Red Devil~ผู้แพ้ในคราบนักสู้~

'Red Devil'~ผู้แพ้ในคราบนักสู้~

ไม่รู้ว่าสาเหตุอันใดเหมือนกันคราบน้ำตามันจึงใหลมาแปดเปื้อนใบหน้าของผมได้หลังเกมส์ชิงฝูงพรีเมียร์ชิพในนัดที่ 33 จบลงไป ครั้นจะบอกว่าความพ่ายแพ้ของ'ปีศาจแดง'ก็ไม่น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง



กาลเวลาล่วงเลยมาท้ายซีซั่นแล้วเหล่าขุนพลแมนคูเนี่ยนพลาดพลั้งสะกดคำว่า'Lose'มากี่นัดค่อกี่นัดก็ไม่เคยมี'Effect'หลังเกมส์ขนาดนี้นี่หน่า

แต่คงเป็นเหตุการณ์บางอย่างในสนามนั่นแหละที่ทำให้ผมอินกับ'Club in my heart'ได้ขนาดนี้

สื่อหลายสำนักต่างเทใจให้เกมส์นี้เป็นทั้ง'แมตช์ชิงจ่าฝูง'รวมไปถึง'แมตช์ชี้แชมป์'เลยก็มี แต่อย่างหลังคงยังเร็วไปนิดเอาเป็นว่า ณ ตอนนี้เปลี่ยนมือผู้กุมความได้เปรียบจาก'แมนยู'เป็น'เชลซี'ก่อนดีกว่า

เพราะก่อนที่เข็มนาฬิกาจะหมุนมาแตะเวลา 18.45 ของวันที่ 3 เมษายน 2010 ปีศาจแดงยังถือหอกสามง่ามขู่ฟอด ๆ ว่าชนะทุกนัดก็แชมป์ แต่หลังจากนั้น 90 กว่านาทีคงถึงทีของ'สิงโต'ตัวเขื่องที่จะคำรามขู่บ้างแล้วแหละ

ถึงกระนั้นผมยังเชื่อลึก ๆ ว่าผลนัดนี้น่าจะออกเสมอแมนยูคงไม่เปิดเกมส์แลกหรือบี้เอาเป็นเอาตายเนื่องจากกำลังวังชาเทียบกับลูกทีมของอันเช่ไม่ติด

ผลพวงมาจากความหล่อเหลาเอาการในเวทียุโรปที่ทะลุเข้ารอบควอเตอร์ไฟนอลทำให้คิวงานของป๋าเพิ่มขึ้นมาอีก 2 นัดขณะที่เชลซีต้อง'Cancel'คิวด้วยน้ำมือของมูรินโญ่

สิ้นเสียงนกหวีดแรก-สุดท้ายของ'ไมค์ ดีน'ในครึ่งแรกจบลงด้วยคำถามที่อยู่ในหัวมากมาย ใครกลืนธรรมชาติของแมนยูไปใฉนจึงทำตัวเหมือนนักมวยที่เอาแต่ตั้งการ์ดไม่ยอมออกหมัด

ซึ่งก็ไม่รอดสันดอนตามระเบียบเมื่อโดนหมัด'อัปเปอคัต'ของโจ โคลจนร่วงลงไปกองกับพื้นให้กรรมการนับแปด

ต้องชมความพยายามของ'มาลูด้า'และมันสมองของโคลน้อยด้วยที่รังสรรค์การทำประตูได้ออกมางดงามขนาดนี้ และนี่ก็เป็นบทเรียนอีกครั้งของทีมที่ลงเล่นด้วยจุดประสงค์หลักขอแค่ไม่เสียประตู



'Half Time'ของลูกทีมเฟอร์กี้จบลงด้วยสภาพแบบนี้ดูไม่ดีแน่ ซึ่งผมก็หวังว่าปีศาจแดงตนเดิมจะกลับเข้าร่างอาละวาดหลอกหลอนคู่แข่งให้เห็นอีกครั้ง ขอแค่นั้นแหละสุดท้ายจะแพ้-ชนะแล้วแต่ลิขิตฟ้า

ผมเองก็จำได้ไม่ชัวร์น่ะว่าฤดูกาลใหนแต่ที่คลับคล้ายน่าจะเจอกับ'สปอร์ตติ้ง ลิสบอน'ทีมเก่าของ'CR7'รายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกหรือเปล่าที่ผีแดงประเคนเกมส์รุกใส่แบบไม่ลืมหูลืมตา

เล่นซะจนนั่งดูตัวแทบไม่ติดเก้าอี้ นัดนี้ก็เช่นกันความสำคัญที่ว่ามี'เดิมพันแชมป์กลาย ๆ'ค้ำคออยู่ตรงหน้า ทำให้ไม่มีช้อยส์มากนักป๋าเลยเลือกที่จะสั่งให้เด็ก ๆ ลุยเต็มกำลัง

ฟากเชลซีเองก็ตุ๊บปั๊ดตุ๊บเป๋เจียนอยู่เจียนไปพักใหญ่เหมือนกัน ซึ่งหากใครเคยปรามาส'อันเชล๊อตติ'ว่าไร้น้ำยาแก้เกมส์ไม่เป็นคิดใหม่น่ะโปรดกลับไปพิจารณาดี ๆ

ไม่เช่นนั้นคงไม่เคยคุมยอดทีมอย่าง'เอซี มิลาน'ขึ้นไปเถลิงแชมป์ทั้ง'สคูเด็ตโต้'และ'ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก'ได้หรอกครับ

ด้วยรูปเกมส์ที่โดนเจ้าบ้านขย่มอยู่ฝ่ายเดียวจนต้องก้มหน้าก้มตาเคลียร์ทิ้งพ้นปากประตูไปก่อน และการที่แดนหน้ากดดันหรือขู่กองหลังผีแดงไม่ได้ทำให้ยิ่งเวลาผ่านไปเจ้าของสนามเริ่มได้ใจ

จะเห็นได้ว่าทั้งริโอ-วิดิชขยับขึ้นมายืนถึงเส้นกลางสนามโดยไม่ระแคะระคายแนวรุกของเชลซีแม้แต่น้อย ทำให้'อันเช่'ตัดสินใจแก้เกมส์ด้วยการส่ง'ดร๊อกบา'ลงมา

ถ้าผมคาดไม่ผิดนายใหญ่อิตาลีคงหวังพึ่งเจ้าแมลงสาปลงมาเก็บบอลเพื่อเบรกจังหวะบุกต่อเนื่องของผีแดง แทนที่อเนลก้าซึ่งไม่ถนัดกับแทคติกนี้

ทำให้ทุกครั้งที่เพื่อนพยายามสกัดโด่งขึ้นหน้ามาเหมือนเตะชนกำแพงเพราะแผงหลังทั้งหมดของเจ้าบ้านเก็บกินเรียบวุธพร้อมนำบอลขึ้นไปเปิดเกมส์รุกสบายใจเฉิบ





จวบจนดร๊อกบามาทำพิษใส่ลูกทีมท่านเซอร์อีกครั้งด้วยการตะบันเต็มตีนเตี่ยส่งลูกผ่านมือฟานเดอร์ซาร์เข้าไป ซึ่งอย่างที่เคยกล่าวทุกครั้งว่าฟุตบอลหนึ่งเกมส์ประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่างที่สร้างผลการแข่งขึ้นมา

ตัวผู้เล่น..สภาพจิตใจ..เสียงเชียร์..และคำตัดสิน ซึ่งทุกอย่างมีมนุษย์เป็นผู้กระทำการทั้งสิ้น จะเกิดความผิดพลาดบ้างคงไม่แปลก

2-0 เกมส์แทบจบไปแล้วกลาย ๆ แต่เจ้า'เฟเดริโก้ มาเคด้า'ก็มาจุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้งหลังซัดตีตื้นทันควัน

แมนยูเดินเกมส์โขยกเข้าหาอีกระลอกซึ่งสุดท้ายก็ไม่ทันการ สามแต้มสำคัญในซีซั่นนี้ตกเป็นของมุมน้ำเงินทีมดังจากกรุงลอนดอน

ทั้งสองฝั่งอาจจะปะทะกันด้วยสภาพทีมที่ไม่สมประกอบซักเท่าใหร่ แต่ฟุตบอลก็แบบนี้คุณไม่มีทางถอยไม่ว่าจะเจอกับสถานการณ์แบบใหนก็ต้องปรับสู้ให้ถึงที่สุด

ลูกทีมของเฟอร์กี้ทำเต็มที่แล้ว ผลออกมาเช่นใรจงยอมรับกับมัน สัปดาห์นี้พรีเมียร์ระทึกใจจริง ๆ ทั้ง'Old Trafford'และ'Emirates Stadium'กระชากและบีบหัวใจคนดูสุด ๆ

5 นัดต่อจากนี้ไปมีความหมายพอกันมุ่งมั่นกับเกมส์ที่เหลือให้ดีที่สุด โอกาสของเชลซีมาแล้ว แต่สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพ'แมนยู'กับ'อาร์เซน่อล'แล้วกัน

ปีศาจแดงแพ้แล้วน่ะครับ แต่ก็แพ้ในคราบของนักสู้



ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีโดย lentee

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์