คุ้ยประวัติความดีงามของ แคล็ตเท่นเบิร์ก กรรมการเอฟเอฯประทาน

คุ้ยประวัติความผิดพลาดของ แคล็ตเท่นเบิร์ก

มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก สิงห์เชิ้ตดำวัย 37 ปี จากนิวคาสเซิ่ล รายนี้ถือเป็นผู้ตัดสินระดับท็อปคลาสของฟีฟ่าและเป็นหนึ่งในความภูมิใจที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้

หลังจากหมดยุคของ เกรแฮม โพล บวกกับวัยใกล้ปลดระวางของ ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ทำให้ แคล็ตเท่นเบิร์ก ได้รับการจับตามองอย่างมากในฐานะผู้ตัดสินสายเลือดใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหน้าเป็นตาของวงการลูกหนังเมืองผู้ดี

ในสนามเป็นที่รู้กันดีว่า แคล็ตเท่นเบิร์ก เป็นผู้ตัดสินที่ชอบอธิบายช่างพูดและมีเสน่ห์อย่างมากและมีนักเตะจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกโล่งใจที่จะได้ลงเล่นในเกมที่เชิ้ตดำรายนี้ทำหน้าที่เพราะมันสามารถพิสูจน์ถึงผลงานการตัดสินที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกันก่อนเกมบิ๊กแมตช์ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แคล็ตเท่นเบิร์ก เคยได้รับเกียรติสูงสุดด้วยการถูกเลือกจากฟีฟ่าให้เป็นผู้ตัดสินหนึ่งเดียวของอังกฤษที่ทำหน้าที่ตัดสินเกมลูกหนังโอลิมปิก 2012 เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาและที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้นคือเขายังได้ลงทำหน้าที่ในเกมนัดชิงชนะเลิศระหว่าง บราซิล กับ เม็กซิโก อีกด้วย

นอกจากนี้ แคล็ตเท่นเบิร์ก ยังได้รับการจับตามองจากฟีฟ่าในการเป็นตัวแทนของผู้ตัดสินของอังกฤษให้ไปทำหน้าที่ในเกมฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายที่นครริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล อีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม หากสืบค้นประวัติอย่างละเอียดก็จะพบว่าในอดีตสิงห์เชิ้ตดำวัย 37 ปีรายนี้ก็เคยสร้างเรื่องอื้อฉาวที่มาจากการตัดสินที่ผิดพลาดของเขาไม่น้อยซึ่งรวมถึงในเกมล่าสุดระหว่าง เชลซี กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และบางทีมันอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของฟีฟ่าในการรับเลือกให้ไปทำหน้าที่ในศึกเวิลด์ คัพ 2014 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มกราคม 2005 เปโดร เมนเดส VS แมนฯ ยูไนเต็ด

หลังจากได้รับการเลื่อนขั้นให้ขึ้นมาตัดสินในพรีเมียร์ลีกได้เพียงฤดูกาลแรกเท่านั้น มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก ก็จัดการสร้างเรื่องงามหน้าทันทีเมื่อปฏิเสธลูกยิงของ เปโดร เมนเดส ห้องเครื่องของ สเปอร์ส ที่ต่อมาได้รับการขนานนามว่า ''ประตูผี'' ในเกมที่พบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งที่จากภาพช้าบอลชนคานก่อนกระเด้งข้ามเส้นผ่านมือ รอย คาร์โรลล์ ข้ามเส้นไปแล้วอย่างชัดเจน 100% ทั่วโลกเห็นมันหมดมีเพียงเชิ้ตดำรายเดียวเท่านั้นที่ไม่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวและผลประโยชน์จึงตกอยู่กับทาง ''ปีศาจแดง'' อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตุลาคม 2009 โบลตัน VS แมนฯ ซิตี้

ทำเอา มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือแมนฯ ซิตี้ รวมถึงสตาฟฟ์โค้ชโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหลังจากแจก 2 ใบเหลืองไล่ เคร็ก เบลลามี่ กองหน้าตัวเก่งออกจากสนามโดยเหลืองแรกจากข้อหาคัดค้านคำตัดสินในนาทีที่ 11 ก่อนที่ใบเหลืองที่สองจะเกิดขึ้นในนาที 65 จากข้อหาพุ่งล้มทั้งที่จากภาพช้านั้นกองหน้าทีมชาติเวลส์ โดนทำฟาวล์อย่างชัดเจน
ตุลาคม 2010 นานี่ VS สเปอร์ส

ตัดสินให้ลูกปัญหาจากการทำแฮนด์บอลของ นานี่ เป็นประตูหลังจากที่ปีกทีมชาติโปรตุเกส ล้มลงแล้วเอามือไปคว้าบอลทำให้ เอเรลโญ่ โกเมส นายทวารสเปอร์ส คิดว่าทีมของตัวเองน่าจะได้ลูกฟรีคิกจากการทำแฮนด์บอลในจังหวะนี้ ปรากฏว่าหลังจากหยิบเอาบอลไปตั้งที่จุด กลับถูก นานี่ วิ่งเข้ามายิงประตูไปอย่างง่ายดายท่ามกลางการรุมประท้วงยกใหญ่ของนักเตะสเปอร์ส

กุมภาพันธ์ 2011 วีแกน VS รูนี่ย์

ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับกรณีศอกบินของ เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าแมนฯ ยูไนเต็ด ที่จงใจตีศอกใส่หน้าของ เจมส์ แม็คคาร์ธี่ ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ ''ปีศาจแดง'' บุกไปถล่มเอาชนะ 4-0 โดยนอกจากจะไม่เป็นการเป่าฟาวล์ในจังหวะดังกล่าวแล้วหลังจบเกม มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก ก็ไม่ได้ทำเรื่องชี้แจงไปให้เอฟเอตัดสินด้วยส่งผลให้ดาวยิงแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ถูกตั้งข้อหาจากคดีดังกล่าวและไม่ถูกแบนแต่ประการใด

ก่อนที่ในเวลาต่อมา แคล็ตเท่นเบิร์ก จะถูกกระแสสังคมรุมประณามและต่อต้านอย่างหนักจนทำให้เจ้าตัวต้องส่งเรื่องไปยัง โปรเฟสชันนัล เกม แมตช์ ออฟฟิเชียล ซึ่งเป็นองค์กรผู้ดูแลเรื่องการตัดสินเกมลีกเมืองผู้ดีเพื่อขอลาพักร้อนแขวนนกหวีดเป็นการชั่วคราวเพื่อลดกระแสข่าวของตัวเอง

ตุลาคม 2012 เชลซี VS แมนฯ ยูไนเต็ด

แจก 2 ใบแดงไล่นักเตะเชลซี ออกจากสนามซึ่ง 1 ในนั้นคือการไล่ ตอร์เรส จากข้อหาพุ่งล้มทั้งที่เป็นการทำฟาวล์อย่างชัดเจนรวมถึงให้ลูกยิงจากตำแหน่งล้ำหน้าของ ชิชาริโต้ เป็นประตูก่อนจะกลายเป็นประตูชัยของแมนฯ ยูไนเต็ด

นอกจากนี้หลังจบเกมดังกล่าว แคล็ตเท่นเบิร์ก ยังถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับการใช้ภาษาที่มีเนื้อหาเหยียดผิวใส่ 2 นักเตะผิวสีของทีม ''สิงโตน้ำเงินคราม'' ซึ่งหนึ่งในนั้นเชื่อว่าเป็น จอห์น โอบี มิเคล กองกลางทีมชาติไนจีเรีย