ระบำดวงดาว โดย เปาผี



 บนโลกลูกหนังยุคโมเดิร์น มีนักเตะไม่กี่คนนะครับที่สามารถชวนลูกฟุตบอลออกมาเต้นระบำด้วยกันได้


 



คนนึงที่ได้รับการซูฮกทั่วหล้าคือ ซีเนดีน ซีดาน ที่มักสวมวิญญาณอาจารย์บุญเลิศ เต้นลีลาศกับลูกหนังโชว์บนฟลอร์หญ้าเสมอ 
 


อีกคนที่ว่ากันว่า มีความสามารถจะกระทำการเช่นนั้นได้คือ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
 


คุณสมบัติของนักเตะจำพวกนี้ อาจไม่จำเป็นต้องเร็วปรู๊ดปร๊าดแบบปรอท แต่ต้องมีทักษะเอกอุขึ้นหน้าขึ้นตานอกจากสิว และฝ้า 
 


เบิร์บ มีคุณสมบัติข้อนี้เต็มเปี่ยม (ไม่ใช่สิวกับฝ้านะครับ) เพียงแต่ว่า ที่ผ่านมา เขาไม่ใคร่ได้รับการยอมรับ แถมถูกกล่าวหาเสมอว่า ไม่ค่อยตั้งใจเล่นฟุตบอลเท่าไหร่  
 


บางคน ขนานนามเขาว่า อาร์ตตัวพ่อ 
 


ขณะที่บางคน อาจเติม ง. งู ต่อท้ายด้วยยามอารมณ์ขุ่นเคืองยามที่เห็นดาวยิงจอมลีลาทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ
 


คือมักปล่อยอารมณ์เป็นเครื่องชี้นำ ประมาณว่า วันไหนดีก็จะดีใจหาย แต่ถ้าวันไหนติสต์แตกก็ห่วยบรมบรรลัย 
 


นับตั้งแต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ลงทุนควบรถลีมูซีนไปอุ้มตัวจากสนามบินตัดหน้า แมนฯ ซิตี้ ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะเมื่อสองปีก่อน เบิร์บ ยังไม่สามารถระเบิดฟอร์มกระฉูดแตกสมค่าตัว 30.75 ล้านปอนด์ที่แมนฯ ยูไนเต็ด ควักให้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ได้เลยนะครับ
 


ย้อนไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เบอร์บาตอฟ ต้องใช้เวลาถึงวันรองสุดท้ายเพื่อเพิ่มสถิติประตูในลีกเป็น 12 เม็ด
 


แต่ปีนี้รูดม่านเปิดฉากได้ไม่เท่าไหร่ ดาวยิงชาวบัลแกเรี่ยนกดไปครึ่งหนึ่งของที่ทำไว้เมื่อฤดูกาลก่อนแล้ว 
 


เบอร์บาตอฟ ร้อนแรงเกินคาดในฤดูกาลนี้ ไล่ตั้งแต่แทง เชลซี ในศึก คอมมิวนิตี้ ชีลด์ ที่ เวมบลีย์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเจ็ดประตูรวมทุกรายการของเขา 
 


แต่ที่เด็ดสะระตี่สุดๆ จนจารึกชื่อเขาไว้ในพงศาวดารลูกหนังฉบับ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้คือแฮตทริกใส่ ลิเวอร์พูลในเกมแดงเดือดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กำชัยอย่างน่าตื่นเต้น 3-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 
 


มันเป็นอะไรที่มากกว่าการซัดหกประตูจากห้าเกมในลีก เพราะนี่คือการระเบิดสามเม็ดใส่อริตัวฉกาจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ สแตน เพียร์สัน ทำได้อย่างอุกอาจเมื่อ 64 ปีก่อน
 


แฮตทริกของ เบอร์บาตอฟ ประกอบด้วยลูกโขกรุนแรงปานกระสุนถึงสองเม็ด และอีกหนึ่งคือการตีลังกาเช็ดใต้คานอย่างเหมาะเหม็ง ซึ่งถ้าไม่อาร์ตพอ คุณไม่มีทางทำได้แน่นอน
 


ไม่รู้ว่า เหตุผลแท้จริงที่ยืนอยู่เบื้องหลังฟอร์มอันร้อนแรงของ เบอร์บาตอฟ คืออะไรเหมือนกันนะครับ
 


แต่ถ้าให้ผมคิดเอา ก็คงไม่แตกต่างไปจาก พอล สโคลส์ เท่าไหร่นัก 
 


ครั้งล่าสุดที่ผมเขียนคอลั่มน์ส่งบนเว็บไซต์ คือการสดุดี สโคลซี่ย์ สำหรับผลงานที่เฉียบขาดบนวัยย่างเกรียมๆ สู่ปีที่ 36 
 


ผมเชื่อว่า เขามีความ สนุก กับการเล่นฟุตบอล 
 


และถ้าดูจากทีท่าของ เบอร์บาตอฟ แล้ว ก็คงไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งอาจรวมถึงการไม่ต้องแบ่งสมาธิ และใช้ร่างกายไปกับการเล่นให้ทีมชาติเหมือนกันด้วย 
 


เบิร์บ ยิ้มยามเดินออกจากสนามโดยมีปวง แฟนผี ลุกขึ้นปรบมือพรึ่บพรั่บพร้อมเพรียง ขณะที่ราศีจับ และออร่าเปล่งประกายอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจากผู้ชายคนนี้ (สาบานได้)
 


มันเหมือนกับวันแสนมหัศจรรย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผมที่สามารถลั่นแฮตทริกใส่คู่แข่งตัวฉกาจของเรา เบอร์บาตอฟ ให้ปากคำหลังเกมจบ 
 


ทุกๆ คนในห้องแต่งตัวแฮ็ปปี้กันมาก แน่นอนว่า ผมก็ด้วย ผมกลับบ้านพร้อมกับรอยยิ้มเปื้อนหน้า ผมกลับไปบ้านเพื่อเล่นกับลูกๆ ไม่มีการเฉลิมฉลองอะไรเป็นพิเศษ มันเป็นแค่อีกวันหนึ่ง และอาทิตย์หน้า เราก็จะมีเกมให้ต้องเล่นอีก แค่นั้นเอง 
 


คิดได้แบบนี้ ผลงาน 27 ลูกจาก 58 นัดที่ได้เป็นตัวจริงให้ ยูไนเต็ด ของ เบอร์บาตอฟ คงจะดีขึ้นจนกลบเสียงวิจารณ์จากพวกปากซีฟู้ด (หอยกับปู) ได้แน่ๆ  
 


เอ... ว่าแต่ว่า การตั้งใจเล่นฟุตบอลด้วยความสนุก แล้วกลับบ้านไปเล่นกับลูกๆ นี่... ฟังดูแล้วคุ้นๆ เหมือนรูทีนชีวิตของ สโคลส์ เลยนะครับ 
 


หาก สโคลซี่ย์ จะเป็นแบบอย่างให้กับรุ่นน้องได้ มันก็คงเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง
 


บางที เวย์น รูนี่ย์ ที่เคยเฉไฉออกนอกลู่นอกทางไปจนมีปัญหากับชีวิตครอบครัว น่าจะยึดเอาการใช้ชีวิตง่ายๆ แบบนี้เป็นโมเดลบ้างนะครับ 
 


เพราะดูเหมือนว่า ผลงานของดาวยิงทีมชาติอังกฤษในศึกใหญ่ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อวันอาทิตย์ จะยังไม่ค่อยดีเด่นเท่าไรนัก นับตั้งแต่ที่มีข่าวคาวๆ ฉาวๆ กับพวกสาวๆ จนทำเอาหนาวๆ 
 


แต่แปลกแฮะ ผมเช็กกระแสข่าวหลังจบเกมที่อังกฤษ กลับไม่ค่อยมีใครพูดถึง รูน มากนัก 
 


คนที่โดนหนักกลายเป็น เฟร์นานโด ตอร์เรส ของฝั่ง ลิเวอร์พูล มากกว่า 
 


12 เดือนที่ผ่านมา ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีของดาวยิงทีมชาติสเปนเลยนะครับ จากการบาดเจ็บยาวเป็นซีรี่ส์เกาหลีเมื่อฤดูกาลก่อน กระทั่งได้เล่นในรอบรองชนะเลิศ และชิงชนะเลิศ เวิลด์ คัพ ราว 24 นาทีแล้ว 
 


แม้จะยังอุตส่าห์กะซวกตาข่ายได้ถึง 18 ลูกในลีกเมื่อซีซั่นก่อน จนเพิ่มสถิติอันน่าชื่นใจให้ตัวเองเป็นยิงได้ 57 ลูกจากการเป็นตัวจริง 73 นัดให้ ลิเวอร์พูล เหนือกว่า เบอร์บาตอฟ โคตรๆ
 


แต่เมื่อเหลือบดูสถิติการลงสนามแล้ว เราอาจไม่ต้องเลิกคิ้วสงสัยว่า ทำไม ตอร์เรส ถึงกรอบเป็นข้าวเกรียบ
 


บนวัยแค่ 26 ปี เอล นินโญ่ ลงบู๊เป็นตัวจริงไปแล้วถึง 446 เกม และเกือบทุกนัด เป็นด้วยบทบาทศูนย์หน้าตัวเป้าที่ต้องทำงานหนักหน่วงเป็นพิเศษ 
 


เทียบกับ เบอร์บาตอฟ ที่เล่นเป็นตัวจริงไป 535 นัดกับวัย 29 ขวบ หรือกับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา แห่ง เชลซี ที่พกสถิติลุยไปแล้ว 507 นัดบนวัย 32 ปี
 


ฤดูกาลนี้ ตอร์เรส ทำได้แค่เม็ดเดียวจากหกเกม และดูเหมือนจะเดินเดียวดายในแนวรุกของ ลิเวอร์พูล เมื่อไร้ เดิร์ค เค้าท์ อย่างเมื่อสุดสัปดาห์ จนเขาอาจแอบอิจฉา เบอร์บาตอฟ ที่มีตัวหนุนทางกราบอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ และ นานี่หรือบางทีเป็นฟูลแบ๊กที่เติมสูงทั้ง จอห์น โอเช และ ปาทริซ เอวร่า 
 


ไหนจะมี รูนี่ย์ คอยวิ่งเป็นหมูป่าบ้าเลือดอยู่ข้างหลังอีก
 


กระทั่ง ดาวิด เอ็นก๊อก ถูก รอย ฮอดจ์สัน ส่งมาช่วยงานอีกแรงโดยแทนที่ มักซี่ โรดริเกซ เมื่อเกมแดงเดือดขบวนล่าสุดผ่านมาถึงนาทีที่ 62 นั่นแหละ ตอร์เรส ถึงดูไม่ต้องแบกอะไรไว้บนบ่าคนเดียว 
 


พอดีกว่าครับ พื้นที่แห่งนี้มีไว้สำหรับชาว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และเราไม่ควรไปยุ่งเรื่องที่เกิดในมุ้ง แอนฟิลด์ จะงามกว่า 
 


ไม่ใช่แฟน (หงส์) ทำแทนไม่ได้หรอกเนอะ


 
เปาผี



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์