ฤาแมนยูจะล้มละลาย

(หมายเหตุ : ผมเขียนเรื่องนี้มาประมาณเกือบเดือนแล้วแต่ไม่ได้ส่งให้ ฯพณฯ เวปมาสเตอร์ซะที ด้วยเหตุว่าเครื่องคอมคู่ชีพถูกไวรัส + สปายแวร์เล่นงานซะอ่วม และตัวผมเองก็ไม่อยากให้เชื้อชั่วไม่ยอมตายพวกนี้ลามไปถึงเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของเวบแต่ตอนนี้มันหายดีแล้วล่ะ จะมีปัญหาก็แค่จังหวะนี้ผมขี้เกียจแก้งานเพราะงั้นถ้ามีอะไรไม่อัพเดทก็ข้ามๆ มันไปบ้างละกัน)

เกือบครึ่งชีวิตที่ผมสาบานเป็นสาวกของกองพันอสูรแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านมาทั้งดีใจและเสียใจกับผลงานของสโมสร แต่ไม่มีปีไหนเลยที่ผมจะเซ็งอารมณ์เท่ากับผลงานของทีมรักในปีนี้ ยังไงก็ช่างเถอะเพราะหายนะที่แท้จริงอาจรอเราอยู่ในฤดูกาลหน้าก็ได้ ... นั่นเพราะการมาเทคโอเวอร์สโมสรของ ‘เกลเซอร์ แฟมิลี่’

แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องผีๆ เอาไว้ให้ขำกลิ้งเหมือนในหนังหรือในการ์ตูน ‘อดัมส์ แฟมิลี่’ แต่นี่คือสิ่งที่สาวกปีศาจแดง ทั่วโลกอาจจะต้องซีดกับชะตากรรมที่จะต้องถูกยัดเยียดให้ตามนโยบายการบริหารงานของนักธุรกิจหรืออีกนัยหนึ่ง ‘ปลิง’ ชาวอเมริกันผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในรูปแบบของบริษัทจำกัด ทั้งนี้การข่มขืนแฟนบอลของพ่อลูกเกลเซอร์ จะออกมาในรูปแบบไหนยังไม่มีใครรู้ได้ ซึ่งในวินาทีนี้ชาวเราก็ได้แต่เสียววูบวาบไปตามเรื่องเปรียบได้กับอารมณ์ตอนเดินผ่านบาร์เกย์ในยามวิกาลซึ่งเราไม่รู้ว่าจะถูกแจ็คพอตโดนกระชากเข้าไปขยายรูทวารหนักตอนวินาทีไหน อันนี้เราก็ต้องเตรียมใจไว้ให้มั่นเพื่อจะได้ไม่หวั่นไหวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

จังหวะนี้มาดูกันว่าแฟนบอลอย่างผองเรา (อาจ) จะต้องถูกขืนใจด้วยข้อหาอะไรกันบ้าง ?

สิ่งแรกคือเรื่องค่าตั๋วที่อาจพุ่งกระฉูดโดยอาศัยว่ายังไงก็มีแฟนบอลที่ต้องการเข้าชมเกมในสนามอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการจะขึ้นค่าตั๋วนิดๆ หน่อยๆ ย่อมเป็นเรื่องทำได้ตามหลักการตลาด ถึงแม้คุณจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่กรีดเลือดสาบานร่วมหัวจมท้ายกับสโมสรมาร่วมสิบปีฉันก็ไม่สน เพราะยังมีแฟนพันธุ์ทางที่นิยมเคี้ยวแซนวิชกุ้งระหว่างดูฟุตบอลอีกมากที่ยอมเจียดเงินเล็กๆ น้อยๆ มาจ่ายค่าตั๋ว ช่วยไม่ได้นิลงทุนไปแล้วก็ต้องเอาคืนสิ ... เรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของแฟนบอลชาวไทยอย่างเราที่มีบุญแค่ดูเกมผ่านหน้าจอโทรทัศน์ เพราะคณะกรรมการเอฟเอพรีเมียร์ประกาศมาแล้วว่าการถ่ายทอดสดต้องเป็นไปตามปกติ

เรื่องที่สองคงไม่พ้นเรื่องสินค้าในร้านเมกกะ สโตร์ที่จะปรับราคาสูงขึ้นด้วยเหตุผลเดียวกับข้อแรกคือ ยังไงก็มีคนซื้อ ... เรื่องนี้พี่ไทยเราหัวเราะหึๆ เลยเพราะปกติสินค้าของแท้แบรนด์เนมส่งตรงจากสโมสรก็ไม่ค่อยได้ผ่านมือมาอยู่แล้ว แถมของทำเทียมเลียนแบบเมด อิน ไทยแลนด์ก็ยังมีขายกันเกลื่อนตลาด ต่อให้ขึ้นราคาอีก 20 - 30 % ก็ไม่มีปัญหา จะมีก็แต่แฟนพันธุ์แท้ที่มีกะตังค์เท่านั้นล่ะที่ต้องกัดฟันซื้อด้วยความรู้สึกโดนโกงซึ่งๆ หน้า ... เอาเถอะครับสนับสนุนสินค้าลิขสิทธิ์เป็นเรื่องดี เสียตังค์เพิ่มนิดๆ หน่อยๆ คิดว่าเป็นค่านมลูกนักฟุตบอลละกัน

เรื่องที่สามซึ่งผมหวั่นมากที่สุดก็คือเรื่องการเข้ามามีอิทธิพลในการทำทีมของสโมสร ถึงแม้ว่าทางเกลเซอร์ แฟมิลี่ จะเคยประกาศมาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการทำทีม แต่เราจะมั่นใจได้ยังไงล่ะครับ?? ในเมื่อท่านทั้งหลายมีสิทธิขาดในการบงการสโมสรออกเพียงนั้น ซึ่งผมเชื่อลึกๆ ว่าถึงไม่มีการแทรกแซงซึ่งๆ หน้าก็ยังสามารถกดดันหรือล็อบบี้ได้อีกหลายรูปแบบ วันดีคืนดีอาจจะถึงขั้นปลดป๋าเฟอร์กี้ ออกจากตำแหน่งด้วยข้อหาไม่ยอมให้ตำแหน่งตัวจริงหลุยส์ ซาฮา ซึ่งหน้าตาอินเทรนด์พวกกระเทยผิวสีที่อเมริกาก็เป็นไปได้ ... เห็นมั้ยล่ะว่าเงามืดของหายนะเริ่มปรากฏแล้ว

สี่ก็คือเรื่องการซื้อขายนักเตะซึ่งพวกนายทุนอเมริกันสามารถกำหนดได้เองว่าจะให้งบป๋าเท่าไหร่ยังไงผมเชื่อลึกๆ ว่าคงไม่เขี้ยวเหมือนที่พวกบอร์ดบริหารชุดเก่าเคยทำแน่ๆ แต่ยังไงก็เถอะเกิดสภาพการเงินสโมสรไม่คล่องตัวหรือธนาคารเกิดทวงหนี้ที่พวกเกลเซอร์ไปกู้มาซื้อหุ้นสโมสรมาล่ะก็ เหตุการณ์ประเภทนักเตะซุปเปอร์ สตาร์ถูกขายแลกกับเงินก้อนใหญ่อาจจะเกินขึ้น ใครจะไปรู้ว่าวันนึงไอ้หนูรูนี่ย์ อาจถูกขึ้นบัญชีขายพร้อมถูกยัดข้อหาเล่นชู้กับแม่ยายอีตาเกลเซอร์ ก็เป็นไปได้

สุดท้ายที่ผมคิดออกและเลวร้ายมากๆ คือการบริหารงานที่ล้มเหลวส่งผลให้สโมสรล้มละลายเหมือนกับหลายๆ สโมสรในอิตาลีและสเปน ด้วยการสร้างหนี้ตอนกว้านซื้อหุ้นราคาสูงเพื่อรวบกิจการ ประกอบกับค่าตัวและเงินเดือนนักเตะที่มหาศาลซึ่งมีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นทุกวัน ครั้นจะไม่ซื้อหรือไม่ต่อสัญญาก็ทำไม่ได้ สุดท้ายคือต้องคืนสู่สามัญด้วยการจำลาแบบเสมอตัวประมาณว่าล้มบนฟูก ปล่อยให้แฟนบอลทั้งหลายต้องประสบชะตากรรมทั้งหลายกันเอาเอง

อย่างไรก็ตามนี่คือการตีตนไปก่อนไข้ของผมเท่านั้น เหตุการณ์ต่างๆ อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดเสมอไปก็ได้ ดูอย่างทีมอเมริกันฟุตบอล ‘แทมป้าเบย์’ ที่พวกท่านๆ บริหารอยู่สิ ยังสามารถถีบตัวจากอันดับบ๊วยๆ ขอลีกเอ็น เอฟ แอล มาครองแชมป์ได้เลย แถมยังมีสนามใหม่เก้าอี้อย่างหรู พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอีกเพียบ ซึ่งถ้าอนาคตของสโมสรเกิดตกเจ้าชะตาบุญหล่นทับก็โชคดีไป หรือว่าถ้าพวกแยงกี้ทั้งหลายเกิดบ้าเลือดทุ่มสตางค์ซื้อนักเตะแข่งกับเสี่ยหมีอบาโมวิชเราคงจะได้ครื้นเครงกัน

การมาของเกลเซอร์ แฟมิลี ย่อมส่งผลกระทบต่อสโมสร แต่จะมาแนวร้ายหรือดีมันก็คือเรื่องที่จะเกิดขึ้น สำหรับแฟนบอลชาวอังกฤษนี่คือเรื่องที่เสียเกียรติมากๆ เมื่อสโมสรที่อุตส่าห์ก่อตั้งประคบประหงมกันมาเป็นสมบัติของชาวเมืองผู้ดีแปรสภาพเป็นเครื่องมือหาเงินของปลิงควายจากดินแดนที่แทบจะไม่รู้จักกีฬาฟุตบอลแล้วความภาคภูมิใจมันจะเหลืออะไร (ทั้งๆ ที่แต่เดิมพวกผู้ถือหุ้นของสโมสรก็เอาแต่สูบเลือดจากสโมสรเหมือนกัน แถมผู้ถือหุ้นใหญ่สองคนยังเป็นพวกไอริชซะอีก ... กรรม!!)

ส่วนพวกเราสาวกทั้งหลายที่รักแมนฯ ยูฯ ด้วยหัวใจแท้ๆ ก็ต้องยึดมั่นจิตใจที่เข้มแข็งนี้เอาไว้ อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด พวกเราไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว เป้าหมายอย่างเดียวคือช่วยกันเชียร์ให้กองทัพอสูรแดงกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ในฐานะสโมสรอันดับหนึ่งของโลกอีกครั้ง ให้มันรู้ไปว่า redarmyfc for real !!

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์