สัปดาห์ก่อนทิ้งเรื่องราวอันน่าตกใจว่าลิเวอร์พูล “ล้มบอล”
คาบเกี่ยวต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์ตัดสินแชมป์ ปรากฏว่า “กระแส” ตอบรับดีมาก และเป็น “กระแส” ที่ผมอยากบอกว่าคอบอลนอก “ส่วนใหญ่” ดูบอลด้วยหัวใจและมืออาชีพจริงๆ
มีบ้างคนสองคน...ที่น้องๆวัยรุ่นบอกกับผมว่า “เกรียน” ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร เข้าใจว่ามันคือแสลงของวัยรุ่น ซึ่งเป็นภาษาที่มีชีวิตจำกัด ในช่วงเวลาหนึ่งมันก็จะหายไป เหมือนสมัยผมเป็นวัยรุ่น “เด็กฮาร์ท” คือเด็กมีปัญหา
ตอนนี้ใครพูดคำว่า “เด็กฮาร์ท” เดาอายุได้เลยว่าขึ้น 40 ทุกคน (5555)
เข้าใจว่าพวก “เกรียน” คงเป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ เอาเป็นว่าส่วนใหญ่คอบอลที่สื่อสารกับคอลัมน์ “สนทนาภาษาเด็กหงส์” ล้วนแล้วแต่ โอเค น่ารัก ถ้าวิจารณ์ก็ติเพื่อก่อ ไม่ใช้สีข้างถู หรือต้องการเหยียบคอลัมนิสต์ให้จมดิน แล้วตัวเองจะได้ยืดอกสูงขึ้น
เอาเป็นว่าใครเข้ามาอ่านพื้นที่สัปดาห์ก่อน ขอให้รับรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ผมสะท้อนจากความจริง มันเป็นแค่ตัวอย่างของแฟนผีสองคน
หนึ่งคนเลือกมองอย่างเข้าใจลิเวอร์พูล ส่วนอีกหนึ่งคนเลือกใช้ความรู้สึกเข้ามาแทน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เป็นแค่ตัวอย่าง เพียงแต่ผมคงแสดงความรู้สึกไปนิด ที่ไปสรุปสุดท้ายเหมือนต่อว่าแฟนผี แค่อยากบอกว่า ท้ายที่สุดแล้ว
หากเราทำอะไรผิดพลาด ล้มเหลว....ปัจจัยแรกที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือ “ตัวเรา”
การแข่งขันมันเริ่มตั้งแต่ 1 ไปจนถึงนับไม่ถ้วน อย่างน้อยที่สุดเราก็แข่งกับตัวเอง ถ้าเราแพ้ตัวเอง เราจะไปชนะคนอื่นได้อย่างไร
ผมมองว่าแมนฯยูฯ แพ้ตัวเองก่อนแพ้เชลซี...เลยชวดแชมป์ บังเอิญนัดที่ 37 เป็นโปรแกรมสร้างกระแสระหว่างลิเวอร์พูลกับเชลซี บอกตามตรงผมไม่อยากเห็นแมนฯยูฯ แชมป์สมัยที่ 19 แต่ผมอยากเห็นลิเวอร์พูลถล่มเชลซีมากกว่า
ลิเวอร์พูลต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาให้ได้ แต่ดูเหมือนว่ามันก็ได้แค่ 30 นาที จากนั้นก็อีหรอบเดิม เป็นบทสรุปว่าทั้งซีซั่น ลิเวอร์พูล เล่นได้ประมาณนี้ ไม่อย่างนั้นจะแพ้เกิน 10 นัดหรือครับ
ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับแฟนเชลซีด้วยนะครับ (ยินดีมากๆ อิอิ)
อ้อ...สำหรับขาจรที่พึ่งเข้ามาพื้นที่ ขอทำความเข้าใจนิดหนึ่งว่า ผมเขียนคอลัมน์นี้เฉพาะลิเวอร์พูลเป็นหลัก เพราะอยากให้เป็นพื้นที่ระหว่างผมกับแฟนหงส์และแฟนทีมอื่นๆที่ต้องการเสวนาด้วย ดังนั้นหลายครั้ง ข้อเขียนผมออกแนว “ความรู้สึก” ด้วยเพราะผมยังมีหมวกของการเป็นแฟนบอลสวมอีกหนึ่งใบ
อย่าเข้าใจเป็นอื่นว่าผม “เปลี่ยนไป”
ดังนั้นการต่อว่า ด่าทอหงส์แบบดิบๆ อาจมีแพลมๆเข้ามาบ้าง ขอร้องอย่าว่ากันเลย ก็คนมันรักจนไม่ลืมหูลืมตานี่นา...
ผมขึ้นหัวคอลัมน์ว่า “ระวัง หงส์ปีกหัก” เป็นสัญญาณที่อยากบอกว่ามันมาอยู่ในความคิดของผมบ้างแล้ว
อยากให้แฟนหงส์และแฟนบอลทั่วไปดู กรณีศึกษาของ ลีดส์ ยูไนเต็ด, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ กระทั่งนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด.....พวกเขาประสบปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ โดยเฉพาะลีดส์ เกือบยุบสโมสรทิ้งด้วยซ้ำ หากไม่ได้ เคน เบสต์ อดีตประธานเชลซี เข้าไปบริหารและมีการดึงสปอนเซอร์มาร่วมทุน
กระนั้นก็เถอะวันนี้ ลีดส์ พึ่งกลับขึ้นมาเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ...ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปีกลับมาพรีเมียร์ลีก เช่นเดียวกันกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่เพลย์ออฟเลื่อนชั้นไม่สำเร็จยังจมอยู่ที่ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ขณะที่ นิวคาสเซิล เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวตก
นี่คือปัญหาข้างนอกสโมสรที่ส่งผลกระทบต่อผลงานในสนามฟุตบอล
เวลานี้ การบริหารจัดการเรื่องธุรกิจฟุตบอลโดย สองนักธุรกิจแยงกี้ ทอม ฮิคส์ กับ จอร์ช จิลเลตต์ ล้มเหลวสิ้นเชิง ถึงขนาดประกาศขายทีมแล้ว รอนักลงทุนรายใหม่เข้ามากอบกู้ ซึ่งไม่รู้ใครจะใจถึงขนาดนั้น หนี้สินตั้ง 300 ล้านกว่าปอนด์
บวกมูลค่าสโมสรด้วยเบ็ดเสร็จ 500 ล้านปอนด์ขึ้นหากจะซื้อลิเวอร์พูล
ดังนั้นสิ่งที่อยากบอกคือว่าทำไมเดอะ คอป ในเมืองไทยก่นดา ราฟา เบนิเตซ ขณะที่ เดอะ คอป อังกฤษกลับเลือกด่าเจ้าของสโมสร.....มากกว่าโค้ช
ผมไม่ต้องการชี้นำจุดนี้ แต่อยากบอกว่าหากลิเวอร์พูล ไม่สามารถสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในการทำธุรกิจฟุตบอลได้ในอีก 1-2 ปี รับประกันได้ว่า ลิเวอร์พูลมีโอกาสเดินตาม ลีดส์ ยูไนเต็ด, ฟอเรสต์ ตกชั้นไปยังระดับล่างแน่นอน
ลองมีหนี้สินเยอะ บริหารไม่คล่องในอีก 5-6 เดือน ดอกเบี้ยเงินกู้เดินทุกวัน ถ้าเจอการควบคุมกิจการโดยสำนักตรวจสอบบัญชีสโมสรฟุตบอลของอังกฤษ วันนั้นลิเวอร์พูลอาจโดนตัดแต้มเหมือนที่ พอร์ตสมัธโดน 10-14 แต้ม หรือมากกว่านี้
สิ่งที่เดอะ คอป ควรตั้งความคาดหวังในซีซั่นต่อไป ยังไม่ควรเป็นเป้าหมายสูงสุด ควรเข้าใจในความเป็นไปของทีม ว่านี่คือทีมถังแตก.....
ตอนนี้ลุ้นว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส, สตีเว่น เจอร์ราร์ด จะไม่โดนภาวะรัดเข็มขัดเล่นงานจนทำให้สโมสรต้องขายสองคนนี้ออกไปซึ่งคาดว่าทีมจะได้เงินเข้ามาเกิน 100 ล้านปอนด์ แน่นอน
เงินก้อนนี้ไปชำระหนี้สินที่สโมสรมีกับ ธนาคารแห่งสกอตแลนด์ ซึ่งกำหนดชำระงวดล่าสุดในวันที่ 30 มิ.ย. นี้
อา....หงส์แดงบินมาถึงทางแยก....จะไปต่อ ถอยหลับไปตั้งหลัก หรือไปทางซ้ายและขวา
บินยังไงก็ระวังอย่าให้โดนสอยร่วงเป็น หงส์ปีกหัก ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก
มันมีโอกาสเป็นไปได้ ถ้าไม่บริหารจัดการทีมให้มั่นคง ไม่ใช่ง่อนแง่น โอนเอนไปมาเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ขอบคุณเว็บ สยามกีฬา |
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
