คิงส์คัพ บทสรุปทีมชาติไทย






     ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 40 ซึ่งจัดขึ้นที่ “เมืองย่าโม” นครราชสีมา ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้จะเป็นทัวร์นาเมนต์ 4 เส้า แต่คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า นี่คือฟุตบอลรายการที่เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง ได้รับความสนใจจากคอบอลทั่วประเทศ หากใครรื้อประวัติจะทราบว่า นี่คือฟุตบอลถ้วยรายการเก่าแก่มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของทวีปเลยทีเดียว

     เช่นเดียวกันในปีนี้ “ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ” ถูกจัดขึ่นเป็นครั้งที่ 40 ทีมชาติไทย ส่งเทียบเชิญ เดนมาร์ก, โปแลนด์ และ สิงค์โปร์ มาร่วมโม่แข้ง เพื่อชิงความเป็นหนึ่งในถ้วยแห่งศักดิ์ศรี ที่ผ่านมาทีมชาติไทยในฐานะเจ้าภาพคว้าแชมป์ในรายการ คิงส์ คัพ มาแล้วถึง 11 สมัยซึ่งถือว่ามากสุดในบรรดาหลายชาติที่เคยเข้าร่วมแข่งขัน และในครั้งนี้ แฟนบอลหลายคนก็อยากเห็นขุนพลแข้งทีมชาติไทยชูถ้วย คว้าแชมป์มาครองอีกครั้ง

     ทีมชาติไทย ลงประเดิมสนามนัดแรกพบกับ สิงคโปร์ ทีมรวมนานาชาติ เพื่อนบ้านละแวกอาเซียน ที่ต้องบอกว่าคุ้นเคยฝีเท้ากันเป็นอย่างดี ตลอดเกมหลายคนที่นั่งเชียร์คงมีความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกัน ทั้งที่สนาม เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัด นครราชสีมา สังเวียนแข้งที่จัดแข่งรวมทั้งหน้าจอทีวี...เกมนี้ทีมไทยเสียเปรียบเรื่อง ตัวผู้เล่น เมื่อ “เจ้าซอ” ธีรเทพ โดน 2 ใบเหลืองไล่ออกจากสนาม แต่เสียงเฮก็มาดังลั่นช่วงครึ่งหลัง นาทีที่ 59 เป็นหนึงประตูที่ต้องยกนิ้วให้ “เจ้าเบิร์ท” สุธี สุขสมกิจ กับฟรีคิกสุดเฉียบ ที่ซัดด้วยอีซ้ายอย่างแม่นฉมัง ส่งบอลกองก้นตาข่าย อันที่จริงแล้วเราน่าจะได้ประตูที่ 2 จากจังหวะลูกจุดโทษ ทว่า “เจ้าเบิร์ท” คนทำประตูแรกซัดอย่าง มั่นใจ ไปติดเซฟผู้รักษาประตูฝั่งตรงข้าม “น้าเทิด” เทิดศักดิ์ ใจมั่น ซ้ำอีกครั้ง อย่างมั่นใจ ก็ยังไม่วายโดนเซฟอีก ถ้าสกอร์เท่ากันอยู่แฟนๆ คงเซ็งจิตกันเป็นแถว แม้จะไม่ชนะด้วยสกอร์ถล่มทลาย มองในแง่ดี...เอาน่า 3 คะแนนเหมือนกัน!!






 






 






 






 






     บททดสอบหนักขึ้นในเกมที่ 2 ทีมชาติไทย ต้องลงสนามพบ โปแลนด์ แน่นอนว่าเราเสียเปรียบอย่างมากในเรื่องของแรงปะทะ ความแข็งแกร่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างหรือสาเหตุที่จะมาพูดถึงเป็นข้อแก้ตัวหรืออะไรก็แล้ว แต่ ทีมชาติไทย แพ้ไปด้วยสกอร์ 1:3 หากมองย้อนกลับที่ผ่านมาทีมเกรดระดับ โปแลนด์ เราก็สู้ได้ไม่เป็นรองนัก คำถามคือ เกิดอะไรขึ้น เราย่ำอยู่กับที่ เขาพัฒนาขึ้น หรือ เราแย่ลง? ซ้ำร้ายคือนั่นไม่ใช่ทีมชุดใหญ่!! มาถึงตอนนี้แฟนบอลรับสภาพ ความหวังที่จะเห็น ทีมไทย ชูถ้วย ยาก! เพราะผลการแข่งขันอีกคู่ เดนมาร์ก ซึ่งจะพบกับเรานัดสุดท้ายต้อนเอาชนะ สิงคโปร์ ขาดลอย 1:5

     นัดสุดท้าย ทีมชาติไทย ลงสนามพบ เดนมาร์ก ความรู้สึกเดิมๆ ของแฟนบอลเกิดขึ้น 1:0, 2:0 และ 3:0 ทีมชาติแพ้ไปในที่สุด ขณะที่เดนมาร์ก เข้าป้ายในฐานะแชมป์ เท่ากับว่า ตลอดทัวร์นาเมนต์ เราทำได้เพียง 2 ประตู ซึ่งทั้ง 2 มาจากลูกเซ็ตพีช เสียไปถึง 6 ประตู เป็นสถิติที่ดูไม่โสภานัก ได้อันดับ 3 จากการลงสนาม 3 นัดชนะ 1 แพ้ 2 ซึ่งชัยชนะที่ว่าก็คือเกมกับ เพื่อนบ้านย่านอาเซียน สิงค์โปร์ นั่นเอง

     ความคาดหวังของแฟนบอลคืออยากเห็นทีมที่รัก ทีมที่เชียร์คว้าชัยชนะในแต่ละเกมที่ลงแข่งขัน คอบอลบ้านเราก็เช่นกัน ถึง ณ เวลานี้ สภาพความเป็นจริงที่ว่า ศรัทธาในฟุตบอลไทย “ถดถอย” ดูเหมือนมันจะยิ่งชัดขึ้น ในความคิดของใครหลายๆคน แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนอีกกลุ่มที่พร้อมจะตะโกน ไทยแลนด์ สู้ สู้ ๆๆ แม้วันนั้น เราจะไม่ใช่ผู้ชนะ “บอลไทย ไปบอลโลก” ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หรือ ห่างไกล จากความเป็นจริง หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง พัฒนาอย่างเป็นระบบ ด้วยรากฐานที่มั่นคง ชาติอย่าง “ญี่ปุ่น” อดีตซึ่งเป็นลูกไล่ในเชิงลูกหนังของไทยมาโดยตลอด วันนี้ด้วยการจัดการที่ดี เขาสามารถมองเป้าชัดเจนผลักดันทีมก้าวสู่เวทีลูกหนังระดับโลก เราจะทำเช่นนั้นบ้าง ไม่ได้เชียวหรือ? เชื่อเหลือเกินว่ายังมีแฟนบอลอีกจำนวนมากที่พร้อมจะเชียร์ด้วยใจ อาจมีบ้างที่ “เซ็ง” กับผลงานพักหลังของทีมชาติไทย แต่นั่นล่ะคือข้อดีที่จี้ได้ถูกจุดให้ทุกฝ่ายหันมามองกับสภาพความเป็นจริง ที่เกิด

     3 มีนาคม ที่จะถึงนี้ เป็นอีกครั้งที่แฟนๆ จะต้องช่วยกันส่งแรงใจเชียร์ ทีมชาติไทยจะต้องบินลัดฟ้าแข่งขันในฟุตบอลรายการ เอเชี่ยนคัพ 2011 รอบคัดเลือกนัดสุดท้าย ซึ่งเป็นนัดตัดสิน กับ อิหร่าน ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะผ่านเข้ารอบในรายการนี้...จะด่า จะเบื่อ จะเซ็ง ยังไงซะก็อย่าลืม ส่งแรงใจเชียร์ “ไทยแลนด์ สู้ สู้ๆ” ไม่เชียร์ไทยจะเชียร์ใคร เพราะนั่นคือทีมของเรา!!!




ตาปี






 






 






 






 






 






 






 






 



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์