เจ็บโคตร!กูรูผู้ดีด่าราฟาถ้านู่น..ถ้านี่..ถ้านั่น

เจ็บโคตร!กูรูผู้ดีด่าราฟาถ้านู่น..ถ้านี่..ถ้านั่น

เหล่าองค์รักษ์พิทักษ์หงส์แดงลิเวอร์พูลเต้นเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวกหลังกูรูผู้ดีสุดทนออกมาด่าราฟาเอล เบนิเตซที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และโทษตัวเองนอกจากอ้างถ้านู่นถ้านี่จนเหมือนคนไร้สมอง


หลังรู้ตัวว่าเสียแชมป์พรีเมียร์ลีกให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทางเอลบอสออกมาให้สัมภาษณ์เหมือนคนไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่ว่าหากเฟร์นานโด ตอร์เรสและสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดไม่เจ็บทีมของเขาน่าจะได้แชมป์หรือถ้าลูกทีมไม่เสมอในบ้านมากเกินไปก็น่าจะเข้าป้ายคว้าแชมป์รวมไปถึงการเหน็บปิศาจแดงอยู่ที่หนึ่งก็ใช่ว่าจะดีกว่าลิเวอร์พูล 
 
ล่าสุดเดส เคลลี่นักคอลัมนิสต์ชื่อดังของเดลี่เมล ,กูรูของบีบีซีและยังเป็นที่ปรึกษาของบริษัท PR รวมไปถึง ผู้อำนวยการบริษัทอินเตอร์เน็ตอย่าง Fast Web Media ออกมาด่าเบนิเตซแบบเจาะจงโดยเฉพาะหลังทนกับพฤติกรรมมานาน


ถ้าโอเล่ กุนนาร์ โซลชาดีดโดนบอลด้วยเท้าขวาแล้วบอลข้ามคานในเกมพบบาเยิร์น มิวนิคในช่วงทดเจ็บล่ะ?


ถ้าลีดส์ ยูไนเต็ดปฏิเสธไม่ขายเอริค คันโตน่าในวันตัดสินชะตากรรมในเดือนพฤศจิกายนปี 1992 ล่ะ?


ถ้ามาร์ค โรบินส์ไม่สามารถเซฟเก้าอี้ผู้จัดการทีมเขาด้วยการยิงประตูในเอฟเอ คัพรอบ 3 กับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์เมื่อ 19 ปีก่อนได้ล่ะ?


คำตอบในแต่ละกรณีนั้นก็คือคงไม่มีเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันในวันนี้ที่ซิวแชมป์พรีเมียร์ลีกและรอชิงแชมเปี้ยนส์ลีกที่โรม


ชีวิตคนเรามันเต็มไปด้วยแล้วถ้า...? ทุกๆคนสามารถเขียนประวัติศาสตร์ให้ออกมาอีกอย่างหากมีคำว่าถ้า


เบนิเตซอ้างว่าเขาน่าจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเหนือยูไนเต็ดหากสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดและเฟร์นานโด ตอร์เรสฟิตในหลายๆเกมฤดูกาลนี้


เขาเถียงว่านี้คือเหตุผลจริงๆที่ลิเวอร์พูลต้องรั้งอันดับสอง มันเป็นความคิดที่ผิด จริงอยู่ที่การเสียทั้งคู่ส่งผลเสียหายชัดเจนในฤดูกาลนี้


แต่แล้วไง? ด้วยตรรกะแบบนั้น,ป้าผมก็น่าจะเป็นลุงผมหากเธอเกิดมาด้วยองคชาติอีกอันนึงงั้นล่ะสิ(But so what? By that logic, my aunt would have been my uncle had she been born with a different set of genitalia.)


เหมือนผู้จัดการทีมทั่วไป,เบนิเตซออกมาอ้างถึงทฤษฏีพวกนี้หันเหความสนใจจากความบกพร่องของตัวเอง,หาข้อแก้ตัว


ผู้จัดการทีมทุกคนก็มีปัญหานักเตะเจ็บด้วยกันทั้งนั้น แทนคำถามที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเจอร์ราร์ดและตอร์เรสฟิต,เบนิเตซน่าจะหาคำถามอื่นๆแม้ว่าผมเดาเอาว่าเขาคงจะไม่อยากตอบก็ตาม


คำถามอย่างเช่น : จะเกิดอะไรขึ้นหากเขากล้าและเล่นฟุตบอลโพสิทิฟให้มากกว่านี้ตอนที่ลิเวอร์พูลนำโด่งเป็นจ่าฝูงและยูไนเต็ดต้องเดินทางไปเตะที่ญี่ปุ่น?


แล้วถ้าพวกเขาไม่เสมอ 11 เกมแล้วปล่อยให้ยูไนเต็ดกลับกลับเป็นผู้นำล่ะ?


ถ้าพวกเขาใช้งานร็อบบี้ คีนให้มันเป็นเรื่องเป็นราวในช่วงที่ตอร์เรสเจ็บแทนที่จะขายทิ้งล่ะ?


แล้วถ้าพวกเขาทำนิ่งไม่ไปเปิดสงครามน้ำลายกับเฟอร์กูสันล่ะ?


แล้วถ้าเขาใช้พวกนักเตะตัวหลักลงสนามให้บ่อยกว่านี้แทนที่จะจับนั่งสำรองล่ะ?


แล้วถ้าเขาฉลาดซื้อกว่านี้และรวบรวมกองทัพให้มันดีกว่านี้เพื่อการต่อสู้ในฤดูกาลอันยาวนานล่ะ?


ผมมองว่าคู่อริของเขาสามารถถามคำถามที่ตรงกับปัญหานี้กับเขาได้ง่ายๆเลยล่ะ


แล้วถ้าเกิดยูไนเต็ดเปิดซีซั่นด้วยคริสติอาโน่ โรนัลโด้และเวย์น รูนีย์ที่ฟิตเต็มถึงล่ะ การลุ้นแชมป์จะลากยาวถึงปลายฤดูกาลเร๊อะ?


แล้วถ้าโอเว่น ฮาร์กรีฟส์ไม่เจ็บแล้ววิ่งไล่หวดในแดนกลางล่ะ? แล้วถ้านักเตะลิเวอร์พูลหลายๆคนต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเองเหมือนที่จอนนี่ อีแวนส์,ดาร์เรน เฟลทเชอร์และปาร์ค จี ซองโผล่มาช่วยทีมบ้างล่ะ? 
 
แล้วถ้ากุส ฮิดดิงค์เป็นผู้จัดการทีมเชลซีตั้งแต่เริ่มซีซั่นบ้างล่ะ? แล้วถ้ามิกาเอล เอสเซียงฟิตตลอดทั้งฤดูกาลล่ะ? เบนิเตซไม่ร่วงจากอันดับสองหรอกหรือ?


แล้วถ้าอาร์เซนอลไม่เสียวิลเลี่ยม กัลลาส์,โทมัส โรซิคกี้,เอดูอาร์โด้,กาเอล คลิชี่,โรบิน ฟาน เพอร์ซี่,เชสก์ ฟาเบรกัส,ธีโอ วัลค็อตต์และคนอื่นๆในหลายๆช่วงของฤดูกาลล่ะ,คุณคิดว่ามันจะต่างจากที่เราเห็นไหมล่ะ?


ที่เบนิเตซแย้งขึ้นมานั้นโคตรเด็กเลย ยูไนเต็ดหายหน้าหายตาไปเตะที่เอเชียเพื่อเตะสโมสรโลกและลิเวอร์พูลไม่ได้ฉวยความได้เปรียบที่ว่านั้นไว้เลย


แล้วจำใส่กระโหลกไว้ด้วยว่ายูไนเต็ดถ่อสังขารเข้าถึงรอบชิงคาร์ลิ่ง คัพและรอบรองเอฟเอ คัพ พวกเขาไม่ได้ร่วงตกรอบสี่เหมือนใครบางคนและมีโปรแกรมชุกกว่าเบนิเตซมากมาย


สิ่งที่มันแตกต่างกันคือเฟอร์กูสันมีขุมกำลังที่สามารถรับมือกับความต้องการของสถานการณ์ตลอดทั้งฤดูกาลและแทนที่จะมาถามว่าถ้าเกิด...?บางทีมันถึงเวลาถามเบนิเตซแล้วล่ะว่าทำไม?


ทำไมมาโทษอาการบาดเจ็บในเมื่อขุมกำลังนักเตะแสนแพงเขารวบรวมมากับมือตลอด 5 ปีที่ผ่านมา? ทำไมเขามีขุมกำลังรับมือได้ไม่เพียงพอ


ทำไมเบนิเตซถึงเอาแต่บ่นว่ามีงบน้อยในเมื่อใช้เงินถึง 7 ล้านปอนด์เพื่อซื้อแบ็คมาเป็นตัวสำรองลำดับที่สามและกดอีก 40 ล้านปอนด์เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว?


ใช่ลิเวอร์พูลขยับเข้าใกล้ยูไนเต็ดมากจริงๆและเบนิเตซมีสิทธิ์พูดว่าพวกเขาเป็นผู้ชิงชัยตัวจริงเสียงจริง


แต่ครั้งหน้ามันจะไม่ง่ายแน่เป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัยว่าฤดูกาลนี้พวกเขามีโอกาสคว้าแชมป์เอามากๆแต่ก็ดันทำพังกันเอง


 


ข้อมูลจาก
lentee.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์