รับโดยดุษฎีว่าไม่ดีเลยสะดุด

src=http://www.siamsport.co.th/_ImagesColumn/110208D4L01350.jpg



     และแล้วก็ถึงเวลานั้นจนได้นะครับ


 

สถิติไร้พ่ายที่ยืนยงคงกระพันมานานถึง 29 เกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ถูกทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีจนได้
 

บางคนบอก แหม... อ่ะนะ จะแพ้ทั้งที ทำไมพี่ๆ ไม่เลือกแพ้ให้ทีมดีกว่านี้หน่อยว้า
 

แต่ผมว่า การจะตีตราว่า วูล์ฟส์ เป็นทีมหมูๆ ดูจะเป็นอะไรที่ไม่ให้เกียรติคู่ต่อสู้เลย
 

แหงล่ะ หมาป่า ย่อมไม่ใช่หมู แต่แม้จะจมอยู่ในโซนแดง ทว่า หมาป่า ตัวนี้แหละครับที่ไล่งับทั้ง เชลซี และ แมนฯ ซิตี้ เหวอะหวะในถ้ำ โมลินิวซ์ ของตัวเองมาแล้ว
 

เราคงต้องให้เครดิตทีมของ มิค แม็คคาร์ธี่ ด้วย เฉพาะอย่างยิ่งกับเกมรับ
 

พวกเขาเคยบีบให้ยอดทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี ยิงเข้ากรอบเพียงแค่สอง และสามครั้งเท่านั้นตลอด 90 นาทีเต็ม
 

โดยเฉพาะกับ สิงโตน้ำเงินคราม ที่ปกติรัวใส่คู่ต่อสู้เป็นชุดๆ แต่โดนแนวรับ หมาป่า ใช้วินัยสะกดด้วยการสละร่างกายบล็อกความพยายามได้ถึงหกครั้งที่อุตส่าห์ส่องเข้ากรอบ
 

ส่วน ยูไนเต็ด เรา ยิงเข้ากรอบแค่สี่หนตลอดทั้งเกมเมื่อวันเสาร์ ซึ่งตามปกติแล้ว ใช่ว่า ปีศาจแดง จะหาโอกาสส่องได้เยอะแยะอะไรที่ไหน (นับเฉลี่ยได้แค่หกครั้งต่อเกม) แต่เจอแก๊ง หมาป่า ขัดขวางความพยายามที่เข้ากรอบถึงสามหนในครึ่งหลัง
 

เราคงต้องยอมรับโดยดุษฎีนะครับว่า ยูไนเต็ด ดีไม่พอเลยสะดุดที่ โมลินิวซ์
 

อันที่จริง ย้อนไปในการพบกันที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อเดือนพฤศจิกายน เราก็แทบรากเลือดมาแล้ว แต่ยังดีที่มี พาร์ค ชี ซอง ช่วยกระทุ้งนำชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้
 

หลายนัดที่เราไม่น่ามีแต้ม แต่เราก็เอาตัวรอดมาได้อย่างทุลักทุเล
 

แต่การคัมแบ๊กไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ หลังจากที่ ยูไนเต็ด เพิ่งแซงชนะที่ แบล็คพูล 3-2 รวมถึงที่ เซาธ์แฮมป์ตัน -1 ใน เอฟเอ คัพ
 

แล้วปัญหาคืออะไร?
 

แน่นอนครับ เกมรับเป็นจุดหนึ่ง หลังจากที่การขาดหายไปของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่ไม่รู้ไปเล่นท่ายากท่าไหนเลยเจ็บซะงั้นตอนอบอุ่นร่างกายก่อนเกมที่ โมลินิวซ์ กระทั่งต้องปล่อยให้ จอนนี่ อีแวนส์ ลงมาโดน วูล์ฟส์ โจมตีด้วยลูกโด่งจนเสียบุคลิก และเสียสองเม็ดจากลูกเซตพีซ
 

แต่อีกจุดหนึ่งที่ผมว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มิอาจทำเป็นมองข้ามได้เลยคือการสร้างสรรค์เกมรุกจากแดนกลาง
 

หลายนัดที่ ยูไนเต็ด พึ่งพา ไรอัน กิ๊กส์ และ พอล สโคลส์ มากเกินไป และอย่าลืมนะครับว่า ทั้งสองหนุ่มน้อย (คือวัยหนุ่มเหลือน้อย) สิริอายุรวมกันแตะ 70 ปีเข้าไปแล้ว
 

ลองหันไปดูทีมลุ้นแชมป์อื่นๆ สิครับ
 

อาร์เซน่อล มี เชส ฟาเบรกาส กับ ซามีร์ นาสรี่, เชลซี มี แฟร้งค์ แลมพาร์ด ซึ่งพอขาดหายไปแล้วเห็นผลชัดเจน, สเปอร์ส มี ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ส่วน แมนฯ ซิตี้ มี ดาบิด ซิลบา หรือ ยาย่า ตูเร่
 

แต่ห้องเครื่องเรามี ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, ไมเคิ่ล คาร์ริค และ อันแดร์สัน ซึ่งไม่ใคร่ถนัดเท่าไหร่กับการสร้างสรรค์เกมรุกและทำประตู แต่ถนี่การไล่บดบี้คู่ต่อสู้ หรือผ่านบอลขวางสนามมากกว่า
 

วัดจากความพยายามการทำประตูจากแดนกลาง สเปอร์ส เฉลี่ยแล้วได้ยิง 1.59 ครั้งต่อเกม, เชลซี 1.41 ต่อเกม, อาร์เซน่อล 1.17 ต่อเกม และ แมนฯ ซิตี้ ต่ำสุดที่ 0.69 ต่อเกม
 

ขณะที่ เฟล็ทเชอร์, คาร์ริค และ อันแดร์สัน จัดเป็นสามในหกผู้เล่นบนตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางจากสโมสรระดับท็อปไฟฟ์ที่มีเปอร์เซนต์การยิงประตูต่ำสุด (อีกสามคนได้แก่ จอห์น โอบี มิเกล, ไนเจล เด ยองก์ และ วิลสัน ปาลาซิออส)
 

ส่วน สโคลส์ ที่ยิงเข้ากรอบรวม 31 ครั้งในฤดูกาลนี้ มีค่าเฉลี่ยได้สับไกต่อนัดแค่ 0.6 ครั้งต่อหนึ่งเกม
 

เราจะเห็นนะครับว่า สโคลซี่ย์ บนวัยเกือบหลักสี่ มีความสุขมากกว่ากับการจ่ายให้เพื่อน น้อยครั้งที่แกจะทะลุจากแถวสองขึ้นมาลุ้นประตูพร้อมกับความดุดัน และวิสัยทัศน์มุ่งสู่ก้นตาข่ายเหมือนสมัยหนุ่มๆ
 

ทางแก้?
 

มิดฟิลด์ตัวรุกดีๆ สักคนคงจะเป็นที่ยินดีต้อนรับของปวง แฟนผี นะครับป๋า
 

เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ ดาราทีมชาติฮอลแลนด์ บนวัย 26 น่าจะเพอร์เฟ็กต์ทีเดียว แต่เสียดายจังที่เจ้าตัวต่อสัญญากับ อินเตอร์ มิลาน ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากได้อัพเงินค่าแรง 5.2 ล้านปอนด์ต่อปีตามคำขอ
 

เอาเถิด จะเป็นใครก็ช่าง แต่เราคงต้องรอให้ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขในช่วงปิดฤดูกาล
 

เอาใกล้ๆ นี้ก่อนนะครับ เพราะต้องไม่ลืมว่า สามจากสี่นัดถัดไป เรามีโปรแกรมโซ้ยกับยอดทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ (น่ากลัว), เชลซี (น่ากลัวเหมือนกัน), ลิเวอร์พูล (น่ากลัวที่ซู้ด)
 

กลับไปที่ปัญหาหลังบ้านอีกครั้ง
 

อย่าลืมนะครับว่า เฟอร์ดินานด์ จะต้องขอลาป่วยสองวีกจากอาการเจ็บน้อง-เอ๊ย-เจ็บน่อง
 

ฉะนั้น เฟอร์กี้ จะต้องเลือกคู่หูให้ภูผาหินอย่างกัปตันทีม เนมานย่า วิดิช เพื่อรับมือกับ คาร์ลอส เตเวซ แอนด์ โค ในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เสาร์นี้
 

คริส สมอลลิ่ง ขอถอนตัวจากทีม สิงโตน้อย ชุดอุ่นเครื่องนัดเยือน อิตาลี ที่ เอ็มโปลี เพราะไม่สมบูรณ์
 

ส่วน อีแวนส์ มีคิวช่วยไอร์แลนด์เหนือดวลกับ สกอตแลนด์ ของ ดาร์เรน เฟอร์กูสัน ที่ เบลฟาสต์
 

แฮ่... เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดชั่วขนาดอยากเห็น เฟล็ทช์ ไล่หวด อีแวนส์ จนเดี้ยงเพื่อจะแน่ใจว่า กองหลังเด็กปั้นที่ย่ำอยู่กับที่รายนี้ จะไม่พร้อมเจอ เรือใบสีฟ้า หรอก
 

เอาเป็นว่า ปล่อยให้ป๋า เฟอร์กี้ ตัดสินใจเองดีกว่าครับว่า จะใช้งานใครดีกว่านิ
 

ที่ผมสนใจกว่าคือวิธีการเล่นของนักเตะที่น่าจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะ เฟอร์กี้ ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า เป็นพระอาจารย์อยู่แล้วในด้านการปลุกเร้าลูกทีมให้ฮึดขึ้นมาจากความพ่ายแพ้
 

แกคงไม่อยากเห็นภาพบาดตาที่เพื่อนบ้านอย่าง แมนฯ ซิตี้ บุกมายัดเยียดความพ่ายแพ้เป็นนัดที่สองติดต่อกันอย่างอุกอาจให้ถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แน่
 

ปฏิกริยาตอบสนองของนักเตะ ยูไนเต็ด จะเป็นอย่างไร อันนี้แหละครับที่ผมเฝ้ารอชมด้วยหัวใจระทึก
 

ที่แน่ๆ เพื่อนร่วมทีม ยูไนเต็ด คงอิจฉา ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, เอ๊ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ กับ ปาทริซ เอวร่า ที่ได้พักผ่อนอยู่กับบ้านอย่างเต็มเหนี่ยวไปเลยพี่เต็มที่ไปเลยเธอว์ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ เพราะไม่มีคิวลงโม่ โดยสองรายแรกอำลาทีมชาติ บัลแกเรีย และ ฮอลแลนด์ แล้ว ส่วนรายหลังสุดโดน ฝรั่งเศส เมิน
 

ในขณะที่ วิดิช ติดงานช่วย เซอร์เบีย อุ่นกับ อิสราเอล ที่ เทล อาวีฟ, ราฟาเอล อยู่กับทีมชาติบราซิลชุดซด ฝรั่งเศส ที่นคร ปารีส เช่นเดียวกับ อันแดร์สัน, เวย์น รูนี่ย์ ซดนมโคที่ เดนมาร์ก กับทีมชาติอังกฤษ, ฮาเวียร์ ชิชาริโต้ เอร์นานเดซ อยู่กับทีมชาติเม็กซิโกที่ แอตแลนต้า เพื่อหวดกับ บอสเนีย
 

แต่ เบิร์บ, น้าซาร์ และ เอวร่า จะได้นอนดูทีวีชิลๆ อยู่บนโซฟาตัวนุ่มในคฤหาสถ์หรู
 

อ้อ... แต่ระมัดระวังหน่อยก็ดีเหมือนนะครับ เพราะเดี๋ยวจะเป็นเหมือน เฟอร์ดินานด์
 

ย้อนไปสมัยอยู่ ลีดส์ คุณ ริโอ แกเคยนอนเอกเขนกดูทีวีบนโซฟา ก่อนค่อยๆ ยกขาพาดกับโต๊ะวางกาแฟตรงหน้า
 

พลัน! เส้นบริเวณขาก็ตึงเปรี๊ยะจนเดี้ยงยาวซะอย่างนั้น


 
เปาผี


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์