล่นงานผมตลอดทางไปโรงยิม เขามีอิทธิพลอย่างมาก ถ้าหาก รอย เล่นคุณ จงรู้ว่าเขาทำเพราะเขาห่วงคุณ เขาเป็นกัปตันทีมที่ดีที่สุดที่คุณอยากมี เขาฉีกคุณเป็นริ้วๆ ได้ในสนามถ้าคุณทำเสียบอล - จับบอลดีๆ, ทำอย่างนั้นให้ถูก, ทำอย่างนี้ให้ถูก - แต่ทันทีที่คุณเข้าไปในห้องแต่งตัว มันจบเท่านั้น


 


เขาคือผู้ชนะ ผมเจอกับมืออาชีพมากมากหลายคน แต่เขามันคนละเรื่อง ครั้งแรกคุณจะกลัว ประมาณว่า - เราจะทำพลาดไม่ได้ - แต่ไม่มีที่ไหนจะสอนคุณได้ดีเท่าที่นี่อีกแล้ว น่าเสียดายที่เขาจากเราไปแบบไม่สวยเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ และสิ่งที่เขาพูด (ด่าทีมตัวเอง และนักเตะบางคน) เพราะเรานับถือเขา ทุกคนต่างเคารพเขา เราก็แค่ไม่อยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ เขาเป็นกัปตันของเรา เขาเป็นหัวหน้าของเรา และเขาจากไปพร้อมทิ้งอะไรเอาไว้


 


เรามาอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะเขา ความมุ่งมั่นทั้งหมดของเรามาจากมาตรฐานที่เขาเป็นคนตั้งเอาไว้ กฎเกณฑ์อย่างการรักษาเวลา, มาถึงสนามซ้อมก่อน 30 นาที ล้วนเกิดขึ้นสมัยเขา และมันคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ขนาดทุกวันนี้ในฐานะนักเตะทีมชุดใหญ่ คุณมีหน้าที่ทำให้ชัวร์ว่า พวกเด็กๆ จะไม่ออกนอกลู่นอกทาง คุณต้องทำให้ชัวร์ว่า พวกเขาจะตรงต่อเวลา ตอนนี้ทั้งหมดคือความเป็นมืออาชีพ


 


เดี๋ยวนี้ทีมสปิริตก็ถูกสร้างขึ้นมาในแนวทางที่ต่างไปด้วย มันเคยมาจากการออกไปก๊งกัน แต่ตอนนี้มันมาจากการซ้อมในยิม, ขี่จักรยานมาก่อน 10 โมง, ถ้าหากใครมาสายก็จัดการเล่นงานเค้าซะ เรามีนาฬิกาจับเวลาด้วยนะจะบอกให้ เรามีเกม PSP ที่เล่นได้เป็นชั่วโมง เราเล่นข้างละ 6 คน เรามีนักเตะต่างชาติเล่นด้วย แต่ปัญหาคือคำพูดแรกของพวกเขามักลงเอยเป็นคำสั่งแบบว่า - ฆ่ามันสิ, หมอบลง, ดึงขึ้นหน่อย - ประมาณนี้ แต่มันก็ทำให้เราสนิทกัน


 


เอาแบบนี้ รู้มั้ยว่า คาร์ลอส เตเวซ, พาร์ค ชี-ซอง และ ปาทริซ เอวร่า คือกลุ่มเพื่อนซี้กัน ผมยังงงเลยว่ามันออกมาเวิร์กได้ยังไง พวกเขาพูดภาษาอะไร ? คนหนึ่งเป็นอาร์เจนไตน์, คนหนึ่งเป็นเกาหลี และอีกคนเป็นฝรั่งเศส แต่พวกเขาไปนู่นมานี่ด้วยกัน พวกเขาเล่นหัวกัน แซวกัน พวกเขามีอะไรเหมือนกัน อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ  


 


สำหรับตัวของเขาเอง เฟล็ทเชอร์ คือคนบ้านเดียวกันกับเจ้านายใหญ่ของพวกเขา - เฟอร์กี้ - และอย่าคิดหละว่า เพื่อนร่วมจะไม่รู้ ! เฟล็ทเชอร์ บอกว่า พวกเขาเรียกเขาว่า พ่อของผมมั่ง, ปู่ของผมมั่ง แต่ผมไม่คิดว่าสาเหตุที่ทำให้ผมได้มาอยู่ตรงนี้เป็นเพราะสัญชาติของผม เอางี้ดีกว่า แชมป์มากมายของเจ้านายไม่ได้มาจากความสงสารของเขาที่มีต่อนักเตะสกอตต์หรอก ! 


 


เขาเป็นแค่คนที่รัก สกอตแลนด์ มากๆ คนหนึ่งเท่านั้น ทั้งทีมฟุตบอลของสกอตต์ และนักกีฬาสกอตต์ ความจริงแล้วมันก็ทำให้ผมกดดันเหมือนกัน กับเดิมพันเล็กๆ น้อยที่เขาหยอดไว้เวลาถึงเกมทีมชาติ มันคงไม่มีอะไรเหมือนกับการที่ต้องไปเจอกับ ฝรั่งเศส โดยที่ผู้จัดการทีมของคุณตะโกนไล่หลังว่า - ถัาแพ้ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้า - ใส่คุณ   
 
 
ทั้งหมดนี้เป็นเศษเสี้ยวชีวิตของลูกผู้ชายวัยเบญจเพศที่ชื่อ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ซึ่งจากผลงาน และความทุ่มเทที่แสดงให้เห็น หว้งว่าแฟนผีทั้งหลายทั้งปวงคงจะยอมรับ และตัดเขาออกจากการเป็น 1 ใน เทพมรณะ ของทีมเสียทื เพราะ จอห์น โอเช ก็กลับมาเล่นดีแล้ว เช่นเดียวกับ เวส บราวน์ ที่ดีมาตั้งแต่ซีซั่นก่อน จะเหลือก็แค่พี่ แกรี่ เนวิน เอ๊ย ... เนวิลล์ เท่านั้น !! 

ร็อกโคราช

Credit:www.siamsport.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์