เมื่อสลักระเบิดถูกถอดออก




เมื่อสลักระเบิดถูกถอดออก



ผลงานนัดล่าสุดของทีม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือการบุกไปถล่ม ดินาโม เคียฟ คาบ้าน 4-2 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 ทำให้ผลงานการชำแหละตาข่ายคู่แข่ง 3 นัดหลังสุดของ ปีศาจแดง คือ 12 ประตู เมื่อ รวมกับอีก 2 นัดก่อนหน้านี้ที่ ถล่ม วีแกน แอธเลติก 4-0 และ บุกไปประหาร แอสตัน วิลล่า 4-1


สิ่งที่กล่าวขวัญถึงในช่วงเวลานี้ก็คือ เกมรุกอันน่าสะพรึงของ ยูไนเต็ด เพราะในช่วงต้นฤดูกาล สกอร์ 1-0 คือผลการแข่งขันที่พวกเขาได้รับมาแบบเต็มกลืนอยู่หลายนัด แถมแนว รุกที่ซื้อมาใหม่ไม่ว่าจะเป็น คาร์ลอส เตเวซ , นานี่ และ อันแดร์สัน ก็ยังโชว์ฟอร์มไม่คุ้มค่าตัว แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้คลี่คลายไปหมดแล้ว ทั้ง เตเวซ , อันแดร์สัน และ นานี่ เริ่มปรับเข้ากับ สไตล์ของฟุตบอลอังกฤษ เข้าไปทุกที และ โอเว่น ฮากรีฟส์ ที่แม้จะมีโอกาสสวมเสื้อสีแดง ลงสนามแค่ 3 นัดตั้งแต่ได้ย้ายมาร่วมทีม ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งถ้าอาการบาดเจ็บเลิก จองจำเขาเมื่อไรนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะน่ากลัวขึ้นกว่านี้อีกมากทีเดียว


ส่วนเกมรุกที่สามารถทำประตูได้ถึง 12 ลูกใน3แมตช์หลังสุดนั้น ใจความสำคัญก็มาจากการประสานงานของ คู่หูหมูมหาภัย เวย์น รูนี่ย์ และ คาร์ลอส เตเวซ ที่กลมกลืน มี ประสิทธิภาพราวกับว่าเคยเล่นด้วยกันมาเป็นร้อยๆเกม การทำชิ่ง การหาตำแหน่ง และการจบสกอร์ที่คมกริบ ของทั้งคู่ ทำให้แฟนบอลหลายคนนึกถึง คู่หู Men In Black ดไวท์ ยอร์ค กับ แอนดี้ โคล ที่เคยร่วมกันถลุงประตูจน ปีศาจแดง คว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาครองในฤดูกาล 1998-1999


ก่อนหน้านี้เคยมีผู้สันทัดกรณีหลายท่านลงความเห็นว่าทั้งคู่มีสไตล์การเล่นที่คล้ายกัน รวมทั้งรูปร่างที่เตี้ย ตัน และอ้วน ของทั้งคู่ก็ไม่น่าจะเป็นการประสานงานที่ดีได้ แต่แล้ว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ได้จัดการตบแต่งให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่หูในแดนหน้าที่อันตรายที่สุดคู่หนึ่งของยุโรปในตอนนี้ไปแล้ว และอีกหนึ่งปัจจัยสำหรับฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม ของ เร้ดส์ เดวิลล์ ก็คือดาวเด่นคนเดิมจากเมื่อซีซั่นที่แล้วอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมสับเลือดโปรตุเกส ก็กลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากพ้นโทษแบนกลับมาในเกมกับ พอร์ทสมัธ ที่เขาโดนใบ แดง เมื่อช่วงต้นซีซั่นที่ผ่านมา และ 6 ประตูจากทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ คือผลงานของเขา ที่แสดงให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่า เขาคือกำลังหลักในแนวรุกของ ยูไนเต็ด อย่างไม่สามารถปฏิเสธได้


นอกจาก 3 ประสานในแนวรุก และผู้เล่นคนอื่นๆในแดนกลางจะโชว์ฟอร์มกันได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ในส่วนของเกมรับ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาเก็บชัยชนะหยุมหยิม ในช่วงต้นฤดูกาลมาจนถึง การพังประตูคู่แข่งแบบปรอทแตกในช่วงเวลานี้ อาการบาดเจ็บของ แกรี่ เนวิลล์ แบ็กขวากัปตันทีม ที่ยังไม่สามารถกลับมาลงสนามได้นับตั้งแต่ ชัยชนะเหนือโบลตัน 4-1 เมื่อช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว ก็ถูกแทนที่ด้วย เวส บราวน์ , จอห์น โอเช และ เคราร์ด ปิเก้ ซึ่งทั้ง 3 ก็ทำหน้าที่อุดรูรั่วในแนวรับได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่า เฟอร์กี้ จะจับไปยืนใน ตำแหน่งไหนของเกมรับก็ตาม แล้วยังมี แบ็กขวาดาวรุ่งอย่าง แดนนี่ ซิมป์สัน ที่แจ้งเกิดขึ้นมาจากเกมที่ถล่ม วีแกน แอธเลติก 4-0 ซึ่งเมื่อรวมกับตัวหลักในเกมรับอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ , เน มานย่า วิดิช และ ปาทริซ เอวร่า แล้วนั้น ทำให้ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดใน พรีเมียร์ชิพ ไปในบัดดล ส่วนอาการบาดเจ็บในบางนัดของ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารจอมเก๋า ก็มี โทมัส คุสแซ็ค ที่ลงมาทำหน้าที่ทดแทนได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด


ในส่วนของเกมนัดล่าสุดที่ ปีศาจแดง บุกเอาหอกไปทิ่มแทง ดินาโม เคียฟ เสียชีวิตคาบ้าน 4-2 นั้น พวกเขาก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนกับ 2 นัดล่าสุดที่ผ่านมา การ ประสานงานที่รวดเร็ว บอลเท้าสู่เท้าอันแม่นยำ ก็ยังสร้างความสับสนวุ่นวายให้กับแนวรับของ ดินาโม เคียฟ ตั้งแต่ต้นจนจบ โดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมสับ ซึ่งวันนี้สวมบทเป็นพระเอก เมื่อ ระเบิดตะข่ายใส่ เคียฟ ถึง 2 ประตู จากลูกโหม่ง ในนาทีที่ 41 และ ลูกโทษที่จุดโทษ ในนาทีที่ 68 ส่วนอีก 2 ประตูของ เร้ดส์ เดวิลล์ ก็ได้มาจาก ริโอ เฟอร์ดินานด์ ในนาทีที่ และ เวย์น รูนี่ย์ ใน นาทีที่ 18 ส่วน ดินาโม เคียฟ 2 ประตูที่พวกเขาทำได้ในเกมนี้ก็มาจาก ดีเอโก้ รินคอน ในนาทีที่ 34 และ อิสมาแอล บ็องกูร่า ในนาทีที่ 78


จะว่าไปแล้ว สิ่งที่ ยูไนเต็ด ทำได้ไม่ดีในเกมนี้ก็คือในส่วนของเกมรับ โดย ประตูตีไข่แตก 1-2 ของ ดินาโม เคียฟ นั้น ก็มาจากการยืนตำแหน่งที่หละหลวมในแนวรับ ที่ปล่อยให้ ดีเอโก้ รินคอน ขึ้นโขกลูกเตะมุม ของ คาร์ลอส คอร์เรีย โล่งๆจากระยะบริเวณจุดโทษ เข้าประตูไป และการที่ปล่อยให้ อิสมาแอล บ็องกูร่า ลากบอลเข้ามาซัดเต็มข้อจากระยะ 25 หลา กับประตู 2-4


แต่สิ่งที่ ปีศาจแดง ชดเชยเข้ามาในเกมนี้ก็คือในส่วนของเกมรุก ที่ กำลังลงตัวเข้าไปทุกทีๆแล้วในวินาทีนี้ จนดูเหมือนกับว่า ถ้าพวกเขาโดนคู่แข่งพังประตูเมื่อไร เกมรุกชนิดสาย ฟ้าฟาดก็จะนำมาใช้พังสกอร์กลับมามากขึ้นเท่านั้น


หลังจบเกมนี้ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เอฟ ในทันที จากผลงาน ชนะ 3 นัดรวด มี 9 แต้มเน้นๆ ผิดกับทางด้าน ดินาโม เคียฟ ที่แข่ง 3 นัด ยังไม่มีแต้ม และยังไม่เคยค้นพบกับคำว่าชัยชนะ ทำให้ในนัดที่ 4 ของกลุ่มนี้ ถ้า ปีศาจแดง เก็บชัยชนะเหนือ ดินาโม เคียฟ ที่จะต้องแวะมาเยือน โรงละครแห่งความฝัน ในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ได้ พวกเขา ก็จะกรีฑาทัพเข้าสู่รอบ น็อกเอาต์ ทันที ผิดกับทาง เคียฟ ถ้าพวกเขาไม่มีแต้มกลับไปก็มีโอกาสที่จะตกรอบแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์


เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้กล่าวหลังจบเกมนี้ว่า ตอนนี้การต่อบอลในแดนหน้าของเรายอดเยี่ยมมาก การเคลื่อนไหวของเราบางจังหวะก็ดีเยี่ยม และแม้จังหวะการปิดสกอร์จะง่ายดาย แต่คุณก็ต้องอยู่ถูกที่ถูกเวลา เพื่อยิงเข้าไป ผลงานออกมายิงนอกบ้าน 4 ประตูในถ้วยยุโรป แสดงถึงฟอร์มการเล่นที่ดีตลอดเวลา และเราน่าจะยิงได้ มากกว่านี้ด้วยซ้ำ


ด้วยนักเตะอย่าง รูนี่ย์ , โรนัลโด้ , คาร์ลอส เตเวซ และ ไรอัน กิ๊กส์ เราถือว่ามีอาวุธชั้นยอด ตอนนี้เรามี 9 คะแนนแล้ว และทำให้อยู่ในสถานะที่ดีมาก ดินาโม คงจะมาเจอเราผิดเวลา ตอนนี้ ฟอร์มของเราแกร่งมาก แกร่งกว่าแมตช์ที่ผ่านๆ มาในรายการนี้เลย


ส่วน โจเซฟ ซาโบ เทรนเนอร์ ดินาโม เคียฟ ก็ได้ออกมาพูดหลังจบเกมเช่นกันว่า คุณจะพูดอะไรได้ ในเมื่อคู่แข่งเหนือกว่าโดยสิ้นเชิง? ยูไนเต็ด ก็คือ ยูไนเต็ด ครึ่งแรกเราตื่นเกม จนพลาดแล้วพลาดอีก เราพ่ายทีมที่แกร่งกว่า โชคไม่ดีที่เราไม่มีนักเตะฝีเท้าระดับเดียวกับ ยูไนเต็ด ผมไม่เสียใจที่มาคุม ดินาโม อีกครั้ง ผมผิดหวัง เพราะผมไม่ชอบฟุตบอลแบบนี้ วันนี้ ผมยกตัวอย่างให้นักเตะผมฟัง ตอน ยูไนเต็ด นำ 4-1 โรนัลโด้ ยังวิ่งลงไปถึงกรอบเขตโทษฝั่งเขา , เขาแย่งบอลไป และเริ่มต้นเกมบุก นั่นคือความเป็นมืออาชีพ หากมองแบบนี้ การพ่าย แพ้ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะมันช่วยเปิดหูเปิดตาให้กับทีมนี้


สถานการณ์ภายในทีมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพลานี้ ช่างร้อนแรง และดุดันดีเหลือเกิน ฟอร์มการเล่นของพวกเขาก็เริ่มดีขึ้นๆ ในทุกๆนัดที่ลงแข่งขัน เหมือนกับว่าเมื่อช่วงต้นฤดูกาล เฟอร์กี้ มีลูกระเบิดอยู่ในมือ แต่ยังหาวิธีแกะสลักออกมาไม่ได้ จึงทำได้แค่เอาไปขู่ใส่ทีมอื่นๆให้หวาดกลัวเท่านั้น จึงได้ผลการแข่งขันที่จิ๊บจ๊อยกลับมา แต่ ณ เวลานี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สามารถถอดสลักระเบิดออกมาได้แล้ว และตอนนี้ระเบิดที่ชื่อว่า เร้ดส์ เดวิลล์ ก็เริ่มทำลายล้างคู่แข่งให้ล้มหายตายจากไปทีละรายสองราย ต้องรอดูกันว่าหลังจากนี้ พลังของระเบิดลูกนี้จะยังคงแสดงแสนยานุภาพต่อไปได้หรือไม่ โดย มิดเดิ้ลสโบรช์ เป็นทีมต่อไปที่จะมาพิสูจน์...

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์