Reddevils News.



วิดิชบอกเสียใจด้วยโด้ไม่มีใครแคร์คุณเลย


เนมันย่า วิดิช ปราการหลังมหาอุตฝากถึง คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ไม่มีใครอาลัยอาวรณ์ต่อการจากไปแม้แต่น้อย บอกคนที่ควรเสียใจน่าจะเป็นจอมสับซะมากกว่าเพราะได้ออกจากทีมอันดับหนึ่งของโลก แมนฯยูไนเต็ด ไม่ใช่ เรอัล มาดริด อย่างที่คิดกัน

ไม่มีคนไหนเลยพูดถึง คริสติอาโน่ อีกแล้ว เราทุกคนรู้ว่านักเตะอย่างเขาไม่ได้เล่นให้ทีมที่ดีที่สุดในโลก เขาตัดสินใจย้ายออกจากทีมที่ดีที่สุดในโลกเอง

พร้อมกันนั้น วิดิช ถือโอกาสดุดี เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าหุ่นสุกรจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกแทน

เขาคือดาวยิงเจ๋งที่สุดในพรีเมียร์ชิพบางทีน่าจะนับรวมกับในโลกนี้ด้วยซ้ำ

_________________


 

ดาร์บี้แมตช์ระอุตูเร่เชื่อเซอร์กลัวซิตี้



    โคโล่ ตูเร่ กองหลังกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วยโหมโรงศึกดาร์บี้แมตช์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ระอุขึ้นไปอีกหนึ่งองศา โดยชี้ว่า สาเหตุที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือทีม ปีศาจแดง ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทีม เรือใบสีฟ้า ในทางเสียหาย ต่างๆ นานา ไม่มีอะไรมากไปกว่า กลัวว่าทีมตัวเองจะถูกชิงความยิ่งใหญ่ไปจากอ้อมอก หลังเป็นเต้ยในเมืองมายาวนาน



     
    ตูเร่ กล่าวก่อนเกมดาร์บี้แมตช์ ที่ว่ากันว่าเป็นเกมที่แฟนบอลจดจ่อรอคอยที่สุด ตั้งแต่ปี 1974 ที่ เดนิส ลอว์ ตำนาน
ยูไนเต็ด เล่นให้ ซิตี้ และตอกส้นยิงประตูเขี่ยทีมเก่าตกชั้น โดย ตูเร่ ชี้ว่า เซอร์ อเล็กซ์ กำลังไม่สบายใจที่ ซิตี้ จะก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองเหนือทีมของตัวเอง การที่ เฟอร์กูสัน ออกมาพูดโน่นพูดนี่ถึง ซิตี้ แสดงให้เห็นว่า เขาไม่สบายใจกับสิ่งที่กำลังเกิดที่นี่ เขารู้ว่านักเตะใหม่ที่เราซื้อมาไม่ได้เก่งอย่างเดียว แต่ยังเป็นมืออาชีพ และอยากพาทีมก้าวขึ้นไปเป็นทีมชั้นนำ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่    
     
    สโมสรเรามีแรงจูงใจ ตอนนี้เรามีโอกาสดีที่จะแสดงให้เห็นว่า 
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือสโมสรที่มีอนาคตสดใส ที่ต้องการประสบความสำเร็จ แต่เมื่อคุณเป็นคนที่เจ๋งที่สุด และเห็นใครก็ไม่รู้มาท้าทาย และพยายามกดดันคุณ คุณก็ไม่มีความสุขอยู่แล้ว นักเตะทุกคนที่ย้ายมาที่นี่ต่างอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง เราไม่ได้ย้ายมาเพราะเงิน มีแต่คนพูดถึงเราแบบนี้ แต่พวกเขาก็แค่สักแต่พูด
     
    สำหรับผม ผมเชื่อว่าผมคู่ควรกับสิ่งที่ตัวเองได้รับ ผมเล่นอยู่ที่นี่มา 7 ปี ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าตอนผมเล่นให้ อาร์เซน่อล ผมไม่ได้ทุ่มเทแค่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ 200 เปอร์เซ็นต์ต่างหาก และนั่นคือสิ่งที่เป็นอยู่ที่ 
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอนนี้ มันมีอะไรมากกว่าเงิน เมื่อคุณทุ่มเทอย่างหนัก คุณก็คู่ควรที่จะได้อะไรสักอย่าง มันแปลกตรงไหนที่คุณได้รางวัลจากความทุ่มเท
     
    ผมไม่สนใจเลยว่าใครจะพูดอะไร ผมซื่อตรงกับตัวเอง ใครจะพูดเรื่องรายได้ของผมยังไงผมไม่สน ทั้งหมดที่ผมรู้คือ เมื่อผมมองตัวเองในกระจก ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่า - ผมทำถูกแล้ว (ที่ย้าย
ทีม) เพราะนี่คือสิ่งที่ผมควรได้ - ผมทุ่มเทเพื่อเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่อายุ 14 ปี ผมอาจจะทำไม่สำเร็จ หรือผมอาจจะบาดเจ็บหนักจนต้องเลิกเล่นไป ผมทำอะไรหลายๆ อย่างที่นักเตะคนอื่นไม่ได้ทำ ผมขายหนังสือพิมพ์ข้างถนน, ขัดรองเท้าแลกเงินไม่กี่สิบบาท ตอนนั้นผมอายุ 12 ปี ผมทำเพื่อปากเพื่อท้อง ครอบครัวผมยากจนสุดๆ แต่ผมเป็นคนที่ยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน เพื่อช่วยครอบครัว และช่วยแม่
     
    ผมอาจกลับไป แอฟริกา โดยไม่มีอะไรเลย แต่ผมได้เล่นให้กับสโมสรที่มีความทะเยอะทะยาน ที่อยากเป็น
ทีมที่ดีที่สุดในโลก และผมคู่ควรกับสิ่งที่ตัวเองได้ ครอบครัวของผม หมู่บ้านของผม ต่างภูมิใจที่ผม และน้องชาย (ยาย่า) ประสบความสำเร็จในการเล่นฟุตบอล ตูเร่ กล่าว
    
    ซิตี้ ไม่ได้แชมป์อะไรมา 33 ปีแล้ว และการเอาชนะ 
ยูไนเต็ด เป็นแค่เป้าหมายแรกๆ โดย คูเร่ กล่าวว่า เราสามารถเป็นตำนานที่นี่ แฟนบอลยังพูดถึงนักเตะเก่าๆ กันอยู่ และสำหรับเราแล้ว เราอยากเขียนชื่อตัวเองลงในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร ผมทำมาแล้วที่ อาร์เซน่อล และผมอยากทำให้ได้ที่นี่ 



















เวนาเบิ้ลส์ฟันธงผีหนาวแน่ถ้าเรือพลิกชนะ














เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เชื่อว่าศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันอาทิตย์ที่ 20 ก.ย.นี้ ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถือได้ว่าเป็นนัดดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 35 ปี เลยทีเดียว 


 


เวนาเบิ้ลส์ เขียนผ่านคอลัมน์ของตนเองใน เดอะ ซัน หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ดังเมืองผู้ดี เมื่อวันเสาร์ที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า แฟน ซิตี้ จะต้องกาปฏิทินเอาไว้เลยว่าวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2009 เป็นวันแห่งจุดเริ่มต้นของความฝัน เกมลูกหนังวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด น่าจะเป็นศึกดาร์บี้แมตช์ครั้งสำคัญที่สุดในรอบ 35 ปี อย่างแท้จริง


 


หนล่าสุดที่ยิ่งใหญ่มากๆ ก็คือเมื่อครั้งที่ ยูไนเต็ด เปิดรังรับมือ ซิตี้ ในปลายฤดูกาล 1973-74 โดยจำเป็นต้องชนะสถานเดียวเพื่ออยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุด แต่ ซิตี้ กลับชนะไปได้ 1-0 ด้วยลูกส้นของ เดนิส ลอว์ ซึ่งเป็นเรื่องที่หัวร่อมิออกร่ำไห้มิได้เลยทีเดียว เพราะเขาเพิ่งย้ายมาจาก ยูไนเต็ด แบบฟรีๆ ในช่วงซัมเมอร์ก่อนหน้านั้น


 


หลังยิงประตูได้ ลอว์ เดินดุ่มๆ กลับไปที่วงกลมกลางสนามท่ามกลางอ้อมกอดของเพื่อนร่วมทีม ขณะที่ ยูไนเต็ด ไม่มีอารมณ์จะฉลอง เพราะพวกเขาต้องตกชั้นไปอย่างไม่น่าเชื่อ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งสองสโมสรต่างก็พบกันมามากกว่า 50 ครั้งในหลายๆ การชิงชัย ใช่เลยที่ว่าทุกครั้งที่พบกันล้วนแล้วแต่เป็นนัดสำคัญ อย่างเช่นชัยชนะ 5-1 ของ ซิตี้ ที่ เมน โร้ด ปี 1989 ซึ่งเป็นแมตช์แห่งความทรงจำ


 


แต่ดูเหมือน ยูไนเต็ด มักจะอยู่ในตำแหน่งไล่ล่าแชมป์ถ้วยต่างๆ ขณะที่ ซิตี้ ต้องต่อสู้กับการหนีตกชั้นมาตลอด โดยที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จนกระทั่งมาถึงวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) เพราะชัยชนะของ ซิตี้ อาจเปลี่ยนโฉมหน้าฟุตบอลเมืองแมนเชสเตอร์ชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินไปอีกนานเท่านานหรือตลอดกาลได้เลยทีเดียว


 


ผมรู้ว่าถ้วยต่างๆ ยังไม่ได้ส่งมอบให้กับทีมไหนๆ ทั้งนั้นในเดือนกันยายน และฤดูกาลนี้ก็เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น แต่ชัยชนะนัดเดียวสำหรับทีมเยือน อาจจะเป็นการประกาศให้โลกรับรู้ว่า ซิตี้ ก้าวมาถึงจุดที่จะเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งแชมป์ตัวจริงได้แล้ว ยูไนเต็ด อาจจะหมดสิทธิ์หัวเราะเยาะทีมร่วมเมืองว่าไม่มีแชมป์ติดมือ แถมยังตกชั้นอยู่เป็นประจำอีกต่อไปแล้วก็เป็นได้ 


 


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแม้จะสนุกสนานกับการเกทับคู่แข่งร่วมเมือง แต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ย่อมไม่อยากจะแพ้แน่นอน เพราะไม่เพียงแต่จะมีความภาคภูมิใจในความเป็นทีมท้องถิ่นเป็นเดิมพันแล้ว มันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญด้วยก็ได้ว่าในที่สุดแล้วดุลย์อำนาจแห่งเมืองแมนเชสเตอร์จะเริ่มถูกผ่องถ่ายจากทีมสีแดงไปยังทีมสีฟ้า อดีตกุนซือ บาร์เซโลน่า และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ วัย 66 ปี ระบุ



               By Manuclub.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์