ยุคใหม่ผีแดงแมนฯยู ลุ้นเหนื่อยป้องกันแชมป์
คอลัมน์ ซอคเกอร์
 |
แมนฯยูก่อตั้งโดยกลุ่มพนักงานกรรมกรในเหมืองแร่ถ่านหินในเมืองแมนเชสเตอร์ ในปี 1878 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1902 อีก 6 ปีต่อมาก็คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 มาครอง และตามมาด้วยแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 1909 และกลับมาเป็นแชมป์ลีกอีกครั้งในปี 1911
ยุครุ่งเรืองของแมนฯยู เกิดขึ้นเมื่อ แม็ตต์ บัสบี้ ก้าวเข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมในปี 1945 และพาทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้ถึง 3 สมัย ในปี 1952, 1956 และ 1957 และยังเป็นทีมอังกฤษทีมแรกที่เข้าร่วมศึกยูโรเปี้ยน คัพ และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในปี 1958 แต่เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นเสียก่อน เมื่อเครื่องบินที่บรรทุกนักเตะและทีมงานของสโมสร ที่กลับจากการไปแข่งขันยูโรเปี้ยน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศกับทีมเรดสตาร์ เบลเกรด ซึ่ง ผีแดง สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแล้วได้ประสบอุบัติเหตุที่สนามบินในเมืองมิ วนิก หลังจากแวะพักเครื่องบินที่เมืองมิวนิก ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เหตุการณ์ครั้งนั้นได้คร่าชีวิตนักเตะของทีมไปถึง 8 คน รวมถึงทีมงานสต๊าฟโค้ชและผู้โดยสารคนอื่นอีก 15 คน รวมเป็น 23 คน
แต่อีก 10 ปีต่อมา เซอร์แม็ตต์ บัสบี้ ก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ในปี 1968 และก่อนหน้านั้นยังได้แชมป์ดิวิชั่น 1 ในปี 1965 และ 1967 และอำลาตำแหน่งในปี 1969 ต่อมา เป็นหนึ่งในกุนซือที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล
หลังจากสิ้นยุคของเซอร์แม็ตต์ แมนฯยูไม่ประสบความสำเร็จเหมือนที่เคยเป็นมา และไม่เคยสัมผัสแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอีกเลย ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่ออเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก้าวเข้ามาคุมทีมในปี 1968 ในระยะแรกของการคุมทีม เฟอร์กี้ ประสบความยากลำบาก และเกือบต้องกระเด็นจากตำแหน่ง แต่การพาทีมคว้าแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1991 ช่วยให้สามารถอยู่ในเก้าอี้ได้ต่อไป
ปี 1992 เฟอร์กี้ เซ็นสัญญาคว้าตัว เอริก คันโตน่า มาจากลีดส์ ด้วยค่าตัว 1.2 ล้านปอนด์ และเป็น ก็องโต้ นี่เองที่กลายเป็นเพลย์เมกเกอร์คนสำคัญช่วยให้ ผีแดง คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองในฤดูกาล 1992-1993 หลังจากรอคอยมานานกว่า 26 ปี
หลังจากความสำเร็จหลั่งไหลมาไม่หยุดหย่อน แทบจะผูกขาดแชมป์พรีเมียร์ชิพ รวมทั้งสร้างสตาร์ประดับวงการมากมายไม่ว่าจะเป็น ไรอัน กิ๊กส์, เดวิด เบ๊กแฮม, พอล สโคลส์, นิกกี้ บัตต์ รวมถึงการทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 1999 ซึ่งหนึ่งในนั้นคือแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่แฟนบอล ผีแดง รอคอยมานาน และมาหยิบตำแหน่งแชมป์ เจ้ายุโรป อีกครั้งในปี 2008
ในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง ผีแดง ต้องสูญเสียทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาร์ลอส เตเบซ ออกจากทีม แต่ดูเหมือนว่า เฟอร์กี้ ยังเชื่อมั่นว่าขุมกำลังที่มีอยู่จะสามารถหยิบแชมป์พรีเมียร์ชิพไว้ได้อีก สมัย
จริงหรือไม่ โปรดติดตาม
โปรแกรมพรีเมียร์ชิพของแมนฯยู
ส.ค.
16 เบอร์มิงแฮม (เหย้า)
19 เบิร์นลีย์ (เยือน)
22 วีแกน (เยือน)
29 อาร์เซนอล (เหย้า)
ก.ย.
12 สเปอร์ (เยือน)
20 แมนฯซิตี้ (เหย้า)
26 สโต๊ก ซิตี้ (เยือน)
ต.ค.
3 ซันเดอร์แลนด์ (เหย้า)
17 โบลตั้น (เหย้า)
25 ลิเวอร์พูล (เยือน)
31 แบล๊กเบิร์น (เหย้า)
พ.ย.
8 เชลซี (เยือน)
21 เอฟเวอร์ตั้น (เหย้า)
28 ปอร์ตสมัธ (เยือน)
ธ.ค.
5 เวสต์แฮม (เยือน)
12 วิลล่า (เหย้า)
15 วูล์ฟส์ (เหย้า)
19 ฟูแล่ม (เยือน)
26 ฮัลล์ (เยือน)
28 วีแกน (เหย้า)
ม.ค.
9 เบอร์มิงแฮม (เยือน)
16 เบิร์นลีย์ (เหย้า)
26 ฮัลล์ (เหย้า)
30 อาร์เซนอล (เยือน)
ก.พ.
6 ปอร์ตสมัธ (เหย้า)
10 วิลล่า (เยือน)
20 เอฟเวอร์ตั้น (เยือน)
27 เวสต์แฮม (เหย้า)
มี.ค.
6 วูล์ฟส์ (เยือน)
13 ฟูแล่ม (เหย้า)
20 ลิเวอร์พูล (เหย้า)
27 โบลตั้น (เยือน)
เม.ย.
3 เชลซี (เหย้า)
10 แบล๊กเบิร์น (เยือน)
17 แมนฯซิตี้ (เยือน)
24 สเปอร์ (เหย้า)
พ.ค.
1 ซันเดอร์แลนด์ (เยือน)
9 สโต๊ก (เหย้า)
โดย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
