เจ้า พาร์ค ฮะ โดย เปาผี

นี่คคือ 1 ใน ความภาคภูมิใจของชาวเอเชียครับ



คืนวันเสาร์ห้า ผมสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน และขอพรจากพระเจ้าสี่ประการ (เอาทั้งสองศาสนา) หนึ่ง ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีชัยในศึกแดงเดือด, สอง เวย์น รูนี่ย์ ยิงประตูได้อีกเรื่อยๆ, สาม เนมานย่า วิดิช อยู่บนสนามจนจบเกม และสี่ เชลซี ทำแต้มหล่นตุ้บ... สาธุ & อาเมน

 



ปรากฏว่า เมื่อวันอาทิตย์เดินทางมาถึง ผมได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้-เอ๊ย-เดี๋ยวนั้นเลยครับพี่น้อง ฮ่า ฮ่า
 


อย่างต้องไม่ลืมขอบคุณพระ และขอบคุณพระเจ้า รวมถึงขอบคุณ เจ้าด้วย
 


ไม่ใช่ทั้ง เจ้านาย เจ้าขุน หรือเจ้าสมุทร นั่นมันลูกๆ ของพี่เจเค้า และก็ไม่ใช่ เจ้ามือ ด้วย
 


จะเจ้าไหนอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่ เจ้า พาร์ค ชี-ซอง จาก เกาหลีใต้ ไงฮะ
 


นาทีนี้ น่าจะพูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วนะฮะว่า เจ้ามิดฟิลด์วัย 29 ปีรายนี้ กลายเป็นนักเตะ แบล็คเฮด ที่ประสบความสำเร็จสุดยอดคนแรกบนเวทีระดับโลกไปเรียบร้อย นับตั้งแต่ย้ายมาเมื่อปี 2005
 


พาร์ค ซึ่งเติบโตในเมืองอุตสาหกรรมเล็กๆ ชื่อ ซูวอน ถูก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กระชากตัวจาก พีเอสวี ไอน์ดโฮเฟ่น มาทำตาตี่ๆ แถวๆ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในสนนราคา 4 ล้านปอนด์ถ้วน
 


หะแรกที่เดินทางมาถึง แมนเชสเตอร์ มีคนกระแนะกระแหนว่า บ๊ะ! การเซ็นสัญญาคราวนี้ เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะช่วยให้ ยูไนเต็ด ขายเสื้อแข่งได้ฉูดกว่าเดิม และเปิดตลาดความนิยมในภูมิภาคตะวันออกไกลเท่านั้น
 


แต่เอาเข้าจริงๆ หาเป็นเช่นนั้นไม่
 


ไม่ต้องกรอความทรงจำของคุณย้อนกลับไปไกลนะฮะ
 


เอาแค่ในฤดูกาลนี้ก็พอ เจ้า พาร์ค ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้ ยูไนเต็ด ในเกมบิ๊กแม็ตช์มาตลอด
 


ไล่ตั้งแต่ทริปดับซ่าส์ อาร์เซน่อล, ศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งสองนัดกับ เอซี มิลาน, นัดชิงชนะเลิศ คาร์ลิ่ง คัพ กระทั่งศึก แดงเดือด ขบวนที่ 179
 


เจ้า พาร์ค ยังยิงประตูได้อีกด้วย ทั้งที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม, ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกมกับ มิลาน และลูกปลิดปีก หงส์แดง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
 


ลีลาการเลี้ยงบอลอาจไม่ติดเท้าเหมือน ลิโอเนล เมสซี่ หรือทะลุทะลวงจนทรวงสะเด่าเฉกเช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่คุณสมบัติข้อหนึ่งที่เจ้า พาร์ค มีนอกเหนือไปจากความสารพัดประโยชน์ และเป็นที่ถูกอกถูกใจ เฟอร์กี้อย่างยิ่งคือความทรหดอดทนฮะ
 


เฟอร์กี้ ปลื้มมากนะฮะกับฟอร์มของ พาร์ค ในเกมที่ ยูไนเต็ด เปิดบ้านขย่ม มิลาน 4-0 หลังจากที่วางหมากให้เป็นตัววิ่งป่วน อันเดรีย ปีร์โล่ และกัปตันทีมชาติเกาหลีใต้ก็จัดการจนเพลย์เมกเกอร์ทีมเยือนใบ้รับประทาน
 


เจ้า พาร์ค มีพละกำลังที่เหลือเฟือมากนะฮะ ถึงขนาดที่แฟนๆ ละแวก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เปลี่ยนชื่อเขาจาก Ji-Sung Park เป็น Three Lung Park (พาร์ค สามปอด) และเพิ่งมีคนถามเขาว่า เคล็ดลับคืออะไร?
 


ไม่ใช่น้องหมาตุ๋นโสมเหมือนอย่างที่ใครหลายคนคิดจนมีเพลงล้อว่า He shoots, he scores, he eats your labradores, he's ji sung park นะฮะ
 


แต่เจ้า พาร์ค ยิ้มเอียงอายแล้วตอบว่า บางทีอาจเป็นเพราะอาหารเกาหลีที่ผมทานอยู่กระมัง กิมจิ (ผักดองสไตล์โคเรียน) อาจเป็นแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นได้
 


เจ้า พาร์ค ยังยอมรับว่า แม้ตัวเองจะเป็นซูเปอร์สตาร์ในเกาหลีชนิดที่วงเคป๊อปทั้งหลายยังต้องหลบฉาก แต่ทุกวันนี้ ยามเดินชอปปิ้งใน แมนเชสเตอร์ กลับไม่มีใครจำได้
 


กระนั้น เชื่อผมเหอะว่า หลังจากที่ยิง ลิเวอร์พูล แล้ว คนจะต้องจำหนุ่มเอเชี่ยนผู้นี้ได้ชัวร์ๆ
 


ใครอยากอ่านเต็มๆ ก็รออ่านในนิตยสารแมนมันส์รายสัปดาห์ฉบับแรก-ฉบับเดียวแห่งสยามประเทศอย่าง ZOO เล่มใหม่ล่าสุดในสัปดาห์นี้ดูได้นะฮะ (พื้นที่โฆษณา อิอิ)
 


ที่แน่ๆ กลยุทธใหม่ของ เฟอร์กี้ ที่ให้ พาร์ค เล่นเป็นหน้าต่ำ โดยมี ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ กับ ไมเคิ่ล คาร์ริค ช่วยสนับสนุนขนาบกาย กลายเป็นหมากเด็ดของ ยูไนเต็ด ไปแล้ว
 


และด้วยหมากนี้นี่เองที่ทำให้ ยูไนเต็ด ลบฝันร้ายที่ฝังแน่นมานานตลอด 18 เดือนที่ผ่านมาจากความปราชัยติดต่อกันสามนัดรวดต่ออริตัวฉกาจอย่าง ลิเวอร์พูล
 


มันยังช่วยให้ กองกำลังของ เฟอร์กี้ ทวงบัลลังก์จ่าฝูงคืนกลับมาเป็นของตัวเองพร้อมกับขยับเข้าใกล้การเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดในอังกฤษมากที่สุด 19 สมัยโดยแซงหน้าเจ้าของเดิม ลิเวอร์พูล ที่ทำไว้ 18 สมัย
 


ฮะ, จริงอยู่ที่ว่า อาร์เซน่อล อีกหนึ่งทีมลุ้นแชมป์มีโปรแกรมไม่สาหัสสากรรจ์เท่า ยูไนเต็ด
 


แต่ถ้าหาก เร้ด อาร์มี่ สามารถกำราบ เชลซี ได้ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในอีกสี่วันหลังจบเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ บาเยิร์น มิวนิค แล้ว เด็กๆ ในคอนโทรลของ เฟอร์กูสัน ก็คงกลายเป็นทีมที่ยากจะฉุดอยู่
 


ในหนังสือโปรแกรมก่อนเกม แดงเดือด ขบวนล่าสุด มีการย้อนถึงคำพูดของ เฟอร์กี้ ซึ่งทำหล่นไว้ในวันแรกที่เข้ามารับงานใหญ่ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อปี 1986 เมื่อถูกถามว่าเป้าหมายในชีวิตบนเก้าอี้กุนซือ ยูไนเต็ด คืออะไร 
 


To knock Liverpool off their perch เฟอร์กูสัน ตอบด้วยสำเนียงสกอตติช พลางเงยหน้าทำมุมเฉียง 45 องศากับพื้นพร้อมประกายตาที่มีแสงสาดส่องเป็นประกายแวววับ
 


เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่า สเก๊าเซอร์ส ต่างชวนกันเอามือป้องปากไม่ให้ก้อนหัวเราะคำโตหลุดออกมาจากปากจนประเจิดประเจ้อ
 


แต่ ณ บัดนาว ภารกิจ เขี่ยหงส์ให้ตกจากไม้คอน ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแล้วนะฮะพี่น้องฮะ
 


และตำแหน่งแชมเปี้ยนแห่งเกาะอังกฤษประจำปี 2010 จะทำให้มันลุล่วงอย่างสมบูรณ์


 
เปาผี



 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์