ฆาตกรโรคจิต Edward Gein

2006/Oct/21






Edward Gein (1906 ~ 1984)

หลายๆคนอาจจะไม่รู้จักชื่อของชายผู้นี้ แต่คาดว่าทุกคนคงจะเคยดู PHYCO หรือThe Texus Chainsaw Massacre หรือSilent of the Lambมาแล้ว ต้นแบบของภาพยนตร์เหล่านี้ล้วนเป็นชายผู้ถูกขนานนามว่าเป็นฝันร้ายของอเมริกายุคใหม่ผู้นี้เอง เขาคนนี้แหละที่เป็นบุคคลซึ่งมีอิทธิพลต่อวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดมากที่สุดผู้หนึ่งทีเดียว

เพลนฟิลด์เป็นเมืองเล็กๆที่อยู่กลางรัฐวิสคอนซินในอเมริกา มีผู้อาศัยประมาณ 600 คน เป็นเมืองที่ไม่มีความบัญเทิงใดเป็นพิเศษนอกไปจากการล่ากวางในฤดูล่าสัตว์กับเบียร์ซักแก้วเท่านั้นเอง

วันที่ 8 ธันวาคม 1954 แมรี่ โฮแกนซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนร่างใหญ่ได้หายไปจากบาร์ที่เธอทำงานอยู่ ชาวนาซึ่งเป็นขาประจำมาที่ร้านและไม่พบร่องรอยใดๆของเธอเลยนอกจากเลือดซึ่งโชกไปทั่วพื้นร้าน การตรวจสอบพบกระสุนปืนขนาด 32 มิลและรอยเลือดซึ่งชี้ว่าศพถูกลากออกไป หากของมีค่าอื่นๆก็ไม่มีอะไรสูญหาย จนแล้วจนรอด ตำรวจก็ไม่สามารถสืบสวนพบทั้งคนร้ายและศพของแมรี่

3 ปีให้หลัง 16 พฤศจิกายน 1957 เบอร์นิซ วอร์เดน คุณนายร้านเครื่องโลหะหายตัวไปจากร้านซึ่งเธอเป็นผู้ดูแลแต่ผู้เดียวหลังจากการตายของสามี เบอร์นิซเป็นหญิงวัยกลางคนร่างใหญ่เช่นเดียวกับแมรี่ โฮแกน ในวันที่เธอหายตัวไปนั้น ผู้ชายในเมืองออกไปล่ากวางเนื่องจากเป็นวันเปิดฤดูการล่าวันแรก เมื่อแฟรงค์ผู้เป็นลูกชายกลับมา ก็พบเพียงร้านอันว่างเปล่าและแอ่งเลือดบนพื้น และเนื่องจากบิลใบเสร็จที่เหลืออยู่ในร้านทำให้ตำรวจสามารถชี้ตัวคนร้ายได้ เขาก็คือเอ็ด เกนซึ่งเป็นลูกค้ารายเดียวของร้านในวันนั้นนั่นเอง

เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในวันนั้น หากจะเรียบเรียงตามคำให้การในภายหลังแล้วก็จะมีใจความดังนี้
ประมาณ 8 โมงครึ่งหลังจากที่พวกผู้ชายพากันออกไปล่าสัตว์แล้ว เอ็ด เกนปรากฏตัวขึ้นที่ร้านเครื่องโลหะ เบอร์นิซไม่ค่อยชอบหน้าเอ็ดเพราะชายคนนี้ชอบมาทำกระลิ้มกระเหลี่ยกับเธอบ่อยๆ หากก็ขายยาละลายน้ำแข็งให้แก่เขาอย่างปกติ หลังจากจ่ายเงินแล้ว เอ็ดขอดูไรเฟิ่ลขนาด 20 มิลบนชั้น เมื่อเบอร์นิซส่งปืนให้ เอ็ดก็แสร้งทำเป็นตรวจสภาพปืน บรรจุกระสุนและหันปากกระบอกไปยังศีรษะของเบอร์นิซแล้วยิง
เบอร์นิซตายในทันที ศพของเธอถูกลากขึ้นรถฟอร์ดของเอ็ดกลับยังบ้านของเขา

มีชาวหมู่บ้านหลายคนเห็นเอ็ดมีพฤติกรรมน่าสงสัยระหว่างที่เขาขนย้ายศพกลับบ้าน หากในเมืองเพลนฟิลด์ เอ็ดเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของคนดีไม่เต็มเต็ง คนโง่ที่ไว้ใจได้ จึงไม่มีใครใส่ใจเท่าใดนัก ถึงกับมีคนขอให้เขาช่วยขับรถ(คันที่บรรทุกศพไปหมาดๆนั่นแหละ)ไปส่งในเมืองและเลี้ยงข้าวเย็นเป็นการตอบแทนด้วยซ้ำ

ในระหว่างที่เอ็ดทานข้าวเย็นอยู่ที่อื่นนั้นเอง นายตำรวจชูเลย์และแฟรงค์ก็มุ่งหน้าไปยังบ้านของเอ็ด ในบ้านมืดสนิทไม่มีใครอยู่ พวกเขาจึงอ้อมไปด้านหลังและเข้าไปทางประตูครัว เมื่อส่องไฟฉายดูก็พบบางอย่างที่ห้อยลงมาจากเพดาน
สิ่งที่มีรูปร่างเหมือนตัว Y ขนาดใหญ่นั้นคือร่างไร้ศีรษะของมนุษย์ซึ่งถูกแขวนห้อยหัวลงมาจากเพดานนั่นเอง (นี่ก็รูปโหดมากค่ะ ขออภัยจริงๆที่ลงให้ดูไม่ได้) ศพถูกผ่าเป็นเส้นตรงตั้งแต่หว่างขาลงมาถึงอก เครื่องในถูกควักออกราวกับกวางที่ถูกชำแหละเรียบร้อยแล้ว
แฟรงค์ร้องตะโกนทันทีที่รู้ว่านั่นคือแม่ของเขา นายตำรวจใหม่กระโจนกลับออกไปนอกบ้านแล้วอาเจียนโอ้กใหญ่



การเก็บหลักฐานในบ้านของเอ็ดนั้น แม้แต่ตำรวจมือเก๋าก็ยังหวาด บ้านสกปรกเลอะเทอะราวกับไม่ได้เก็บกวาดมานานปี จานซึ่งไม่ได้ล้าง ข้าวที่กินเหลือ กระป๋องเปล่า ขวดเปล่า ขยะถูกทิ้งเกลื่อนไปทั้งบ้าน มีกระทั่งกระป๋องซึ่งอัดแน่นไปด้วยหมากฝรั่งเคี้ยวแล้ว



ตำรวจเห็นอะไรบางอย่างแปลกๆในกองจานชาม เมื่อดูดีๆมันก็คือแก้วเบียร์ซึ่งทำจากกระโหลกศีรษะมนุษย์ เมื่อมองบนชั้นก็พบกระโหลกอีกมากมายเรียงเป็นตับ กระทั่งเสาเตียงก็ยังตบแต่งด้วยกระโหลกคน
เก้าอี้ถูกบุด้วยหนังคน ยังมีที่ครอบโคมไฟ ถังขยะ กลอง ปลอกมีดซึ่งถูกประดิษฐ์ขึ้นด้วยหนังมนุษย์เช่นเดียวกัน เข็มขัดมีการตบแต่งด้วยหัวนมผู้หญิง ที่ดึงม่านมีริมฝีปากคนประดับอยู่
ตำรวจยังพบศีรษะตากแห้ง 9 หัว(นึกภาพศีรษะที่เผ่ามนุษย์กินคนเขาทำกันนั่นแหละ) ทุกหัวยังมีผมอยู่ บางหัวมีการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง และที่นี่เอง พวกเขาก็พบแมรี่ โฮแกนซึ่งหายตัวไปเมื่อ 3 ปีก่อน
มีการพบศีรษะที่หายไปของเบอร์นิซ วอร์เดนด้วย หูทั้งสองข้างของเธอถูกร้อยด้วยเชือก แขวนไว้กับผนังราวกับเป็นของแต่งบ้าน เครื่องในสดๆของเธออยู่บนเตารอให้เอ็ดกลับมาเตรียมอาหาร

บ้านบ้าอะไรเนี่ยแต่ยังไม่จบค่ะ สูดลมหายใจลึกๆกันหน่อย

ในกล่องรองเท้าเก่าๆบรรจุไว้ด้วยมดลูก 9 ชิ้น ทั้งหมดแห้งหดตัว มีอยู่ชิ้นเดียวที่ทาสีเงินและผูกโบว์สีแดงประดับเอาไว้ มีมดลูกสดๆอีกชิ้นซึ่งถูกโรยเกลือไว้กันเน่าเรียบร้อยแล้ว
อีกกล่องมีจมูกคนใส่อยู่ และยังมีหน้ากากหนังมนุษย์อีก 9 ชิ้น ทุกชิ้นถูกลอกมาจากร่างกายคนอย่างปราณีต ตบท้ายด้วยเสื้อหนังมนุษย์ซึ่งมีกระทั่งเต้านมของผู้หญิงเย็บติดอยู่ คาดว่าเอ็ดน่าจะใช้ของเหล่านี้ในการแต่งตัวให้เป็นผู้หญิง ซึ่งตรงนี้เองที่เป็นต้นแบบของฆาตกรใน Silent of the Lamb

แต่ในบ้านซึ่งรกรุงรังไปหมดนี้ มีเพียงที่เดียวซึ่งสะอาดเรียบร้อย ที่นั่นก็คือห้องของออกัสต้าซึ่งเป็นมารดาของเอ็ดนั่นเอง ห้องของเธอถูกเก็บไว้ในสภาพเดียวกับยามที่เธอยังมีชีวิตอยู่



จำกันได้ไหม ห้องนี้แหละที่เป็นต้นกำเนิดของหนังเรื่องเอกของอัลเฟรด ฮิซคอก PHYCO

เอ็ด เกนเกิดเมื่อ 27 สิงหาคม 1906 เป็นบุตรชายคนที่สองของออกัสต้า เกนซึ่งเป็นหญิงเคร่งศาสนา เธอรังเกียจการมีเพศสัมพันธ์แม้แต่กระทั่งกับสามีของตัวเองและสั่งสอนความเชื่อนี้ให้กับบุตรชายทั้งสองของเธอด้วย โดยเฉพาะเอ็ดนั้นเชื่อในคำสอนของมารดาอย่างเคร่งครัดว่าการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงจะทำให้เขาตกนรก
ปี 1944 เฮนรี่ผู้พี่ที่ยังโตมาเป็นคนปกติดีถูกไฟป่าครอกตาย การตายของเขาถูกบันทึกว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่มาวันนี้ มีการสันนิษฐานเช่นกันว่าเอ็ดเป็นคนฆ่า เนื่องจากเฮนรี่ได้กล่าวด่าว่าเอ็ดว่าติดแม่ เป็นไปได้ว่าเอ็ดจะฆ่าพี่ชายของเขาเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของมารดาก็เป็นได้
ปี 1945 ออกัสต้าเสียชีวิตด้วยโรคเส้นเลือดตีบในสมอง หลังจากการตายของมารดาสุดที่รักนี่เองที่เอ็ดเริ่มมีพฤติกรรมที่แปลกไป

ในครั้งแรก ไอเท็มสยองต่างๆในบ้านของเขาถูกประดิษฐ์จากศพใหม่ๆที่ขุดมาจากสุสานของเมือง แต่ศพใหม่ก็ใช่ว่าจะหาได้อยู่เรื่อยๆ เอ็ดจึงเลยเถิด ลงมือฆ่าแมรี่ โฮแกนและเบอร์นิซ วอร์เดนในที่สุด เป็นที่น่าสังเกตุว่าผู้หญิงทั้งสองที่เขาฆ่านั้นต่างก็เป็นหญิงวัยกลางคนร่างใหญ่ นิสัยเจ้ากี้เจ้าการ ชอบชี้นิ้วสั่ง เช่นเดียวกับออกัสต้ามารดาของเขานี่เอง จากจุดนี้ มีการวิเคราะห์ไปต่างๆนานาว่าการกระทำของเขาเป็นเพื่อการล้างแค้นแม่ หรือเพราะเขาอยากจะแปลงร่างเป็นแม่ของเขาเองกันแน่

แพทย์ซึ่งตรวจเอ็ดยืนยันว่าเขามีอาการป่วยทางจิตอย่างรุนแรงจนยากจะเยียวยา เขาจึงรอดจากการตัดสินของศาลในฐานะผู้ไม่มีความสามารถในการรู้ผิดชอบ

แน่นอนว่าชาวเมิองเพลนฟิลด์ย่อมไม่พอใจการตัดสินนี้ และเมื่อชาวเมืองซึ่งโกรธแค้นรู้ว่าเงินที่ได้จากการขายบ้านของเอ็ดจะถูกส่งเข้าบัญชีของเขา ชาวเมืองก็พากันเผาบ้านของเขาทิ้งจนราบคาบ (ถ้าเหลือไว้ก็คงจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทำเงินได้แท้ๆ) ส่วนรถฟอร์ดของเอ็ดถูกนำออกประมูลและนำมาโชว์เก็บเงิน ตอนที่โชว์อยู่นั้นมีการใส่หุ่นขี้ผึ้งของเอ็ดไว้ยังที่นั่งคนขับและใส่ชิ้นส่วนมนุษย์ปลอมซึ่งโชกเลือดไว้ยังเบาะหลัง หากระหว่างการโชว์มีโทรศัพท์เข้ามาต่อว่ามากมายจนต้องยกเลิกไป

เอ็ดถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลโรคจิตของรัฐ เขาประพฤติตัวสงบเสงี่ยมจนแม้แต่แพทย์ก็ยังยกให้เป็นผู้ป่วยตัวอย่าง
26 กรกฎาคม 1984 เอ็ดเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ศพของเขาถูกฝังไว้ข้างๆหลุมศพของมารดาผู้เป็นที่รักของเขา ไม่ไกลจากหลุมศพของเหยื่อซึ่งเขาฆ่าเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์