กุนซูเปอร์ซับ!ผีจ๋อยแพ้เรือคาบ้าน 2-1 โดนบีบเหลือ 12 แต้ม
ศึกชิงบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกยืดระยะเวลาออกไปอีกเล็กน้อยหลังเซร์คิโอ อาเกวโร่สวมบทฮีโร่ซูเปอร์ซับลากพาทัวร์ยิงประตูชัยให้แมนฯซิตี้บุกมาเอาชนะแมนฯยูไนเต็ดถึงโอลด์แทรฟฟอร์ดบีบช่องว่างห่างเหลือ 12 แต้มกับโปรแกรมที่เหลืออยู่อีก 7 นัด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันจันทร์ที่ 8 เมษายน 2556 
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 
สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ประตู : 0-1 เจมส์ มิลเนอร์ น. 51, 1-1 แวงซ็องต์ กอมปานี น. 58 (ทำเข้าประตูตัวเอง), 1-2 เซร์คิโอ อเกวโร่ น. 79 
คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก แมนยู 1-2 แมนซิตี้
"ปีศาจแดง"ลงสนามพร้อมความได้เปรียบมหาศาลนำหน้า"เรือใบสีฟ้า"ถึง 15 แต้มทำให้เกมนี้อาจไม่เข้มข้นเท่าไหร่ในแง่ของการตัดสินลุ้นแชมป์แต่ก่อนเกมก็มีการออกมาสาดน้ำลายจากทั้งสองฝั่งตามประเพณีอยู่บ้าง
เกมล่าสุดที่ทั้งคู่เจอกันนั้นทางฝั่งยูไนเต็ดบุกไปกระชาก 3 แต้มได้ค่าถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยมจากลูกยิงนาทีสุดท้ายของ RVP นับเป็นการสางแค้นแบบแสบทรวงหลังเคยโดนเพื่อนบ้านน่ารำคาญบุกมาถล่มถึงบ้าน 6-1 เมื่อปีก่อน
เกมน่าป๋าจัดเต็มส่งกองหน้าลงพร้อมกัน 3 คนรวดทั้งเวลเบ็ค, ฟาน เพอร์ซี่และรูนี่ย์คอยปั่นป่วนแนวหลังของทีมเยือน
ด้านมันชินี่ใช้บริการเตเบซเป็นหัวหอกตัวเดียวเพราะเขาออกมาบอกว่าอเกวโร่นั้นยังไม่ฟิตพอลงสนามตั้งแต่ต้นเกมได้เพียงนั่งรอโอกาสบนม้านั่งสำรองเท่านั้น
ครึ่งแรก
เรือใบมาดีมีลุ้นก่อนเลย
เปิดเกมมานิดเดียวแมน ซิตี้มีลุ้นก่อนเลยถึง 2 จังหวะเมื่อมิลเนอร์เปิดยัดจากริมเส้นด้านขวามาทางเสาแรกให้ซิลบาพุ่งเข้าชาร์จแต่ราฟาเอลยังไม่พลาดตามมาบล็อคเอาไว้ได้
หลังจากนั้นมิลเนอร์คนเดิมได้บอลอยู่ตรงกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนจะยิงตัดมาตรงกลางประตูให้เด เกอาต้องออกแรงเซฟเป็นครั้งแรก
ผีมีโต้เพอร์ซี่ได้ส่อง
โอกาสน่าเสียวไส้ในครั้งแรกของเจ้าถิ่นมาในนาทีที่ 7 เมื่อรูนี่ย์พลิกบอลได้ก่อนไหลไปให้ฟาน เพอร์ซี่เกี่ยวหลบกองหลังแมนฯ ซิตี้เข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนยิงด้วยซ้ายข้างถนัดหมายจะให้เข้าเสาไกลแต่มันดันหลุดเสาออกไปไม่กี่คืบเท่านั้น
เกมไหลลื่นแต่ไร้จังหวะจบ
เกมผ่านไปไวมากแป๊ปเดี่ยวไหลมาถึงนาทีที่ 15 กันแล้วโดยทั้งสองฝ่ายพยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่กันทั้งคู่แต่ก็ยังไร้จังหวะยิงเหน่งๆกันเท่าที่ควรเพราะบอลมักไปตายกันในจังหวะเข้าทำสุดท้ายมากกว่า 
เรือใบเปิดหน้าบุกเตฟเกือบได้ยิง
กลายมาเป็นฝั่งของ"เรือใบสีฟ้า"ที่เดินเกมรุกเข้าใส่น่ากลัวกว่าและมีจังหวะได้ลุ้นเมื่อซิลบาขยับหาพื้นที่ว่างในกรอบเขตโทษด้านขวามารับบอลโยนยาวจากอมปานีได้ก่อนปาดเข้ากลางอย่างรวดเร็วหมายให้เตเบซเข้าฮอร์สแต่เอฟร่ายังตามมาสกัดถึงบอลก่อน
นาสรี่หวดตู้มหลุดกรอบไปไกล
ทีมเยือนมีโอกาสทองอีกครั้งโดยเตเบซลากบอลเข้ามาระยะประมาณ 40 หลาก่อนไหลให้ซิลบาที่พยายามจ่ายยัดเข้ากรอบเขตโทษทว่าบอลไปติดตัวของกิ๊กส์แล้วกระดอนไปเข้าตีนของนาสรี่ที่พยายามหวดเร็วจังหวะแรกแต่ดันโดนบอลไม่ดีหลุดเสาขวามือออกไป
มาเป็นชุด!มิลเนอร์ซัดอีกติดเด เกอา
เกมบุกของซิตี้ยังต่อเนื่องลื่นไหลเลยในช่วงนี้โดยพวกเขาได้จังหวะยิงอีกครั้งทีนี้เป็นการเปิดเกมขึ้นมาด้านซ้ายให้มิลเนอร์ลองล็อคแต่งบอลหาจังหวะยิงหน้ากรอบเขตโทษบอลทะลุโจนส์ไปแล้วแต่ไม่ผ่านมือของเด เกอา
แหม่....ซิลบาโดดปัดบอลโดนเหลืองคนแรก
นาทีที่ 28 ซิลบามาโดนใบเหลืองแบบไม่ควรในจังหวะที่ซาบาเลต้าเปิดบอลมาจากนอกเขตโทษด้านขวาให้เขาตรงเสาแรกแต่บอลมันสูงไปหน่อยประกอบกับโดนเฟอร์ดินานด์ตามมาประกบติดด้านหลังทำให้เผลอจะใช้มือเล่นบอลเลยโดนไมค์ ดีนเล่นงานไปตามระเบียบ
หมูขอด้วยเสียบมิลเนอร์ไม่รอด
รูนี่ย์มาเสียใบเหลืองแบบไม่น่าเสียอีกครั้งในจังหวะที่พุ่งเสียบสองเท้าเข้าใส่มิลเนอร์ที่เปิดบอลออกไปแล้วทำให้ดีนไม่ลังเลที่จะจดชื่อเขาเป็นคนที่สองของเกม
พี่หนุ่มตะบันในกรอบติดบล็อคนิดเดียว
"ปีศาจแดง"มาได้โอกาสจบบ้างจากจังหวะกระชากของ"พี่หนุ่ม"ผ่านซาบาเลต้าเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วยิงทันทีแต่นาสตาซิชยังไวตามมาทิ้งตัวบล็อคออกหลังไปได้ชนิดถ้าผ่านเขาไปฮาร์ทคงต้องออกแรงเซฟเหมือนกัน
กอมปานีเสียบไม่ยังโดนเหลืองอีกคน
นาทีที่ 43 กอมปานีมาสังเวยใบเหลืองไปอีกคนจากจังหวะพุ่งเข้าเสียบยังที่กระดกบอลหลบไปได้แล้วแม้จะไม่โดนเต็มๆแต่ก็ไม่รอดโดนจดชื่อเข้าบัญชีดำไปเรียบร้อย
เกือบไป!ราฟาเอลหลุดซัดชนสามเหลี่ยมจังเบอ
นาทีสุดท้ายของเกม"ปีศาจแดง"น่าได้ประตูอย่างที่สุดเมื่อคาร์ริคตักบอลมาให้ฟาน เพอร์ซี่โหม่งเช็ดในกรอบเขตโทษด้านขวาและเป็นราฟาเอลที่วิ่งเข้ามายิงทันทีบอลผ่านฮาร์ทไปแล้วแต่ดันไปโดนสามเหลี่ยมออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
ครึ่งหลัง
เรือเฮก่อน!มิลเนอร์ซัดเปรี้ยงเสียบโคนเสา
เริ่มเกมครึ่งหลังมา 6 นาที"เรือใบสีฟ้า"ขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่กิ๊กส์โดนแบร์รี่ฉกบอลไปได้ก่อนไหลให้นาสรี่หน้าปากประตูแล้วจิ้มบอลต่อไปให้มิลเนอร์ตั้งป้อมยิงหน้ากรอบเขตโทษบอลไปแฉลบโจนส์นิดนึงก่อนที่จะเข้าไปซุกก้นตาข่ายโดยเด เกอาพุ่งไปเซฟได้แค่ปลายมือเท่านั้น 
ลูกสูตร!โจนส์โขกอัดหลังกอมปานีผีตีเสมอ
แต่ถัดจากนั้นเพียง 7 นาทีฟานเพอร์ซี่เปิดฟรีคิกจากริมเส้นด้านขวามาให้โจนส์ได้โขกระยะไม่กี่หลาจากเส้นซึ่งทิศทางบอลมันไม่เข้ากรอบอยู่แล้วแต่คนดวงแตกยังไงก็ซวยวันยังค่ำเพราะบอลไปโดนหลังของกอมปานีเข้าประตูตัวเองไปเสียฉิบ
ซิลบาส่องไกลหลุดยาวเลย
"เรือใบสีฟ้า"บุกมาได้จังหวะยิงอีกครั้งเมื่อเตเบซลากบอลมาหน้าปากประตูก่อนโดนสกัดมาเข้าทางซิลบาได้ยิงบริเวณกรอบเขตโทษแต่จังหวะสุดท้ายบอลไปโดนเตฟที่หน้าปากประตูแล้วออกไปซึ่งไลน์แมนก็ยกเป็นลูกออฟไซด์ไปแล้ว
ผลัดกันยิงคนละดอก
นาทีที่ 70 แฟนเจ้าถิ่นเกือบได้เฮอีกครั้งในจังหวะขึ้นเกมมาทางฝั่งซ้ายบอลมาถึงเวลเบ็คพยายามหาช่องยิงจนได้แต่บอลยังเบาและไม่มุมพอทำให้ฮาร์ทยังพุ่งไปรับเอาไว้สบาย
จังหวะถัดมานาสรี่วิ่งเข้าหาช่องว่างในกรอบเขตโทษแต่บอลมันมาโด่งเหลือเกินทำให้ไม่รู้จะยิงยังไงเลยกลับตัวซันแบ็คดีดกลับหลังบอลบอกโด่งข้ามคานไปเลย
มันโช่ส่งกุนหวังเผด็จศึกผี
เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้ายมันชินี่ตัดสินใจแก้เกมส่งอเกวโร่ตัวแสบลงสนามมาแทนนาสรี่ที่ปั้นเกมไม่ค่อยขึ้นในเกมนี้ส่วนป๋ายังนั่งเคี้ยวหมากฝรั่งสบายใจเฉิบเหมือนเดิม
กุนลากทั้งยวงยิงยัดเด เกอาเรือใบเฮอีกรอบ
และแล้วไพ่เด็ดของมันโช่ก็แผลงฤทธิ์จนได้เมื่ออเกวโร่ลากบอลหลุด 4 แผงหลังของยูไนเต็ดเข้าไปหากรอบเขตโทษด้านขวาก่อนตวัดยิงย้อนศรเข้าไปแสกหน้าชนิดที่เด เกอาหมดสิทธิ์ด้วยประการทั้งปวง
แค่เสียว!เพอร์ซี่ยังไม่คมพอ
"ปีศาจแดง"ทำสวยอีกแล้วเมื่อกิ๊กส์รับบอลต่อมาจากเอฟร่าก่อนแทงทะลุช่องให้ฟาน เพอร์ซี่เข้าชาร์จในกรอบ 6 หลาทว่าโดนบอลไม่ดีออกหลังประตูไปชวดได้ประตูตีเสมออีกทีในนาทีที่ 83
ผีบุกหนักหวังตีเจ๊า
ช่วงท้ายเกม"ปีศาจแดง"พับสนามสนุกอยู่ฝ่ายเดียวเลยแต่จังหวะทีเด็ดทีขาดก็ยังไม่ดีพอโจนส์พยายามขึ้นมาแก้ตัวจากลูกเตะมุมก็โหม่งหลุดกรอบออกไปอีก
เกมมาเดือดก่อนหมดเวลา 90 นาทีเมื่อผู้เล่นทั้งสองฝ่ายต่างกรูเข้ามาเอาเรื่องกันแต่สุดท้ายคนที่โดนใบเหลืองกลับเป็นแบร์รี่คนเดียวเท่านั้น
ล้างแค้นสำเร็จ!เรือกำชัยขยับตาม 12 แต้ม
จบเกมการลุ้นแชมป์มีลุ้นขึ้นมาอีกนิดๆเมื่อ"เรือใบสีฟ้า"ล้างแค้นได้สำเร็จบุกมาเก็บ 3 แต้มคาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดทำให้ขยับไล่หลัง"ปีศาจแดง"เหลือ 12 แต้มและมีอีก 7 เกมให้เล่นก่อนจบฤดูกาล
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เกอา 6, ราฟาเอล 7, ปาทริซ เอฟร่า 5, ฟิล โจนส์ 5, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5, ไรอัน กิ๊กส์ 4, ไมเคิ่ล คาร์ริค 5, แอชลี่ย์ ยัง 5 (ชินจิ คากาวะ น. 90+1), เวย์น รูนี่ย์ 4 
(ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ น. 86), แดนนี่ เวลเบ็ค 4 (อันโตนิโอ วาเลนเซีย น. 80), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ 6
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, อเล็กซานเดอร์ บุตต์เนอร์, นานี่, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท 6, แวงซ็องต์ กอมปานี 7 , ปาโบล ซาบาเลต้า 5 , กาแอล กลีชี่ย์ 8, มาติย่า นาสตาซิช 7, เจมส์ มิลเนอร์ 7 
, ซามีร์ นาสรี่ 6 (เซร์คิโอ อเกวโร่ 8 น. 71), แกเร็ธ แบร์รี่ 6 , ดาบิด ซิลบา 6 (โจลีออน เลสค็อตต์ น. 90), ยาย่า ตูเร่, คาร์ลอส เตเบซ 4 (ฆาบี การ์เซีย น. 90+3)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : คอสเทล พานติลิม่อน, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, โคโล่ ตูเร่, เอดิน เซโก้ 
lentee.com
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
