กิ๊กส์เบิ้ลโทษ-นานี่ซัด!! ผีแซงขึ้นฝูงอัดไก่ 3:1
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ผู้ตัดสิน : อังเดร มาร์ริเนอร์
ถ่ายทอดสด/แข่งขันเวลา : ทรูสปอร์ต 1 / 18.45 น.
ผู้ทำประตู: ไรอัน กิ๊กส์ น.57 (จุดโทษ), เล็ดลีย์ คิง น.70, นานี่ น.81, ไรอัน กิ๊กส์ น.85 (จุดโทษ)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เน้นเต็มที่สำหรับเกมนี้เพราะหากชนะ จะสามารถกดดัน เชลซี แซงขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงทันทีแต่จะลงแข่งมากกว่า 1 นัดความพร้อมในส่วนของตัวผู้เล่น ทีมได้รับข่าวดีเมื่อ 2 ผู้เล่นแนวรับอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เวส บราวน์ หายเจ็บกลับมาแล้วรายหลังมีชื่อเป็นตัวสำรอง แดนหน้าไม่มีชื่อของ เวย์น รูนี่ย์ อันโตนิโอ วาเลนเซีย, นานี่ ทำเกมริมเส้นโดยมี เบอร์บาตอฟ ยืนเป็นหน้าเป้า
ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ มีโอกาสดีที่จะจบฤดูกาลด้วยการคว้าอันดับ 4 เพื่อไปเล่นในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก 2 เกมก่อนหน้าทีม ไก่เดือยทอง ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเอาชนะมาได้ทั้ง อาร์เซน่อล และ เชลซี เก็บ 6 คะแนนเต็ม โดยในเกมนี้ อาร่อน เลนน่อน ปีกความเร็วสูงซึ่งหายเจ็บกลับมามีชื่อเป็นตัวสำรอง วิลสัน ปาลาซิออส พ้นโทษแบนกลับมาแล้ว คู่หน้า เจอร์เมน เดโฟ ยืนคู่ โรมัน พาฟลูเชนโก้
ครึ่งแรก
สเปอร์ส เขี่ยลูกเริ่มเล่น บุกจากขวาไปซ้าย และช่วงต้นเกม 10 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังไม่มีโอกาสเข้าทำประตูกันมากนัก
นาทีที่ 15 แมนยู ได้ลูกฟรีคิกระยะหวังผลหน้ากรอบเขตโทษ ไรอัน กิ๊กส์ รับหน้าที่สังหารซัดไปติดกำแพง เจอร์เมน เดโฟ ซึ่งลงไปช่วยเกมรับสาดทิ้งออกมาได้
นาทีที่ 29 แมนยู ได้ลุ้นอีกครั้ง! จากการขึ้นเกมมาทางขวา เอวร่า ผ่านเข้ามากลาง แกเร็ธ เบล เข้าบอลวืด เบอร์บาตอฟ ได้ซัดเน้นๆด้วยขวา เล็ดลีย์ คิง ล้มตัวบล็อกไว้ทัน
นาททีที่ 35 นานี่ เข้ารวบ เบนท์ลีย์ ล้มลงหน้าเขตโทษ เยื้องออกมาทางขวา ผู้ตัดสินให้ สเปอร์ส ได้ลูกฟรีคิก แกเร็ธ เบล รับหน้าที่สังหารซัดบอลผ่านกำแพงแต่เหินข้ามคาน
นาทีที่ 40 แมนยู ขึ้นเกมมาทางขวา ราฟาเอล ดา ซิลวาแต่งบอลเข้าในเปิดข้ามไปทางเสาไกล เบอร์บาตอฟ หนีตัวประกบได้เกี่ยวบอลลงตัดสินฮาล์ฟวอลเลย์ บอลโด่งข้ามคาน
ทดเวลาบาดเจ็บ 2 นาที ไม่มีการทำประตูเพิ่ม จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเสมออยู่กับ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 0:0
ครึ่งหลัง
เขี่ยลูกเริ่มเล่นครึ่งหลัง ทั้ง 2 ทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น นาทีที่ 51 แมนยู ได้ลูกฟรีคิก จากจังหวะที่ เบล กระแทก ไรอัน กิ๊กส์ ล้มลง นานี่ ซัดติดกำแพงบอลออกข้าง
นาทีที่ 53 แมนยู ได้ลูกเตะมุมทางซ้าย ไรอัน กิ๊กส์ เล่นสั้นให้ ปาทริช เอวร่า เปิดเข้ามาในเขตโทษ เบอร์บาตอฟ เทคตัวขึ้นโขกบอลกระดอนพื้น เฟล็ทเชอร์ ชาร์จไม่โดนหลุดออกหลัง
นาทีที่ 57 แมนยู ขึ้นเกมมาอีกครั้ง เบอร์บาตอฟ ครองบอลก่อนดึงจังหวะตอกส้นให้ เอวร่า ทะลุเข้าไปในเขตโทษ จังหวะจะเล่นโดน เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ เสียบล้มลงผู้ตัดสินชี้ไปที่จุดโทษทันที ไรอัน กิ๊กส์ รับหน้าที่สังหารซัดผ่านมือ โกเมส เข้าไป แมนยู ขึ้นนำ 1:0
นาทีที่ 70 สเปอร์ส ได้ประตูตีเสมอเป็น 1:1 จากจังหวะลูกเตะมุมทางซ้าย แกเร็ธ เบล เปิดบอลเข้ามากลาง เล็ดลีย์ คิง เทคตัวขึ้นโขก ส่งบอลกองก้นตาข่าย
กองเชียร์เจ้าถิ่นได้เฮลั่น!! นาทีที่ 81 มาเชด้า ตัวสำรอง ที่เปลี่ยนลงมาแทงขึ้นหน้าให้ นานี่ พาบอลทะลุเข้าไปในเขตโทษก่อนจะชิพข้าม ฮูเรลโญ่ โกเมส เข้าประตูไปอย่างสวยงาม แมนยู ขึ้นนำอีกครั้ง 2:1
แมนยู มาได้ลูกจุดโทษอีกครั้งในนาทีที่ 85 นานี่ ลากบอลเข้าเขตโทษ ก่อนจะโดน ปาลาซิออส ชนล้มลง ไรอัน กิ๊กส์ รับหน้าที่สังหารซัดไปทางขวา ฮูเรลโญ่ โกเมส หมดสิทธิ์ป้องกัน แมนยู หนีไปเป็น 3:1
ทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที ไม่มีการทำประตูเพิ่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ไปได้ 3:1 คว้า 3 คะแนนแซง เชลซี ซึ่งจะลงแข่งในวันพรุ่งนี้ ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: ระบบ 4-3-3
ผู้รักษาประตู : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์
กองหลัง : จอห์นนี่ อีแวนส์, ราฟาเอล ดา ซิลวา (เฟเดอริโก้ มาเชด้า น.79), เนมานย่า วิดิช, ปาทริช เอวร่า (จอห์น โอเชีย น.67)
กองกลาง : ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์
กองหน้า : อันโตนิโอ วาเลนเซีย (ไมเคิ่ล คาร์ริค น.59), นานี่, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
สำรอง : โทมัส คูสซ์แซค, จอห์น โอเชีย, โอเว่น ฮาร์กริฟส์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, ดารอน กิ๊บสัน, เวส บราวน์, เฟเดอริโก้ มาเชด้า
ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์: ระบบ 4-4-2
ผู้รักษาประตู : ฮูเรลโญ่ โกเมส
กองหลัง : แกเร็ธ เบล, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, เล็ดลีย์ คิง, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้
กองกลาง : ลูก้า โมดริช, วิลสัน ปาลาซิออส, ทอม ฮัดเดิลสตัน, ดาวิด เบนท์ลีย์ (อาร่อน เลนน่อน น.66)
กองหน้า : เจอร์เมน เดโฟ (ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น น.55), โรมัน พาฟลูเชนโก้ (ปีเตอร์ เคร้าช์ น.75)
สำรอง : อัลน์วิค, โยเนส กาบูล, เซบาสเตียน บาสซง, เจอร์เมน จีนาส, ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น, ปีเตอร์ เคร้าช์, อาร่อน เลนน่อน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
