ว่าด้วยเรื่อง แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์

src=http://www.siamsport.co.th/_ImagesColumn/110210C9N31400.jpg


 


พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สุดสัปดาห์นี้ จะประเดิมด้วยคู่เอกตั้งแต่หัววัน ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผู้มาเยือนที่อยู่อันดับ 3 กับ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าบ้าน และจ่าฝูง ในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110210A5O3Q.jpg
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (ซ้าย) กุนซือ ปีศาจแดง ต้องดวลกึ๋นกับ โรแบร์โต้ มันชินี่ โค้ช เรือใบสีฟ้า
 



แม้อันดับของทั้งสองฝ่ายจะห่างแค่ 2 ขั้น แต่คะแนนต่างกันถึง 15 แต้ม เพราะลูกทีมแมนฯยูไนเต็ดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ชนะ 15 ครั้ง แพ้หนเดียวในการลงเตะ 25 เกม และเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังบุกไปโดน หมาป่า วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส กัดจมเขี้ยวคาถิ่น 2-1 จนฝ่ายหลังหลุดพ้นตำแหน่งบ๊วยได้สำเร็จ ขณะ โรแบร์โต้ มันชินี่ คุมหางเสือ เรือใบสีฟ้า 26 แมตช์ พ่าย 5 ชนะ 14 นัด รวมถึงการถล่ม เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน อาคันตุกะเมื่อสัปดาห์ก่อน 3-0 ทำให้ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ โค้ชเพื่อนร่วมชาติอิตาลีของ มันโช่ ต้องกระเด้งตกจากเก้าอี้กุนซือ 



แม้จะมีบรรยากาศดุดันเหมือนดาร์บี้แมตช์คู่อื่นๆ แต่แฟนบอล รวมถึงเจ้าหน้าที่ทั้งสองสโมสรชื่อดังของเมืองแมนเชสเตอร์ ไม่ได้มีความพยาบาท อาฆาตมาดร้ายต่อกัน เช่นดาร์บี้แมตช์เมืองกลาสโกว์ หรือซาเกร็บ พวกเขามีความเป็นมิตรต่อกันมากกว่าที่หลายท่านทราบ ในปี 1889 อาร์ดวิค เอฟซี หรือแมนฯซิตี้ ลงเตะแมตช์กระชับมิตรกับ นิวตัน ฮีธ หรือแมนฯยูไนเต็ด เพื่อหาเงินช่วยเหลือญาติคนงานเหมืองแร่ผู้เสียชีวิต 23 ราย ล่าสุดพวกเขามาเตะรำลึกเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่มิวนิคครบรอบ 50 ปี ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แมนฯยูไนเต็ดต้องมาอาศัยเล่นนัดเหย้าในถิ่น เมน โร้ด ของแมนฯซิตี้ เพราะโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดนลูกระเบิดทำลายได้รับความเสียหาย และต้องมีการบูรณะขึ้นใหม่ แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ ซึ่งมีตั้งแต่ 12 พฤศจิกายน 1881 (แมนฯซิตี้ชนะ 3-0) จึงไม่เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงระหว่างแฟนบอลทั้งสองฝ่าย

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110210D3U6L.jpg
คาร์ลอส เตเวซ (ขวา) เคยอยู่กับแมนฯยูไนเต็ด ก่อนจะมาล่าตาข่ายให้คู่แข่งเพื่อนร่วมเมือง
 



พูดถึงกองเชียร์ทั้งสองฝ่าย ทั้งสองสโมสรคือเจ้าของสถิติมีผู้ชมต่อนัดสูงสุด 2 อันดับแรก โดยแมนฯซิตี้ทำสถิติ 84,569 คน ตอน สโต๊ก ซิตี้ มาเยือนในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 6 เมื่อ 3 มีนาคม 1934 ขณะแมนฯยูไนเต็ดมีผู้ชม 83,260 คน ตอนเปิดรังเจอ อาร์เซน่อล ในเกมดิวิชั่น 1 เมื่อ 17 มกราคม 1948 สำหรับศึก คาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ปี 2010 ซึ่ง เรือใบสีฟ้า ชนะเพื่อนร่วมเมือง 2-1 มีผู้ชมถ่ายทอดทั่วโลกกว่า 8.3 ล้านคน และเพราะมีจำนวนคนดูเยอะ มูลค่าทางการตลาดของพวกเขาทั้งคู่จึงสูงมาก รวมกันถึง 410 ล้านปอนด์ (ราว 20,000 ล้านบาท) โดย ปีศาจแดง มีมูลค่า 286 ล้านปอนด์ (ราว 13,900 ล้านบาท) ส่วนอีกฝ่ายมีมูลค่า 125 ล้านปอนด์ (ราว 6,100 ล้านบาท) 



ทั้งสองทีมเจอกันครั้งแรกเมื่อ 130 ปีก่อน ตั้งแต่สมัยแมนฯซิตี้ยังใช้ชื่อ เซนต์มาร์คส์ (เวสต์ กอร์ตัน) แต่ถ้าเป็นทางการจริงๆต้องนับนัดแรกตอนแข่งรายการของสมาคมฟุตบอล คือ เอฟเอ คัพ รอบคัดเลือก เมื่อ 3 ตุลาคม 1891 โดย นิวตัน ฮีธ ชนะ อาร์ดวิค ผู้มาเยือน 5-1 ที่นอร์ธ โร้ด ตอนนั้นก็มีผู้ชม 11,000 คน เกมแรกในลีกคือฤดูกาล 1894-95 โดยนิวตัน ฮีธ บุกไปชนะแมนฯซิตี้ 5-2 ภึงสนามไฮด์ โร้ด ท่ามกลางผู้ชม 14,000 คน เมื่อ 3 พฤศจิกายน 1894 แต่ตอนนั้นอยู่ดิวิชั่น 2 หากนับนัดแรกในลีกสูงสุดก็คือวันที่ 1 ธันวาคม 1906 คราวนั้นแมนฯซิตี้ชนะแมนฯยูไนเต็ด 3-0

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110210H5M2Q.jpg
ประวัติศาสตร์การเจอกันของแมนฯซิตี้-แมนฯยูไนเต็ดมีมาอย่างยาวนาน 130 ปี



คนดูเพิ่มเป็น 40,000 ราย วันเสาร์นี้จะเป็นหนที่ 158 แมตช์ที่ 157 เกิดขึ้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2010 จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 รวมแล้วเจอกันในลีกทั้งหมด 143 แมตช์ ปีศาจแดง ชนะ 57 เสมอ 49 แพ้ 37 ผลต่างประตู 207-187 เฉพาะการเป็นเจ้าถิ่น 71 ครั้ง แมนฯยูไนเต็ดก็ชนะ 31 เสมอ 25 พ่าย 15 เกม ผลต่างประตู 113-85 แต่ถ้ารวมทุกรายการ 157 แมตช์ ปีศาจแดง ชนะ 65 เสมอ 50 แพ้ 42 นัด ผลต่างประตู 231-207 เฉพาะในบ้านตัวเอง 79 ครั้ง แมนฯยูไนเต็ดชนะ 38 เสมอ 26 แพ้ 15 เกม ผลต่างประตู 134-92 



เจาะลึกเฉพาะพรีเมียร์ลีก เจอกัน 27 ครั้ง ปีศาจแดง ชนะ 16 เสมอ 6 แพ้ 5 หน ผลต่างประตู 45-27 เฉพาะที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด 13 นัด แมนฯยูไนเต็ดชนะ 8 เสมอ 4 พ่าย 1 แมตช์ ผลต่างประตู 26-11 เรือใบสีฟ้า เยือนเพื่อนร่วมเมืองรายนี้เกมสุดท้ายเมื่อ 20 กันยายน 2009 (3-4) ตอนนั้นพวกเขาพยายามไล่ตีเสมอถึง 3 ครั้ง แต่ยังโดน ไมเคิ่ล โอเว่น ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาซัดประตูชัยในช่วงต่อเวลา ไม่ชนะอีกเลยตั้งแต่ 10 กุมภาพันธ์ 2008 (2-1) ตอนนั้นกุนซือคือ สเวน โกรัน อีริคส์สัน โดย ดาริอุส วาสเซลล์ กับ เบนจานี่ เอ็มวารูวารี ทำคนละสกอร์ จนนำไปก่อน 2-0 แมตช์นี้เป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปีที่ เรือใบสีฟ้า บุกชนะถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด และหนแรกในรอบ 38 ปี ที่พวกเขาชนะแมนฯยูไนเต็ดทั้งไป-กลับในลีก แม้ดูเหมือน ปีศาจแดง จะเหนือกว่าในหลายฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ไม่บ่อยครั้งนักที่จะสามารถถล่ม เรือใบสีฟ้า แบบขาดลอย

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110210J9L8Q.jpg
แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ เป็นเกมที่สูสี ดุเดือด และได้รับความสนใจจากแฟนบอลทุกครั้ง



แต่ก็มีหลายนัดที่ แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ อยู่ในความทรงจำของแฟนบอล เช่นการชนะแมนฯซิตี้ 1-0 เมื่อ 4 พฤษภาคม 1991 ผู้ทำประตูชัยคือเจ้าหนูวัย 17 ซึ่งเพิ่งทำประตูแรกให้ทัพชุดใหญ่ของ ปีศาจแดง ชื่อดาวรุ่งคนนั้นคือ ไรอัน กิ๊กส์ ส่วนวันที่ 6 ธันวาคม 1992 เอริก คันโตน่า ก็เปิดตัวในฐานะนักเตะแมนฯยูไนเต็ด ตอนเจอ เรือใบสีฟ้า และเจ้าบ้านก็ชนะใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด 2-1 หลังจากนั้น ก็องโต้ ก็ยิงใน แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ 8 ประตูใน 4 ฤดูกาล ลูกแรกคือตอนออกไปเจ๊า 1-1 ที่รัง เมน โร้ด เมื่อ 20 มีนาคม 1993 ส่วน 7 พฤศจิกายนปีเดียวกัน คันโตน่าซัด 2 ลูกให้ ปีศาจแดง แซงชนะแมนฯซิตี้ 3-2 ถึงสนาม เมน โร้ด เช่นกัน หลังโดนนำ 2-0 ขณะ อันเดร แคนท์เชลส์กี้ส์ ปีกยูเครน ทำแฮ็ตทริกในเกมชนะ เรือใบสีฟ้า 5-0 เมื่อ 10 พฤศจิกายน 1994



มีเรื่องไม่น่าจำเกิดขึ้นใน แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ เหมือนกัน โดยวันที่ 21 เมษายน 2001 รอย คีน มิดฟิลด์แมนฯยูไนเต็ด ยันเข้าไปที่เข่า อัล์ฟ อิงเก้ ฮาแลนด์ นักเตะแมนฯซิตี้ จนคู่แข่งเดี้ยง และเขาโดนไล่ออก โดยเจ้าตัวยอมรับภายหลังว่าเจตนาแก้แค้นเพราะเคยโดนเขาทำฟาวล์จนเจ็บหนัก ตอนคู่กรณีอยู่กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ส่วน ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารชาวเดนมาร์ก สร้างสถิติสุดยอด เพราะเคยเล่นให้ทั้งแมนฯยูไนเต็ด (9 ปี) กับแมนฯซิตี้ (1 ฤดูกาล) แต่เขาไม่เคยแพ้ในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ แม้แต่หนเดียว

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110210H6M5O.jpg
ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ (ซ้าย) ดาวซัลโวสูงสุดของลีก จากค่ายแมนฯยูไนเต็ด ต้องประชันฝีเท้ากับ คาร์ลอส เตเวซ กองหน้าแมนฯซิตี้ ซึ่งกำลังอ็อต และเป็นดาวยิงสูงสุดอันดับ 2 ของลีกในเวลานี้



 



ต้องคอยดูว่าวันเสาร์นี้อีกหนึ่งนักเตะที่อยู่ทั้ง ปีศาจแดง กับ เรือใบสีฟ้า คือ คาร์ลอส เตเวซ กองหน้าอาร์เจนไตน์ จะทำสกอร์สโมสรเก่าได้หรือไม่ เพราะเขาเพิ่งยิงแฮ็ตทริกเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ยอดรวมตลอดฤดูกาลคือ 18 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุดอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก แต่อันดับ 1 ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ หัวหอกบัลแกเรียนของ ปีศาจแดง ผู้ทำไปแล้ว 19 ประตูนั่นเอง จะเป็นแมนฯซิตี้ที่ไล่ทำคะแนนตามมาเพิ่มขึ้น หรือจะเป็นอีกปีที่เฟอร์กูสันนำลูกทีมขย้ำเพื่อนร่วมเมือง เพื่อกลับมากู้หน้าหลังเสียท่าตอนเจอวูล์ฟส์



 



อย่าพลาดความมันสะใจที่พร้อมระเบิดขึ้นอีกครั้งในดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด วันเสาร์นี้



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์