วิถีลูกหนังที่ยังไร้ตอนจบของ ไรอัน กิ๊กส์

src=http://www.siamsport.co.th/_ImagesColumn/110123B1P91580.jpg



     เป็นที่แน่นอนแล้วนะครับ สำหรับ ไรอัน กิ๊กส์ ปีกพ่อมดชาวเวลส์ จะยังคงสานต่อตำนานหมายเลข 11 ของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอีกเป็นเวลา(อย่างน้อย) 1 ฤดกาล เมื่อเจ้าตัวตัดสินใจจรดปากกาต่อสัญญากับต้นสังกัดแรกและน่าจะเป็นต้นสังกัดสุดท้ายในอาชีพค้าแข้งของเขาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา




สำหรับผู้ที่เลื่อมใสในลัทธิ ปีศาจแดง คงจะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าดาวเตะวัย 37 ปี ผู้นี้ คือนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของสโมสร จากสถิติคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 11 สมัย, เอฟเอ คัพ และ คาร์ลิ่ง คัพ ถ้วยละ 4 สมัย, ศึก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 8 สัมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย รวมถึง ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ, อินเตอร์ คอนติเนนตัล คัพ และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ อีกอย่างละสมัยด้วยกัน และค่อนข้างมั่นใจว่าสถิติคงจะไม่หยุดอยู่เท่านี้แน่
 

แต่กว่าที่แข้งเจ้าของฉายา กิ๊กซี่ หรือที่แฟนบอลชาวไทยมักจะเรียกกันแบบน่ารักๆ ว่า น้าขนดก จะสานตำนานแข้งจนกลายเป็นเจ้าของสถิติลงสนามให้กับ เร้ด เดวิลส์ สูงสุดตลอดกาล ทำลายสถิติ 758 เกม ของ เซอร์  บ็อบบี้  ชาร์ลตัน ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น เจ้าตัวต้องผ่านพ้นกับอุปสรรคหลายๆ อย่างในชีวิต และไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งเจ้าตัวเกือบจะได้ไปเป็นดาวเตะของทีมอริอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์  ซิตี้ ด้วย
 

ไรอัน โจเซฟ  กิ๊กส์ หรือ ไรอัน วิลสัน (ชื่อเดิม) ถือกำเนิดขึ้นในย่านชานเมืองของกรุง คาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ เป็นลูกชายคนโตของ ลินน์ กิ๊กส์ และ แดนนี่ วิลสัน ซึ่งเป็นนักรักบี้อาชีพสังกัดสโมสร คาร์ดิฟฟ์  อาร์เอฟซี ก่อนที่ครอบครัวจะได้ย้ายรกรากมาอาศัยอยู่ที่เมือง แมนเชสเตอร์ เนื่องจากคุณพ่อย้ายสังกัดมาอยู่กับทีม สวินตัน อาร์แอลเอฟซี ในลีกลูกหนำเลี้ยบของอังกฤษ
 

ชีวิตช่วง 2 ปีแรกในเมือง แมนเชสเตอร์ ของ กิ๊กส์ ต้องเผชิญหน้ากับการถูกเหยียดผิวจากเพื่อนร่วมชั้นชาวอังกฤษ เนื่องจากพ่อของเขาเป็นคนผิวสี ทำให้เจ้าตัวไม่อยากจะใช้ชีวิตในเมืองผู้ดีอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม แมวมองของทีม เรือใบสีฟ้า นามว่า เดนนิส สคอฟิลด์ เป็นผู้ที่หยิบยื่นโอกาสในการเล่นฟุตบอลที่เป็นกิจจะลักษณะให้กับเขาเป็นคนแรก หลังจากที่ต้องเตะบอลตามถนนอยู่กับเพื่อนฝูงมาระยะหนึ่ง โดยคว้าตัวไปร่วมทีมนักเรียน ซัลฟอร์ด ในที่สุด พร้อมกับได้เงินเบี้ยเลี้ยงสัปดาห์ละ  29 ปอนด์
 

ในระหว่างที่เป็นนักฟุตบอลของทีมโรงเรียน กิ๊กส์ เคยถูกแมวมองของทีม หงส์แดง นามว่า รอน ยีทส์  นำสรรพคุณฝีเท้าไปเสนอให้กับ เคนนี่ ดัลกลิช นายใหญ่แห่งถิ่น แอนฟิลด์ ขณะนั้นดึงตัวมาร่วมทัพ แต่ชะตากรรมก็ลิขิตให้เจ้าตัวไม่ได้รับการแยแสให้ไปร่วมงานกับยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษในยุคนั้น ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างยิ่ง! ฮา
 

ในเวลาต่อมา พรหมลิขิตก็ได้นำพา กิ๊กส์ ซึ่งยังเป็นแข้งในสังกัดของ ซัลฟอร์ด บอยส์ ให้มาระเบิดฟอร์มซัดแฮททริกใส่ทีมลูกกรอกปีศาจรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ต่อหน้าต่อตา อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด  ทำให้ เฟอร์กี้ ต้องเรียกนักเตะวัย 14 ปี ในขณะนั้น มาทดสอบฝีเท้าในช่วงคริสต์มาสของปี 1986 จนกระทั่งได้เกิดดีลประวัติศาสตร์มูลค่า 350,000 ปอนด์ ในการคว้าตัวแข้งระดับเยาวชนมาเข้าสู่สถานบันปั้นลูกกรอกอสูรแดงในที่สุด ขณะที่เจ้าตัวก็ได้ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นมาเป็น 120 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ ซึ่งก็นับว่าเป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควร
 

ปัจจุบัน กิ๊กส์ ซึ่งรับค่าเหนื่อยในสัญญาปัจจุบันกับต้นสังกัดในระดับเฉียดๆ 100,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ ได้ให้แง่คิดที่น่าสนใจไว้กับนักเตะรุ่นหลัง ที่ส่วนใหญ่จะโด่งดังเป็นซุปเปอร์สตาร์กันตั้งแต่อายุน้อยๆ และใช้เงินเป็นเบื้ยเพื่อตอบสนองกับความต้องการของตัวเองจนบางครั้งมันอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้บรรดาผู้เล่นเหล่านั้นไม่สามารถยืนระยะความเป็นสุดยอดนักเตะได้นานเท่าที่ควรจะเป็น
 

กิ๊กส์ กล่าวว่า ผมเริ่มต้นจากการได้รับค่าเหนื่อย 29 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ และเพิ่มเป็น 120 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ หลังจากได้มาค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยวัยเพียง 16 ปี นับว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาลสำหรับผมเมื่อเทียบกับเพื่อนของผมในขณะนั้นที่ยังต้องขอเงินพ่อแม่ไปเรียนในระดับวิทยาลัย ส่วนหน้าที่ของผมในการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับ ยูไนเต็ด ผมมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยตีเส้นสนาม รวมถึงขัดรองเท้าสตั๊ดให้กับนักเตะอย่าง ไบรอัน ร็อบสัน และ สตีฟ บรูซ ซึ่งเป็นนักเตะสตาร์ดังของทีมชุดใหญ่ในขณะนั้น ทำให้ผมไม่มีเวลาที่จะได้ไปสัมผัสกับแสงสี หรือได้ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ชีวิตประจำวันของผมมีแต่เรื่องของฟุตบอลวนเวียนอยู่ในหัว และมันก็เป็นเช่นนั้นจนถึงทุกวันนี้ แตกต่างกับนักเตะรุ่นใหม่ๆ ที่ได้รับเงินค่าเหนื่อยสูงลิบตั้งแต่อายุยังน้อยๆ พวกเขาใช้จ่ายมันไปกับการสะสมรถหรูๆ ตัดชุดสูทแพงระยับ และเที่ยวผับบาร์จนสมาธิของพวกเขาไม่ได้อยู่กับฟุตบอลอีกต่อไป ใช่ ตัวผมเองก็ไม่ได้ตัดขาดจากเรื่องเหล่านี้ ผมซื้อรถในฝันของบ้าง เช่น บีเอ็มดับเบิ้ลยู ซีรี่ส์ 3 เป็นต้น แต่ปัจจุบันสิ่งที่ผมใช้จ่ายไปกับมันมากที่สุดคือบ้านและค่าเรียนของลูก ซึ่งผมสำนึกอยู่เสมอว่าสิ่งทั้งหมดที่ผมมีอยู่ในทุกวันนี้มันมีที่มาจากขา 2 ข้างของผมที่เตะลูกฟุตบอลตลอดช่วง 20 ปี ที่ผ่านมา
 

ดังนั้น แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าด้วยทัศนคติที่มีต่ออาชีพการค้าแข้งของดาวเตะนาม ไรอัน กิ๊กส์ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นตำนานแข้งได้จนถึงทุกวันนี้ และยังคงไม่มีแนวโน้มว่าตอนจบของตำนานจะคืบคลานมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้


   เกรียนผี


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์