จุดสูงสุด-ต่ำสุดของโอเว่น



แม้ว่าระยะหลัง ไมเคิ่ล โอเว่น จะโดนค่อนขอดว่าหมดน้ำยาไปแล้ว แต่กองหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าสัญชาตญานดาวยิงของเขายังไม่ได้หายไปไหนหลังเพิ่งจะตะบันแฮตทริกใส่โวล์ฟสบวร์กมาหมาดๆ




การเหมาคนเดียว 3 ประตูของ โอเว่น เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ช่วยให้ ปีศาจแดง ชุดบี บุกไปถล่ม หมาป่า 3-1 พร้อมกับเข้ารอบน็อคเอาต์ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่ม และยังเป็นอีกหนึ่งบทบันทึกที่น่าสนใจในอาชีพการค้าแข้งของหัวหอกร่างเล็กรายนี้ด้วย


หนังสือพิมพ์ เทเลกราฟ ของเมืองผู้ดี ได้ทำการรวบรวมจุดสูงสุดและต่ำสุดของ โอเว่น มาไว้อย่างน่าสนใจ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น มาติดตามกันได้เลย


ช่วงเวลาแห่งความสุข




ธันวาคม 2009
โอเว่น ทำแฮตทริกในการเล่นอาชีพเป็นครั้งที่ 14 และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นให้กับ ปีศาจแดง ในเกมที่ทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บุกมาชนะแชมป์บุนเดสลีก้าอย่าง โวล์ฟสบวร์ก 3-1



สิงหาคม 2009
ลงเล่นในเกมลีกเป็นนัดแรกให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะตัวสำรองของเกมที่พบกับ เบอร์มิงแฮม ก่อนจะทำประตูในเกมอย่างเป็นทางการนัดแรกกับ วีแกน ในอีก 6 วันให้หลัง


กันยายน 2009
หัวหอกที่จะมีอายุครบ 30 ปีในวันที่ 14 ธ.ค. นี้ พังประตูชัยให้ ปีศาจแดง ในช่วงทดเวลาเจ็บนาทีที่ 6 ก่อนจะเฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองอย่างสุดมัน 4-3 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด


พฤษภาคม 1997
ทำประตูในการลงสนามนัดแรกให้ทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูล หลังถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในเกมที่พบกับ วิมเบิลดัน ขณะที่ อายุเพียง 17 ปี โดย โอเว่น เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพได้เพียง 6 เดือนก่อนหน้านั้น


มิถุนายน 1998
สร้างชื่อในระดับชาติให้ตัวเองหลังเลี้ยงลุยผ่านกองหลัง 3 คน ก่อนจะยิงเสียบสามเหลี่ยมอย่างเหนือชั้น ชนิดที่ คาร์ลอส โรอา หมดสิทธิรับในเกมรอบ 2 ของศึกฟุตบอลโลกที่พบกับ อาร์เจนตินา


พฤษภาคม 2001
รับบอลจาก แพทริก แบร์เกอร์ ก่อนจะสปีดบอลหนี ลี ดิ๊กสัน และยิงผ่านมือ เดวิด ซีแมน เข้าไปเป็นประตูที่ 2 ของตัวเองและเป็นประตูชัยให้ หงส์แดง เฉือนชนะ อาร์เซน่อล ในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ และเป็นหนึ่งในตัวหลักของเชราร์ อุลิเย่ร์ ในชุดที่คว้าทริปเปิลแชมป์บอลถ้วย (เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และ ยูฟ่า คัพ)


กันยายน 2001
แฮตทริกของ โอเว่น บวกกับประตูของเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลอย่าง เอมิล เฮสกี้ และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ช่วยให้ทีมชาติอังกฤษ บุกไปถล่ม เยอรมนี 5-1 ที่มิวนิค


ธันวาคม 2001
ได้รับการโหวตให้คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป (บัลลง ดอร์) และกลายเป็นนักเตะจากอังกฤษคนแรกต่อจาก เควิน คีแกน ในปี 1979 ที่คว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้


 


ช่วงเวลาแห่งความตกต่ำ




กันยายน 1999

อาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่าทำให้ โอเว่น ได้ลงสนามให้ลิเวอร์พูลไม่กี่นัดตลอดทั้งฤดูกาล และนั่นก็เป็นปัญหาต่อเนื่องที่รบกวนกองหน้าตัวจี๊ดรายนี้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน


สิงหาคม 2004
ย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 8 ล้าน (ราว 480 ล้านบาท) หลังจากที่ทำไป 158 ประตูในการลงสนามให้ หงส์แดง 297 นัด แต่กลับไม่สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงในถิ่นซานติอาโก เบอร์นาเบว ได้ มิหนำซ้ำยังถูกแฟนบอลลิเวอร์พูลตราหน้าว่าเขาเป็นคนทรยศ แม้ว่าเขาจะสามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัวได้ในฤดูกาลถัดไปก็ตาม
แม้จะไม่ได้เล่นอย่างสม่ำเสมอในสเปน แต่ โอเว่น ก็ยังได้เหรียญแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาคล้องคอ ในฤดูกาล 2005/06 ร่วมกับเรอัล มาดริด


กันยายน 2005
ไม่สามารถจูงใจให้ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสแปนิช ดึงตัวเขากลับไปในถิ่นแอนฟิลด์ได้ หลังจากที่ถูก ราชันชุดขาว ขึ้นป้ายขาย ทำให้ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ (ราว 960 ล้านบาท) โดยวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มีแฟนบอลเข้ามาให้การต้อนรับในสนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค มากถึงราว 30,000 คน แต่ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษ กลับลงสนามให้ สาลิกาดง ได้แค่ 80 นัดตลอดระยะเวลา 4 ปี เนื่องจากปัญหาบาดเจ็บที่รบกวนไม่หยุดหย่อน


มิถุนายน 2006
โอเว่น โดนหามออกจากสนามตั้งแต่นาทีแรกในเกมที่ สิงโตคำราม เสมอกับ สวีเดน 2-2 หลังเอ็นเข่าฉีก และไม่สามารถลงเล่นได้อีกจนกระทั่งเดือนเม.ย. ปีต่อมา


พฤษภาคม 2009
นิวคาสเซิ่ล ต้องตกชั้นไปหล่นในลีกแชมเปี้ยนชิพ หลังจากที่ไม่สามารถทำประตูได้เลยนับตั้งแต่เดือนม.ค. เป็นต้นมา และนั่นทำให้ โอเว่น หลุดโผทีมชาติอังกฤษในยุคของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ก่อนที่เขาจะอำลาถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์คหลังหมดสัญญา และย้ายมาร่วมทีม ปีศาจแดง ในที่สุด




ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล วันที่ : 12/9/2009 5:40:07 PM

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์