รอดตัว!โอเว่นแฮตทริกพาผีตบหมาป่า 3-1 แชมป์กลุ่ม

รอดตัว!โอเว่นแฮตทริกพาผีตบหมาป่า 3-1 แชมป์กลุ่ม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและแผงกองหลังพิการเอาตัวรอดจากโวล์คสวาเก้น อารีน่าได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อถูกขึมเกมรุกและโอกาสจบสกอร์น้อยกว่าชัดเจนแต่สุดท้ายมาได้แฮตทริกจากไมเคิ่ล โอเว่นทำให้ ปีศาจแดง ย้ำแค้นโวล์ฟสบวร์กด้วยชัยชนะ 3-1 และมีเพิ่มเป็น 13 คะแนนคว้าแชมป์กลุ่มอย่างเด็ดขาด ส่วน หมาป่า ตามเข้าไปหงอยๆด้วยการเป็นอันดับสอง

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม 2552


เฟาเอฟแอล โวล์ฟสบวร์ก 1-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ประตู : 0-1 ไมเคิ่ล โอเว่น น.44 , 1-1 เอดิน เซโก้ น.56 , 1-2 ไมเคิ่ล โอเว่น น.83 , 1-3 ไมเคิ่ล โอเว่น น.90+1


ลูกกิลล์สำรอง-เซ็นเตอร์คาร์ริค-เฟล็ตช์-พาร์คแบ็กขวา
ทีมชีตที่รอคอยว่าคืนนี้ คู่เซ็นเตอร์ จะเป็นใครเฉลยในที่สุดโดยไมเคิ่ล คาร์ริคยืนแน่นอนหนึ่งแต่คู่แท้กลับพลิกโผเป็นดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ โดยมีพาร์ค ชี ซองยืนเป็นแบ็กขวา

ด้านดาร์รอน กิ๊บสัน มิดฟิลด์กิ๊บซี่ยังยืนคุมแผงกลางคู่กับสโคลส์เหมือนเดิมโดยมีกองหน้าเป็นไมเคิ่ล โอเว่นจับคู่กับแดนนี่ เวลเบ็ค

ครึ่งแรก

เกมผ่านมา 10 นาทีแรกโวล์ฟสบวร์กเองก็ยังไม่ได้เน้นบุกเท่าไหร่แม้จะมีเงื่อนไขคือต้องชนะเพื่อแชมป์กลุ่มก็ตามแต่ประเด็นคือแบ็กจำเป็นอย่างพาร์ค ชี ซองขึ้นสูงจนน่ากลัวว่าจะลงไม่ทันหากเจอปีกอย่างเกนท์เนอร์หรือกองหน้าตัวโหดอย่างกราฟิเต้เล่นงาน

นาทีที่ 13 ฮาซาเบ้ปีกเจ้าบ้านหลุดเข้าไปในเขตโทษด้านซ้ายแต่โดนคาร์ริคเสียบแซะในเขตโทษดูแล้วก้ำกึ่งให้ได้เลยทีเดียวแต่กรรมการชี้เป็นลูกเตะมุมเล่นเอาฮาซาเบ้โวยใหญ่

กิ๊บซี่ได้ส่องแต่หลุดกรอบ
โอกาสลุ้นครั้งแรกของยูไนเต้ดต้องรอถึงนาทีที่ 16 เมื่อกิ๊บสันทำชิ่ง 1-2 กับโอเว่นจากกลางสนามก่อนได้หลุดไปสับไกด้วยขวาแต่บอลไม่เข้ากรอบ

เกือบแล้ว!บาร์ซาญี่โหม่งโล่งๆข้ามคาน
สิ่งหนึ่งที่เหล่ากองหลังสมัครเล่นของยูไนเต็ดทำได้ไม่เท่าเซ็นเตอร์อาชีพแน่นอนคือการเข้าประกบตัว นาทีที่ 17 โวล์ฟสบวร์กได้เตะมุมเข้ามาโดยเกนท์เนอร์ก่อนที่บาร์ซาญี่เซนเตอร์ที่ไร้ตัวประกบจะได้พุ่งโขกเผาขนโล่งๆแต่ข้ามคานไปแต่เรียกว่าถ้าเป็นหลังที่เขี้ยวกว่านี้เสร็จชัวร์

กิ๊บซี่ลองอีกที
สงสัยจะติดใจเพราะยิงเข้ามาหลายนัด นาทีที่ 20 ยูไนเต็ดได้ฟรีคิกแถบกลางสนามและเป็นสโคลส์ที่จ่ายสั้นให้อันแดร์สันแทงทะลุให้กิ๊บสันทะลุไปกดด้วยซ้ายแต่ก็ยังเหินข้ามคานอีก

ผีจะรอดไปอีกกี่น้ำ?
กองหลังทีมเยือนยิ่งดูยิ่งน่าเป็นห่วงเมื่อโวล์ฟสบวร์กยังใช้การโยนจากกราบขวาเจาะจุดอ่อนอย่างต่อเนื่องและคราวนี้เฟล็ตเชอร์ไม่ได้มองมิซิโมวิชที่แลบมาด้านหลังเลยปล่อยให้เขาโหม่งโล่งๆแต่บอลก็ยังข้ามคานออกไป

เจ้าบ้านยังได้โอกาสต่อเนื่องนาทีที่ 26 พวกเขาได้วางบอลยาวเข้ามาก่อนที่เซโก้จะดึงบอลลงอย่างสวยและแตะเข้าในผ่านพาร์คไปได้แล้วแต่ยิงหลุดกรอบออกไปเอง

ต้องบอกว่านานี่ฝีเท้าดีแต่ยังขาดวิสัยทัศน์ในการเล่นเหมือนเดิม นาทีที่ 28 เขาใช้ความเร็วตัดบอลมาจากเกนท์เนอร์ก่อนแตะหลบอีกคนแล้วลากตะลุยเข้ามาทางด้านซ้ายแล้วโอเว่นยืนว่างๆอยู่ข้างหน้าโบกไม้โบกมือขอบอลแล้วแต่ปีกดาวดับโปรตุกีสดันห่วงเลี้ยงจนโดนแย่งไปเล่นเอาโอเว่นแอบเซ็งเล็กน้อย

เวลเบ็คยิงเข้าแต่ไม่ได้
ครึ่งชั่วโมงผ่านเป็นยูไนเต็ดที่ส่งบอลเข้าไปสู่ก้นตาข่ายก่อนแต่ไม่ได้ประตูเมื่ออันแดร์สันจ่ายทะลุช่องเข้าเขตโทษเหมาะเหม็งให้เวลเบ็ควางเท้าแปเน้นๆเข้าไปแต่ไม่ได้ประตูเพราะล้ำหน้าไปนิดเดียวเท่านั้น

ผ่านมาถึงนาทีที่ 36 ยูไนเต็ดเก็บบอลในแดนกลางไว้ได้หมดเหลือแต่จังหวะที่ต้องจ่ายเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายที่ยังไม่เข้าเป้า และนาทีถัดมาโอเว่นก็ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนคืนหลังสั้นๆให้เวลเบ็ควิ่งเข้ายิงแต่ก็หลุดกรอบอีก

นาทีที่ 40 เกือบมีฮาเมื่อเบนาลิโอนายด่านเจ้าบ้านวิ่งออกมานอกกรอบเขตโทษเพื่อเคลียร์บอลทิ้งแต่ดันเตะไม่ขาดบอลไปเข้าทางนานี่แต่ดีที่ปีกโปรตุกีสยิงไม่ตรงเป้าไม่งั้นได้ปิดซอยโม้ไปสามปีแน่

แต่ผ่านมาอีกนาทีโวล์ฟสบวร์กเอาคืนทันควันคราวนี้มิซิโมวิชได้บอลในระยะอันตรายแล้วบรรจงปั่นโค้งด้วยขวาแต่บอลก็ข้ามคานออกไป

จนได้!เว่นโขกพาผีนำ 1-0
โวล์ฟสบวร์กมีโอกาสมากมายแต่ทำไม่ได้เองสุดท้ายโดนลงโทษในนาทีที่ 44 เมื่อสโคลส์ได้บอลที่ระยะประมาณ 30 กว่าหลาก่อนป้อนออกซ้ายที่นานี่ก่อนที่ปีกโปรตุกีสจะแต่งเข้าขวาแล้วโยนเข้าเขตโทษให้โอเว่นเทคตัวโขกโล่งๆโดยที่เชเฟอร์หลังเจ้าถิ่นรับผิดกันไปเพราะเข้าประกบไม่ทัน

จบครึ่งแรกเป็นทีมเยือนแมนฯยูไนเต็ดที่นำอยู่ 1-0 และจากสถานการณ์ตอนนี้ หมาป่า จำเป็นต้องยิง 2 ลูกคืนเพื่อที่จะชนะ 2-1 ถึงจะได้เป็นแชมป์กลุ่มเพราะถึงแม้เฮดทูเฮดจะเท่ากัน(นัดแรกยูไนเต็ดชนะที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 2-1) แต่ประตูได้เสียของโวล์ฟสบวร์กดีกว่า

ครึ่งหลัง

ช่วงพักครึ่งนักข่าวสกายรายงานว่าเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันให้สัมภาษณ์กับทางทีวีบอกว่าในครึ่งแรกทีมของเขาละเลยเรื่องเปอร์เซนต์การครองบอลมากเกินไปซึ่งอาจส่งผลให้เกิดผลเสียตามมาในครึ่งหลังได้

เรื่องหลุดตำแหน่งไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยเมื่อเฟล็ตเชอร์ชอบพาตัวเองออกริมเส้นไปเล่นเป็นแบ็กบ่อยๆทำให้เอวร่าต้องคอยมายืนซ้อนในตำแหน่งเซ็นเตอร์อยู่เสมอๆ

ไม่ยอม!เซโก้โขกเหน่งตีเสมอให้หมาป่า
และแล้วกองหลังชุดอาสาพัฒนาของแมนฯยูไนเต็ดก็มาโดนดีจนได้ในนาทีที่ 56 เมื่อชาเฟอร์ทำชิ่งกับเกนท์เนอร์ก่อนเติมขึ้นมาทางด้านซ้ายแล้วโยนบอมบ์เข้าไปก่อนที่คาร์ริคจะกะจังหวะโขกบอลพลาดเป็นวาและที่สำคัญไม่มีใครเข้าประกบเซโก้ที่ได้โขกโล่งๆไม่ถึง 3 หลาเข้าไปง่ายๆ โวล์ฟสบวร์กตีเสมอเป็น 1-1

ผ่านมาครึ่งชั่วโมงกว่าๆโวล์ฟสบวร์กยังต่อบอลเขย่าขวัญยูไนเต็ดชนิดขึงเกมรุกและอย่างที่เรียนไปทีแรกคือถ้าโดนเป็น 2-1 เมื่อไหร่งานเข้าทันทีเพราะจะหล่นไปเป็นอันดับ 2 ด้วยประตูได้เสียที่เป็นรอง

เซโก้เกือบทำแสบอีก
ยูไนเต็ดยังจวนเจียนจะเสียลูกสองหลายครั้ง นาทีที่ 75 เซโก้รับบอลยาวจากแผงหลังขึ้นมาแล้วสปีดหนีพาร์ควิ่งเข้าไปวอลเลย์ด้วยซ้ายแต่คุสชัคทุบออกไปได้สวย

นาทีถัดมาจากลูกเตะมุมเจ้าบ้านเล่นสั้นก่อนหาจังหวะโยนเข้ามาให้คอสต้าได้โขกแต่หลุดกรอบ

ตอนนี้ขุนพลอสูรให้โอแบร์กตองตัวสำรองยืนเป็นปีกซ้ายและวาเลนเซียตัวสำรองอีกคนยืนเป็นปีกขวา ใช้ความสดคอยขู่แบ็กสองข้างของทางโวล์ฟสบวร์ก

เวลางวดเข้าไปเรื่อยๆและยังเป็นโวล์ฟสบวร์กที่ขึงเกมใส่ยูไนเต็ดตลอดและนาทีที่ 81 มิซิโมวิชวางบอลจากหน้ากรอบเขตโทษให้เซโก้วิ่งเข้าไปโขกแต่บอลก็ไม่ตรงกรอบ

แชมป์กลุ่มชัวร์!โอบี้โคตรเจ๋งโชว์เบสิกถวายพานโอเว่น
ยูไนเต็ดจบสกอร์ได้คมกว่าจริงๆและก็มาได้ประตูนำอีกครั้งในนาทีที่ 83 เมื่อโอแบร์กตองได้บอลทางปีกซ้ายแล้วลากตะลุยเข้าไปในเขตโทษล็อกหลบรีเธอร์แล้วพลิกหลบคอสต้าจนแทบหงายหลังก่อนตบเข้ากลางให้โอเว่นวางเท้าแปโล่งๆไม่เหลือ ยูไนเต็ดนำแล้ว 2-1 และคว้าแชมป์กลุ่มอย่างเด็ดขาดแล้วเพราะเฮดทูเฮดเหนือกว่าขาดลอย

นาทีถัดมาโวล์ฟสบวร์กพยายามเอาคืนเป็นเกนท์เนอร์ได้ยิงนอกกรอบแต่ก็เข้ามือคุสชัค

ปีศาจแดง มาย้ำชัยอย่างเด็ดขาดในนาที 91 เมื่อทางโวล์ฟสบวร์กขึ้นไปบุกทั้งทีมแต่โดนสวนกลับก่อนที่โอแบร์กตองจะจ่ายให้โอเว่นแตะยาวเข้าเขตโทษและชิพข้ามตัวเบนาลิโออย่างเหนือชั้น

หมดเวลาแมนฯยูไนเต็ดเอาชนะไปได้ 3-1 เป็นแชมป์กลุ่มอย่างไร้ปัญหา



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

โวล์ฟสบวร์ก : ดิเอโก้ เบนาลิโอ , อันเดรีย บาร์ซาญี่ , ริคาร์โด้ คอสต้า , มาร์เซล ชาเฟอร์ , ชัชช่า รีเธอร์ , โจซู , ซเวซดาน มิซิโมวิช , คริสเตียน เกนท์เนอร์ , มาโคโตะ ฮาเซเบ้(คาริม ซิยานี่ น.71) , กราฟิเต้(อาซคาน เดยัค น.71) , เอดิน เซโก้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : โทมัส คุสชัค , พาร์ค ชี ซอง , ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ , ไมเคิ่ล คาร์ริค , ปาทริซ เอวร่า , นานี่(กาเบรียล โอแบร์กตอง น.73) , อันแดร์สัน , พอล สโคลส์ , ดาร์รอน กิ๊บสัน , แดนนี่ เวลเบ็ค(หลุยส์ อันโตนิโอ วาเลนเซีย น.73) , ไมเคิ่ล โอเว่น












_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck #####

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์