ชาบูถั่วเมพ!โขกพิศดาร-ยิงชัยช่วยผีซิวหืด 2-1

ชาบูถั่วเมพ!โขกพิศดาร-ยิงชัยช่วยผีซิวหืด 2-1

แจ้งเกิดแบบเต็มตัวในฐานะฮีโร่ของทีมเลยสำหรับฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซที่เหมาคนเดียวสองประตู จากลูกโหม่งสะบัดด้วยหลังหัวแบบพิศดาร และลูกแปเผาขนท้ายเกม ช่วยให้แมนฯยูไนเต็ดรอดตัวหยุดสถิติเสมอรวดนอกบ้าน เอาชนะสโต๊คไปได้ 2-1

พรีเมียร์ ลีก

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2553


สโต๊ค ซิตี้ 1 : 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ประตู :
0-1 ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ น.27,1-1 ตุนชาย ซาลี่ น.82,1-2 ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ น.86

ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยกพลออกไปเยือนบริทาเนียร์ สเตเดี๊ยมรังของสโต๊ค ซิตี้พร้อมพกเอาสถิติการออกไปเป็นทีมเยือนที่ยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลยในฤดูกาลนี้ เสมอรวด 4 เกมด้วยกัน

ในเกมนี้แมนฯยูไนเต็ดยังคงไม่มีเวย์น รูนี่ย์ที่กลับลำหันมาจูบปากกับเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันแล้ว คู่หน้าจึงเป็นดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ

เกมนี้เซอร์ อเล็กซ์ปรับให้ปาทริซ เอฟร่าขึ้นมาเล่นปีกซ้าย และขยับจอห์น โอเชียไปเล่นแบ็คซ้ายแทน ในขณะที่ทางขวาเป็นแกรี่ เนวิลล์

เจ้าบ้านสโต๊ควันนี้จัดทัพแบบไม่เกรงกลัวทางแมนฯยูไนเต็ดเลย เพราะมาด้วยทีมชุดเกมรุกมีหน้าคู่เป็นเควิน โจนส์ และโจนาธาน วอลเตอร์สคอยรอสังหารลูกเปิด ลูกบอมบ์ของเพื่อนร่วมทีมในแดนหน้า

ครึ่งแรก

ผีสวนไม่ประสบผล
เริ่มเกมมาได้ 8 นาที แมนฯยูไนเต็ดมีโอกาสได้ทำเกมสวนกลับแบบ 3 ต่อ 2 คน โดยดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟลากขึ้นไปตรงกลางก่อนป้ายให้กับนานี่ทางฝั่งขวา แต่เหมือนปีกอาบังจะเน้นไปหน่อย โยนบอลโด่งให้กับฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซที่สูงเหลือเกิน พยายามโหม่งชงคือกลับให้เบอร์บาตอฟตรงกลาง แต่ไม่ตรง ทำให้พลาดโอกาสไป

จังหวะนี้หัวหอกศิลปืนถึงกับออกอาการหงุดหงิดเพื่อนร่วมทีมเลยทีเดียว

เกมแลกกันสนุก
ผ่าน 15 นาทีแรกไป เกมคู่นี้ถือว่าสนุกได้ลุ้นกันอยู่ตลอด เพราะต่างฝ่ายต่างก็มาเล่นเกมรุกด้วยกันทั้งสองทีม แมนฯยูไนเต็ดจะเน้นการประสานกันระหว่างเบอร์บาตอฟ, เฮอร์นานเดซ และนานี่ ในขณะที่สโต๊คจะเน้นเกมริมเส้น และโยนบอลไปลุ้นในกรอบเขตโทษได้เสียวอยู่เนืองๆ

ผีเกือบแย่
นาทีที่ 21 แมนฯยูไนเต็ดป้อแป้หนัก หลังจากทางเจ้าถิ่นโยนบอมบ์เข้าไปกดดดันในกรอบเขตโทษไม่ขาดสายต้องไล่สกัดกันอุตลุต ยังดีที่จังหวะบอลถือว่าไม่ได้เป็นใจให้กับสโต๊คมาก ไม่งั้นอาจมีหายได้ทุกเมื่อ

ถั่วน้อยหันหลังโหม่งเข้าเฉย!!
นาทีที่ 27 สโต๊ค ซิตี้ที่ถนัดการเล่นลูกตั้งเตะ ลูกกลางอากาศถึงกับงงตาแตก หลังจากฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซโชว์ลูกโหม่งพิสดาร จากจังหวะที่นานี่โยนบอลยาวไปเสาสองแล้วเนมันย่า วิดิชโหม่งชงกลับเข้าไปตรงกลาง แม้ว่าเฮอร์นานเดซจะยืนหันหลังอยู่ แต่ก็ยังเทคตัวเอาหลังศรีษะสะบัดโหม่งบอลเสยคานเข้าไปสุดตะลึง แมนฯยูไนเต็ดชิงออกนำไปก่อนแล้ว 1-0

เกมเป็นทรงๆ
เข้าสู่ช่วงนาทีที่ 35 ของเกม หลังจากได้ประตูขึ้นนำไปแล้วเกมของแมนฯยูไนเต็ดเองก็ถือว่าไม่ได้ลุ้นประตูเพิ่มแต่อย่างใด เพราะเกมส่วนใหญ่มักจะเสียกันในจังหวัสุดท้าย รวมทั้งทางสโต๊คด้วยเช่นเดียวกัน

ถั่วน้อยเกือบพิศดารอีก
นาทีที่ 41 ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซมีโอกาสทำประตูพิศดารเพิ่มอีก จากจังหวะที่อับดุลลาย ฟายส่งคืนหลังให้กับโธมัส โซเรนเซ่นเบาไปหน่อย ทำให้จังหวะเตะบอลเคลียร์ออกมาไปโดนตัวเฮอร์นานเดซ แต่ยังดีที่ปลิ้นข้ามคานออกไป

เฮียเนฟรอดตัว
อีกหนึ่งนาทีต่อมา แฟนแมนฯยูไนเต็ดเป่าปากโล่งกันยกใหญ่ จากจังหวะที่แกรี่ เนวิลล์ซึ่งมีใบเหลืองติดตัวอยู่แล้ว ไปเสียบใส่แมทธิว เอ็ทเธอริงตัน แต่ผู้ตัดสินยังปราณี ถึงจะอย่างนั้นถ้ามีครั้งหน้ารับรองว่าแดงชัวร์

ผีเสียวส่งท้ายครึ่งแรก
ช่วงทดเวลานาทีสุดท้ายพอล สโคลส์ฉวยโอกาสเล่นฟรีคิกเร็วตักบอลไปให้กับปาทริซ เอฟร่าในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนที่แบ็คเลือดเฟร้นช์จะไหลเข้ากลางหมายให้ฮาเวียร์เฮอร์นานเดซได้เข้าชาร์จ แต่ถูกกองหลังบีบเข้ามาสกัดได้ก่อน ไม่งั้นได้เสียวแน่

ผู้ตัดสินเป่านกหวีดจบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนำสโต๊ค ซิตี้อยู่ 1-0 แต่จากสถิติช่วงหลังของทางทีมเยือนแล้ว เจ้าบ้านยังมีโอกาสพลิกกลับมาได้ทุกเมื่อ

ครึ่งหลัง

ฮา!แกรี่ เนวิลล์แอบเขิล ป๋าไม่บอกว่าจะให้เปลี่ยนตัวแล้วปล่อยให้ไปยืนรอกลางสนามก่อนเริ่มเกมตั้งนาน แต่ในที่สุดก็ต้องออกจากสนาม และให้เวส บราวน์ลงไปเล่นแทน เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการโดนใบเหลืองที่สองเหลือเกิน

เจ้าบ้านรอดตัวไม่เสียจุดโทษ
นาทีที่ 55 ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ตัดสินล้วน ๆ ในจังหวะที่ปาทริซ เอฟร่าวิ่งเบียดไปกับรอรี่ ดีแล็ปแล้วถูกทางจอมทุ่มมือทองใช้แขนกระแทกจนล้มลงในกรอบเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินเฉยเพราะน่าจะมองว่าโธมัส โซเรนเซ่นเข้าถึงบอลได้เร็วกว่าแบ็คเลือดเฟร้นช์

หมามุ่ยเกือบสร้างงาน
อีก 5 นาทีต่อมา อยู่ดีไม่ว่าดีพอล สโคลส์ก็ทำพลาดไปเสียบอลให้กับทางวอลเตอร์จนโดนกระชากสวนขึ้นไปหน้ากรอบเขตโทษ ถือว่ายังโชคดีที่จังหวะจ่ายให้กับเควิน โจนส์นั้นไปติดขาของเนมันย่า วิดิชซะก่อน ทำให้จังหวะเสียไป

สมควร!จัยฉ่ายถูกถอดแล้ว
นาทีที่ 70 ในที่สุดฟ้าก็มีตา เมื่อเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันจัดการเปลี่ยนเอาไมเคิ่ล คาร์ริคลงไปเล่นแทนจอห์น โอเชียที่วันนี้ท็อปฟอร์มทั้งเกมรับ(โดนเขาเจาะตลอด) และเกมรุก(จ่ายพลาดทั้งเกม)

โดยแมนฯยูไนเต็ดจะขยับปาทริซ เอฟร่าลงไปเล่นแบ็คซ้ายตำแหน่งที่ถนัดตามเดิม ส่วนแดนหน้าจะใช้ 3 ประสานเบอร์บาตอฟ, นานี่ และเฮอร์นานเดซ ส่วนคาร์ริคที่เพิ่งลงไปก็จะช่วยเกมแดนกลางที่เหมือนจะเก็บบอลกันไม่ค่อยอยู่ และไล่บอลลำบาก

ถั่ววอลเล่ย์หลุดกรอบ
นาทีที่ 72 แมนฯยูไนเต็ดพลาดโอกาสทำประตูที่สองไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟหลุดขึ้นไปทางกราบซ้าย ก่อนที่จะเหลือบมองไปเสาสองเห็นฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซเติมขึ้นมา จัดการโยนไปทันที เฮอร์นานเดซพุ่งเข้าไปลอยตัววอลเล่ย์จังหวะแรก แม้จะผ่านโซเรนเซ่นไปได้แล้ว แต่ก็หลุดเสาไกลออกไปนิดเดียวเท่านั้น

เจ้าถิ่นกดดันน่ากลัว
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย แม้แมนฯยูไนเต็ดจะมีโอกาสทำประตูได้มากกว่า แต่จังหวะการโยนบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษของสโต๊คนั้นกดดันได้ทุกเมื่อ หากพลาดเมื่อไรแมนฯยูไนเต็ดมีหวังน้ำตาตกแน่

นั่นไง!ตุนชายซัดงามหยดย้อย
นาทีที่ 82 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพลาดอีกครั้ง(และอีกครั้ง) จากความผิดพลาดของพวกเขาเองในตอนแรกทั้งพอล สโคลส์ และปาทริซ เอฟร่า ทำให้ตุนชายมีโอกาสพาบอลล็อกจากกราบขวาเข้าในเขตโทษ แล้วบรรจงปั่นด้วยซ้าย บอลพอเหมาะพอดีทั้งน้ำหนัก และทิศทางเข้าไปเสียบสามเหลี่ยมเสาไกล สุดปัญาที่ฟาน เดอร์ ซาร์จะเซฟถึง สโต๊คตามตีเสมอจนได้

ถั่วน้อยพลิกสถานการณ์!!!
นาทีที่ 86 แมนฯยูไนเต็ดพลิกสถานการณ์ฟอร์มเดิมของตัวเองได้ทันใด จากประตูของฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซที่ยืนถูกที่ถูกเวลา ในจังหวะที่มิดิทาร์ เบอร์บาตอฟโยนบอลจากกราบขวาไปเสาสองสโคลส์โหม่งเสยไปยังปาทริซ เอฟร่าที่ยึกยักอยู่ก่อนที่จะกลับตัวจริง บอลไปแฉลบผู้เล่นของสโต๊คแล้วไปเข้าทางเฮอร์นานเดซที่ยืนอยู่กลางประตู ยิงดีดเข้าไปด้วยสัญชาตญาณไม่มีเหลือ ปีศาจแดง ขึ้นนำไปอีกครั้ง 2-1

ทดเจ็บ 4 นาที
เกมยังไม่จบง่ายๆ เมื่อเจ้าบ้านยังมีลุ้นช่วงท้ายเกม เพราะผู้ตัดสินที่ 4 ออกมาชูป้ายทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที ทำให้มีโอกาสลุ้นบอมบ์ช่วงท้ายเกมอยู่

บังเกือบได้บวกบ้าง
ช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย หลุยส์ นานี่มีโอกาสได้ส่องเน้นๆจากนอกกรอบเขตโทษจากลูกจ่ายของดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ แต่ยังไม่ผ่านมือของโซเรนเซ่นที่เซฟเอาไว้ได้ทัน

จบ 90 นาีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเอาชนะสโต๊ค ซิตี้ไปได้แบบหืดขึ้นคอ 2-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

สโต๊ค ซิตี้ :
โธมัส โซเรนเซ่น,อับดุลลาย ฟาย,ไรอัน ชวอครอสส์,แดนนี่ คอลลินส์,โรเบิร์ต ฮูธ,รอรี่ย์ ดีแล็ป,มาร์ค วิลสัน,แมทธิว เอ็ทเธอริงตัน,เจอร์เมน เพนแนนท์,เคนวิน โจนส์,โจนาธาน วอลเตอร์ส

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์,เนมันย่า วิดิช,ริโอ เฟอร์ดินานด์,ปาทริซ เอฟร่า,แกรี่ เนวิลล์,พอล สโคลส์,ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์,นานี่,จอห์น โอเชีย,ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ,ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ















 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์