ตัวอย่างที่เลวของวงการลูกหนัง

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา วอชิงตันโพสต์ เคยเสนอตัวอย่างที่เลวในวงการการเมืองโลกไปแล้ว คราวนี้เราจึงขอเสนอตัวอย่างที่เลวของวงการลูกหนังบ้าง น้องๆเยาวชนอย่าเอาไปเลียนแบบกันนะครับ

น้ำใจนักกีฬา คือ การที่ผู้เล่น, โค้ช รวมถึงกรรมการ ปฏิบัติต่อกันตามกฎกติกาด้วยความเคารพ และยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากการแข่งขัน ไม่ว่าจะแพ้ หรือชนะ ซึ่งเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่บางครั้งเมื่ออยู่ในสถานการณ์กดดัน บางคนก็อาจพลั้งแสดงพฤติกรรมแย่ๆออกมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ นักกีฬาก็เป็นค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน แต่เราควรรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง ฝึกให้มีสติอยู่เสมอ ทบทวนว่ามีอะไรบ้างที่ทำเพื่อตอบสนองอารมณ์ และผลที่ตามมาหลังจากนั้นเป็นเช่นไร

จุดประสงค์ของการเล่นกีฬาคือสร้างอารมณ์ รวมถึงรักษาสัมพันธภาพระหว่างกัน ฝึกการสร้างความรู้สึกที่ดี เข้าใจ เห็นใจผู้อื่น ช่วยฝึกการแสดงน้ำใจ เอื้อเฟื้อ รู้จักการให้-รับ ซึ่งช่วยให้เกิดคุณค่ากับประโยชน์ต่อตนเอง และบุคคลที่เกี่ยวข้อง พฤติกรรมเหล่านี้จึงเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด ว่าเมื่อเรายอมให้อารมณ์เป็นใหญ่ ก็มักเกิดปัญหาใหญ่ตามมาเช่นกัน

เอริก คันโตน่า กับ แฟนบอล คริสตัล พาเลซ

วันที่ 25 มกราคม 1995 กองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รายนี้ เกิดสติแตก เพราะโดน ริชาร์ด ชอว์ กองหลัง คริสตัล พาเลซ ดึงเสื้อ จึงหวดที่ตัวคู่กรณี ผลคือคันโตน่าได้ใบแดง และขณะเดินออกจากสนาม ก็ทนความยั่วยุไม่ไหว เลยกระโดดกังฟูเข้าไปที่ แม็ทธิว ซิมมอนส์ แฟนบอลเจ้าถิ่น แถมรัวหมัดอีกชุดใหญ่ จากการกระทำคราวนี้ ซิมมอนส์โดนจำคุก 7 วัน ฐานแสดงกิริยาไม่สุภาพ และใช้วาจาเชิงขู่ใส่ผู้อื่น แต่ถูกปล่อยตัวหลังติดแค่วันเดียว ส่วนหัวหอก ปีศาจแดง โดนปรับ 30,000 ปอนด์ (ประมาณ 1.4 ล้านบาท) และแบนยาว 8 เดือน

เปาโล ดิ คานิโอ กับ ผู้ตัดสิน

26 กันยายน 1998 ดาวเตะอิตาเลียนของ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ไม่พอใจที่ตัวเองได้ใบแดงจากผู้ตัดสิน พอล อัลค็อค จึงผลักเข้าใส่เต็มแรง จนฝ่ายหลังล้มคะมำ ทั้งๆ มาร์ติน คีโอว์น กองหลัง อาร์เซน่อล ก็โดนไล่ออกในนาทีเดียวกัน เกมนั้น นกเค้าแมว ชนะ 1-0 ที่สนามฮิลล์สโบโร่ แต่ เพราะความประพฤติที่แย่ ดิ คานิโอจึงโดนแบน 11 นัด ปรับอีก 10,000 ปอนด์ (ประมาณ 462,000 บาท) 3 เดือนต่อมา เขาถูกขายให้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ปัจจุบันอัลค็อคคือผู้จัดการห้างสรรพสินค้าที่เมดสโตน ส่วนอีกรายตกงาน

คีรอน ดายเออร์ กับ ลี โบว์เยอร์

ดายเออร์คือมิดฟิลด์ที่ครั้งหนึ่งถูกมองว่าจะเป็นอนาคตของทีมชาติอังกฤษ แต่แล้วอนาคตของเจ้าตัวก็ต้องมาดับกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และวันที่ 2 เมษายน 2005 เขาก่อเรื่องวิวาทถึงขั้นออกหมัดเข้าใส่โบว์เยอร์ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีม ที่กลางสนามวิลล่า พาร์ค ขณะทำศึกพรีเมียร์ลีกกับ แอสตัน วิลล่า ผู้ตัดสินจึงให้ใบแดงทั้งคู่ ตอนนั้น สาลิกาดง จึงเหลือ 8 คน เพราะ สตีเว่น เทย์เลอร์ โดนไล่ออกไปก่อนแล้ว ต่อมาดายเออร์ถูกแบน 3 นัด ขณะโบว์เยอร์พัก 4 แมตช์ ปรับอีก 200,000 ปอนด์ (ประมาณ 9.2 ล้านบาท) เพราะเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน

โอลอฟ เมลเบิร์ก กับ เฟรดริค ลุงเบิร์ก

อย่าไปคิดว่าการซ้อมของนักเตะทีมชาติจะปลอดความรุนแรง เพราะก่อนการทำศึกฟุตบอลโลก 2002 รอบสุดท้าย ลุงเบิร์กเกิดอารมณ์ค้างที่โดนเมลเบิร์ก กองหลังเพื่อนร่วมทัพสวีเดน อัดหนักแม้แต่ในสนามซ้อม จึงเข้าไปเอาเรื่องจนล้มกลิ้งไปทั้งคู่ ถัดมาอีกปีเมลเบิร์กก็ถูกเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศ และพอถึงปี 2006 เขาคือหนึ่งใน 3 นักเตะ ไวกิ้ง ที่โดนส่งตัวกลับบ้าน เพราะแหกกฏเคอร์ฟิวก่อนเกมยูโร 2008 รอบคัดเลือก กับ ลิกเทนสไตน์

ดิเอโก้ มาราโดน่า กับ เหล่าผู้เล่น แอตเลติก บิลเบา

เป็นการแก้แค้นผู้เล่น แอตเลติก บิลเบา ของมาราโดน่า เพราะเขาเคยโดน อันโดนี่ กอยโกเชีย กองหลังค่ายดังกล่าว สอยจนข้อเท้าหักต้องพักนาน 3 เดือนเมื่อปี 1983 พอถึงนัดชิงชนะเลิศโคปา เดล เรย์ ซึ่งต้นสังกัดของพวกเขาต้องเจอกันอีกในวันที่ 5 พฤษภาคม 1984 และเกิดเหตุวิวาท เจ้าของเสื้อหมายเลข 10 ก็เลยเข้าไปอัดฝ่ายตรงข้ามทุกคนที่ขวางหน้า ผลคือ เสือเตี้ย โดนแบน 3 เดือน หลังจากนั้นเจ้าตัวย้ายไปสร้างประวัติศาสตร์กับ นาโปลี ในอิตาลี

คาร์ลอส ดิโอโก้ กับ หลุยส์ ฟาเบียโน่