โก๋แดนโลกตะลึง!ยิงเบิกร่องผีก่อนโด้จิ๋วโขกเจ๊าจบ 1-1


 
กลายเป็นตัวละครลับที่ทำเอากองเชียร์กองแช่งอึ้งไปตามๆกันเพราะแดนนี่ เวลเบ็คลงตัวจริงโขกประตูเบิกร่องให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบุกมาคว้าความได้เปรียบจากเรอัล มาดริดที่ได้ลูกตีเสมอจากกฏยิงประตูทีมเก่าของโรนัลโด้ในเกมหยุดโลกจบด้วยสกอร์ 1-1 ก่อนไปเตะที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดในเลกที่สอง

แชมป์เปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก

วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556


เรอัล มาดริด 1 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สนาม : ซานติเอโก้ เบร์นาบิว

ประตู :
0-1 เวลเบ็ค น.20, 1-1 โรนัลโด้ น.30

สุดยอดเกมสุดโลกที่หลายคนต่างก็เฝ้ารอเคย เรอัล มาดริดในยุคของมูริญโญ่เปิดรังเบร์นาบิวต้อนรับการมาเยือนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพร้อมอริเก่าอย่างเฟอร์กูสัน

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีมนี้ เจ้าบ้านกินขาดเลยเพราะเตะในสเปนไม่เคยพ่าย ปีศาจแดง มาก่อน อย่างมากก็เสมอแค่ 2 เกมเท่านั้น

มูริญโญ่จัดโรนัลโด้ลงเจอกับทีมเก่าของเขาเป็นหนแรก นับแต่ย้ายมาเล่นให้ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์เป็นสถิติโลก

แต่ ราชันชุดขาว มีที่แค่โรนัลโด้ซะที่ไหน เพราะยังมีเบนเซม่า, โอซีล, โอเอ็นเทราและดิ มาเรียที่พร้อมเติมใส่เกมรุกลุ้นประตูกันได้ทุกเมื่อ

ด้านแมนฯยูไนเต็ดจัดทั้งฟาน เพอร์ซี่และรูนี่ย์ลงเล่นในเกมสุดสำคัญนี้เพื่อการันตีว่ากองหลังของเจ้าบ้านจะต้องเจอกับงานหนักแน่

นอกจากนั้นแล้วเวลเบ็คที่ไม่มีชื่อในเกมก่อนที่ได้ลงสนาม โดยแดนกลางเป็นคากาวะช่วยปั้นเกม มีคาร์ริคคุมจังหวะและโจนส์ที่ได้รับมอบหมายงานเดิมคือไล่ประกบตัวเก่งของอีกฝั่งเหมือนอย่างในเกมกับเอฟเวอร์ตัน

ครึ่งแรก

หวิดไปแล้ว!ลามะปัดได้ปลายเล็บ
เล่นกันมาได้แค่ 6 นาที แมนฯยูไนเต็ดก็เกือบจะโดนส่องเอาซะแล้ว จากจังหวะที่เฟอร์ดินานด์สกัดบอลไม่ดี โดนโคเอ็นเทราวิ่งมาตวัดยิงด้วยเท้าขวาเน้นๆ บอลพุ่งหมายเสียบเสา แต่เด เกอาพุ่งสุดชีวิตปัดเอาไว้ได้ปลายมือแบบสุดๆสะกิดบอลเปลี่ยนทิศเพียงนิด แต่นั่นก็ทำให้บอลพุ่งชนเสาเด้งออกมาได้ ไม่งั้นล่ะโดนจริงๆ


ผีต้องรับกันซะเต็มตัว
ไม่ผิดจากที่คาดสักเท่าไหร่สำหรับเกมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ขยับลงไปยืนช่วยเกมรับกันแน่นในแดนของตัวเอง ส่วนหนึงก็เพราะเรอัล มาดริดได้เล่นในบ้านเกมรุกคึกกว่าและเฟอร์กี้ก็มักจะใช้แผนนี้เวลาเตะนอกบ้านหรือเกมใหญ่ๆประจำ

ป๋าเก็บผมไว้เพื่อนัดนี้!โก๋แดนยิงผีเฮเฉย
นาทีที่ 20 งง งงกันตาแตกทั้งกองเชียร์กองแช่ง เพราะไม่มีใครคาดคิดเลยว่าผู้ที่ทำประตูแรกในเกมนี้จะเป็นเวลเบ็คที่แฟนบอลมักจะด่าแซวกันประจำ จากจังหวะที่ได้เตะมุมรูนี่ย์ปั่นเข้าไปตรงกลาง เวลเบ็คขยับหนีการประกบของรามอสแล้วโหม่งสะบัดบอลไปเสาสองเวียบตาข่ายอย่างเป๊ะ แมนฯยูไนเต็ดขึ้นนำด้วยประตูสำคัญ 1-0 ยุติการตีนฝืดมา 6 เกมแบบหล่อสุดๆไปเลย

ปล่อยงี้เดี๋ยวสวย!ดิ มาเรียซัดโดนลามะเซฟ
อีก 2 นาทีต่อมา กองหลังปล่อยแบบนี้ก็เสี่ยงสุดๆจริงๆสำหรับแมนฯยูไนเต็ดที่ไปให้ดิ มาเรียได้เล่นหน้าเขตโทษ แล้วพลิกส่องเน้นๆด้วยเท้าซ้าย แม้ว่าบอลจะพุ่งผ่านบล็อกไปแล้ว แต่เด เกอาล้มตตัวปัดเอาไว้ได้ทัน

และเขาก็ทำจนได้!โด้จิ๋วโขกตีเจ๊าใส่ผี
นาทีที่ 30 อันนี้เข้าสูตรกฏยิงประตูทีมเก่าและเป็นตามที่หลายคนคิดไว้ว่าโดนแน่สำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อโอซีลได้บอลทางกราบซ้ายก่อนที่จะบรรจงเปิดเข้าไปในเขตโทษ โรนัลโด้ยืนเบียดกับเอฟร่าซึ่งแฟนบอลรู้ชะตากันแล้ว ปีกโปรตุกีสขึ้นเทคโขกคนเดียวเพราะแข้งเลือดเฟร้นช์ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ ส่งบอลพุ่งเบียดเสาเสียบเข้าประตูไป เด เกอาบินไม่ทัน เกมเสมอกัน 1-1 โดยโรนัลโด้ไม่ฉลองการทำประตูแต่อย่างใด

ราชันหวังพลิกรวดเดียวเลย
พอได้ประตูตีเสมอแบบนี้เล่นในบ้างซะอย่างจะต้องกลัวอะไรอีกสำหรับเรอัล มาดริดที่เดินหน้าลุยหวังที่จะทำประตูพลิกเกมให้ได้พร้อมกันเลย แต่พวกเขาก็ยังยิงไม่ผ่านมือของเด เกอาที่เกมนี้โชว์ฟอร์มเข้าตาทีเดียว

ผีบุกนิดเดียวเกือบโดนโด้โขกอีก
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีแรก พยายามเอาคืนแต่ไม่ได้ เลยจะมาโดนประตูยิงแซงเลยสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับจังหวะที่เรอัล มาดริดบุกสวนกลับมาทางเดิมก่อนโยนเข้าหน้าเดิมอย่างโรนัลโด้ได้ลุ้นโขก แม้ว่าจะชิงขึ้นได้ก่อนแต่เขากลับโหม่งหลุดกรอบออกหลังไป ไม่งั้นล่ะหายแน่ๆ

จบ 45 นาทีแรกของเกมที่แสนจะบีบคั้น แม้ว่าเรอัล มาดริดได้ดีกว่า แต่แมนฯยูไนเต็ดก็เล่นแบบไม่ถอยจนเกินไปทำให้พวกเขาคงสกอร์ไว้ที่ 1-1 ต้องดูว่าทั้งมูริญโญ่และเฟอร์กูสันจะปรับเกมกันมายังไงในช่วงที่เหลือนี้

ครึ่งหลัง

ราชันยังบุกใส่เหมือนเดิม
เกมลงมาเล่นครึ่งหลัง ยังเป็นทางเรอัล มาดริดที่ได้เดินหน้าบุกใส่แมนฯยูไนเต็ดอยู่เหมือนเดิม โรนัลโด้ส่องไกลไปครั้ง ส่วนดิ มาเรียก็ซัดนอกกรอบเขตโทษอีกดอก แต่ทั้งสองจังหวะก็ยังไม่ได้ใกล้เคียงมากสักเท่าไหร่

ราชันเปลี่ยนเอาอีกวาอินลงง
นาทีที่ 60 พอดี วันนี้เบนเซม่าเล่นไม่ท็อปฟอร์มสักเท่าไหร่จึงจำต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามและหลีกทางให้กับอีกวาอินที่ลงไปเพื่อที่จะสร้างความแตกต่างในเกมนี้


ลามะบอกงานกูชุกจุงเบย
อีกเพียงหนึ่งนาทีต่อมา เด เกอาต้องออกแรงเซฟอีกหน หลังจากปัดๆป้องๆมาหลายครั้ง จากจังหวะที่เคห์ดิร่าขึ้นเกมทางขวาแล้วครอสบอลยาวไปเสาสองให้โคเอ็นเทราเติมขึ้นมาล้มตัวยิง เด เกอาเหมือนเสียจังหวะไปแล้ว แต่ก็ยังล้มตัวใช้เท้าดีดสกัดบอลเอาไว้ได้

คากาวะถูกถอดผีให้ขนดกลง
จัดตัวมากประสบการณ์ลงสนามมันซะเลยสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่จัดการถอดเอาคากาวะออกแล้วส่งโคตรแข้งตัวเก๋าอย่างกิ๊กส์ลงไปยืนตรงกลางแทน

แกวิ่งเยอะไปหน่อย!โก๋ถึงกับตะคริว
นาทีที่ 68 ใช้ไม้ตายการกรีฑาเยอะเกินไปหน่อยสำหรับเวลเบ็คที่เกมนี้พยายามไล่ทุกจังหวะอย่างเต็มที่จนขาขึ้นตะคริวรูนี่ย์ต้องาช่วยบรรรเทาอาการก่อนกลับไปเตะกันต่อ

โอววว นิดเดียวเท่านั้น RVP
นาทีที่ 72 นึกว่าจะได้ประตูขึ้นนำอีกรอบแล้วสำหรับแมนฯยูไนเต็ดจากจังหวะที่ฟาน เพอร์ซี่หลุดเข้าไปตะบันยิงด้วยยขวาเน้นๆในเขตโทษ แต่ติดเซฟของโลเปซต่อด้วยชนคาน ก่อนที่เขาจะมีจังหวะหลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปหมุนตัวยิงแต่ดันหวดแป้ก บอลเด้งข้ามโลเปซจะเข้าประตูจริง แต่อลอนโซ่ก็วิ่งไปเคลียร์ออกมาจากเส้นได้ทัน

โก๋แดนโดนเปลี่ยนแล้ว
ดูท่าจะเน้นเกมรับแล้วสำหรับแมนฯยูไนเต็ดที่เปลี่ยนเอาเวลเบ็คออก แล้วส่งวาเลนเซียปีกไม่เปิดลงไปเล่นแทน น่าจะเน้นหนักให้ถยไปช่วยเกมรับซะมากกว่า

ราชันลุยหนักแต่ลามะเอาอยู่
เกมกำลังจะเข้า 10 นาทีสุดท้าย เรอัล มาดริดเปิดหน้าจัดหนักไปเลย ทำเกมใส่แนวรับของแมนฯยูไนเต็ดไม่หยุด เพราะพวกเขาเองก็เพิ่งจะส่งโมดริชลงไปเล่นแทนดิมาเรีย แต่ยังไม่ผ่านเด เกอาที่เซฟเยี่ยม โดยเฉพาะจังหวะยิงของเคห์ดิร่าที่แฉลบเท้าคาร์ริค แต่เขาก็รับเอาไว้หนึบมือ

ราชันส่งเปเป้-ผีพักหมู
นาทีที่ 83 เรอัล มาดริดถอดเอาอลอนโซ่ออกก่อนจะเติมความหนักและลูกโด่งในเกมจากเปเป้ลงไปแทน ส่วนแมนฯยูไนเต็ดก็พักรูนี่ย์แล้วส่งอันแดรืสันช่วยตรงกลาง

ช่วงเวลาที่เหลือแมนฯยูไนเต็ดเน้นรับส่วนมาดริดพยายามรุกแต่ไม่มีผล รวมทั้งจังหวะที่แมนฯยูไนเต็ดอาจจะเคืองนิดๆที่ผู้ตัดสินเป่าจบทั้งที่น่าจะให้เตะมุมลุ้นต่อในนาทีสุดท้าย แต่ยังไงจบ 90 นาทีเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ทำภารกิจสุดสำคัญสำเร็จ บุกมยันเสมอพร้อมพักอเวย์โกลกลับบ้านของตัวเองในถิ่นของเรอัล มาดริดได้ด้วยสกอร์ 1-1 รอกลับไปเตะกันอีกเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด

เกมนี้ต้องบอกเลยว่า ปีศาจแดง เอาอยู่โรนัลโด้จริงๆ แม้ว่าจะเสียท่าโดนโขกตีเจ๊า แต่ภาพรวมแล้วปีกโปรตุกีสแผลงฤทธิ์ไม่ได้ถนัดอย่างเคย เพราะมีโจนส์เคยตามประกบเป็นเงาตามตัวอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เรอัล มาดริด
: ดิเอโก้ โลเปซ, แซร์คิโอ้ รามอส, ฟาบิโอ โคเอ็นเทรา, ชาบี อลอนโซ่(เปเป้ น.84), อัลวาโร่ อาร์เบลัว, ราฟาเอล บาราเน่, ซามี เคห์ดิร่า, เมซุต โอซีล, อังเกล ดิ มาเรีย(โมดริช น.75), คริสเตียโน่ โรนัลโด้
, คาริม เบนเซม่า(อีกวาอิน น.60)

สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : อันโตนิโอ เอดาน, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, กาก้า, มิคาเอล เอสเซียง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เกอา, ราฟาเอล
, ปาทริซ เอฟร่า, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, ฟีล โจนส์, จอนนี่ อีแวนส์, เวย์น รูนี่ย์(อันแดร์สัน น.84), แดนนี่ เวลเบ็ค(วาเลนเซีย น.73), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, ชินจิ คากาวะ(กิ๊กส์ น.64)

สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, คริส มอลลิ่ง, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ

























 


แหล่งที่มา: ขอขอบคุณ soccer suck

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์