โคตรเวอร์!โด้ตะบันเฮผี1-0ตัดเชือกปืน

โคตรเวอร์!โด้ตะบันเฮผี1-0ตัดเชือกปืน

 

แชมป์เก่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโชว์ความเก๋ากับเงื่อนไขต้องชนะสถานเดียวได้ตามเป้าหลังคริสติอาโน่ โรนัลโด้ยิงไกลเหนือความคาดหมายตั้งแต่นาทีที่ 6 และกลายเป็นประตูชัยเบิกทางสู่รอบรองชนะเลิศเข้าไปทำศึกสายเลือดกับอาร์เซนอลพร้อมทำลายสถิติเป็นทีมแรกในเกาะอังกฤษที่บุกมาชนะที่ดราเกาอีกด้วย

แชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเลกสอง

วันพุธที่ 15 เมษายน 2552


เอฟซี ปอร์โต้ 0-1 แมนฯยูฯ

(รวมผลสองนัดแมนฯยูฯเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-2)

ประตู : 0-1 โรนัลโด้ น.6


ครึ่งแรก

เปิดฉากมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เป็นฝ่ายต่อบอลลุยใส่พยายามเข้าถึงเขตโทษเอฟซี ปอร์โต้ทันทีและเจ้าถิ่นก็รู้งานช่วยกันไล่หมายโดยใช้ความสามารถเฉพาะตัวจ้องจะสวนและนาทีที่ 4 ได้ฟรีคิกไกลทางขวาเป็น วิ่งซัดยิงยัดเข้ากรอบร้อนถึงฟาน เดอร์ ซาร์ต้องล้มตัวตระครุบเอาไว้ก่อน

อย่างไรก็ตามโอกาสแรกของทีมเยือนในนาทีที่ 6 เป็นประตูทันทีจากการยิงไกล 39 หลาโคตรเวอร์ของคริสติอาโน่ โรนัลโด้แบบดื้อๆบอลพุ่งสองปีแสงเสียบหน้าต่างผ่านมือเฮลตันเข้าไปสุดช็อก 


 
พอได้ลูกนี้ยูไนเต็ดเล่นด้วยความมั่นใจและครองบอลเหนือกว่าส่วนปอร์โต้ยังไม่ได้ทำเกมรุกเข้าใส่อย่างเป็นเนื้อเป็นหนังใดๆเลยและขืนเป็นแบบนี้เจอลูกสองเมื่อไหร่งานเข้าเมื่อนั้น

เจ้าถิ่นไม่น่ากลัวเหมือนเลกแรกที่โอลด์แทรฟฟอร์ดเลยเรียกว่าลูกกระชากลูกเบียดที่เคยแหล่มๆแทบไม่มีให้เห็น

นาที 20 ปอร์โต้ได้ฟรีคิก 30 หลาบรูโน่ อัลเวสกองหลังวิ่งมายิงปั่นไซด์บอลข้ามกำแพงเลี้ยวหนีเสาหลากว่าๆร้อนถึงฟาน เดอร์ ซาร์ต้องพุ่งมาวัดระยะแบบเสียวกันทั้งสนาม

อีก 4 นาทีริคาร์โด้พักอกในเขตโทษระยะ 17 หลาก่อนฟาดแบบตระก้อกลางอากาศแต่บอลติดตัวเลยไม่แรงพอทำให้ฟาน เดอร์ ซาร์ล้มตัวรับหนึบ

ตอนนี้ปอร์โต้เริ่มยกระดับเกมของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆส่วนยูไนเต็ดก็ต้องผ่อนลงมาตามรูปเกมที่ตอนนี้ต้องช่วยกันรับก่อน

ถึงครึ่งชั่วโมงทีมเยือนเกือบนำ 2-0 อีกหลังเบอร์บาตอฟลากเอื่อยๆแบบคนไม่พูดไม่จาถึงเส้นหลังใกล้ๆมุมธงก่อนครอสเข้ามาบอลเลยข้ามโรนัลโด้ที่รอโขกมาถึงกิกส์ที่ตะบันยิงตามน้ำระยะ 7 หลาบอลพุ่งตรงตังเฮลตันที่ปิดมุมเซฟกระฉอกก่อนตามมาคว้าจังหวะสองอีกครั้ง

ก่อนหมดครึ่งแรก 4 นาทีปอร์โต้ได้ฟรีคิกไกลทางปีกซ้ายเป็นเมเรเลสเปิดพุ่งๆให้บรูโน่ อัลเวสโถมมาทั้งตัวตัดหน้าวิดิชโขกเต็มๆ 8 หลาแต่บอลหลุดข้างเสาไปเอง

สุดช็อก!!นาที 44 ลูกเตะมุมของไรอัน กิกส์บอลไปแย่งโหม่งที่เสาแรกเป็นโอเชเช็ดตกมาถึงวิดิชที่ตกใจไม่คิดว่าบอลจะมาถึงเลยล้มตัวแหย่ยิง 3 หลาข้ามคานไม่น่าเชื่อ

ครึ่งหลัง

เริ่มมานาทีเดียวเบอร์บาตอฟสลัดหนีซิสโซโกห์หน้าเขตโทษได้ก่อนยิงไกลแต่บอลพุ่งเลียดตรงตัวเฮลตันที่รับเข้าซองท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก

นาที 55 เมเรเลสเปิดด้วยอีซ้ายตรงกรอบโทษฝั่งขวาบอลพุ่งเข้ากรอบโทษเป็นโรดริงเกวซแทรกมาโขกเหนือสองริโอและโอเชตรงระยะ 7 หลาแต่บอลโดนไม่ถูกเหลี่ยมค่อยๆย้อยไปถึงเส้นหลังก่อนที่น้าเอ็ดจะวิ่งมาใช้ขาจับไม่ให้บอลออกเพื่อถ่วงเวลา

อีก 3 นาทีปอร์โต้ได้ฟรีคิก 25 หลาเป็นไอ้มนุษย์เขียวฮัล์กวิ่งมาซัดด้วยอีซ้ายแหวกกำแพงแต่ตรงนั้นมีฟาน เดอร์ ซาร์ยืนรอรับติดมือพอดี

ปอร์โต้หาทางเจาะเข้าไปยิงแบบวางเท้าหันหน้าเข้าหาประตูยากเหลือเกินเรียกว่าถูกบีบให้ยิงไกลและมีโอกาสครึ่งๆกลางๆจนตอนนี้ยูไนเต็ดได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆเพราะยิ่งเวลาผ่านไปใจของแข้งใจถิ่นก็ยิ่งร้อนจะมุ่งหน้าทำประตูอย่างเดียว

ช่วงนี้วิดิชเริ่มโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นการโชว์เก๋าปล่อยบอลออกเอาทุ่มหรือดักทางเคลียร์บอลที่ซาปูนารูกระชากมาจากปีกขวาตัดเข้าข้างกรอบโทษ

ตอนนี้เกมริมเส้นของเจ้าถิ่นเจอปิดตายทั้งหมดเพราะพวกเอวร่าหรือโอเชไม่ขึ้นมาเติมเกมรุกมั่วซั่วแล้วปล่อยให้ตัวขยันอย่างรูนีย์,อันแดร์สันรวมทั้งตัวสำรองอย่างนานี่ซึ่งลงมาแทนเบอร์บาตอฟคอยนัวเนียแทน

แต่นาที 78 ปอร์โต้ได้เสียวเอาเรื่องหลังลูกเตะมุมฟาน เดอร์ ซาร์กระโดดปัดที่เสาสองไม่ถึงเป็นโรแลนโด้แล่บมาโขกแต่อยู่หลังตัวประกบทำให้บังคับทิศทางไม่ได้บอลออกหลังไปเอง

เข้าสู่ 10 นาทีสุดท้ายตอนนี้ฝูงแข้งขาน้ำเงินดันไลน์สูงขึ้นเรื่อยๆเพราะขอแค่ประตูเดียวก็จะเข้ารอบส่วนปิศาจแดงตอนนี้ลงมาช่วยกันในแดนตัวเองหมดแล้วโดยเฉพาะรูนีย์ขยันเอามากๆและนาที 83 ได้โอกาสยิงไกลบอลแหกข้ามคานออกไป

อีก 2 นาทีต่อมาเจ้าถิ่นเสียวกันทั้งสนามหลังมาเรียโน่ กอนซาเลซเปิดครอสต่ำให้ฮัลค์กระดกยิงโชคดีที่บอลตรงตัวฟาน เดอร์ ซาร์ไม่งั้นตายแน่

ช่วงทดเจ็บนาทีแรกโด้จิ๋วจะขอปิดท้ายยิงไกลเลียดกะให้เสียบมุมแต่เฮลตันล้มตัวปัดมือเดียว

เวลาที่เหลือปอร์โต้ทำประตูเพิ่มไม่ได้เพราะเจอเผาเวลาอยู่ในแดนตัวเองก่อนพ่ายคาบ้าน 1-0 ตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างน่าเสียดายทั้งๆที่ขอเสมอเท่านั้นและเป็นการเสียท่าให้ทีมอังกฤษในถิ่นตัวเองเป็นครั้งแรกในรอบ 12 นัดอีกด้วย

โดยในรอบรองชนะเลิศจะทำการแข่งขันในวันที่ 28-29 เมษายนนี้

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เอฟซี ปอร์โต้ :
เฮลตัน,บรูโน่ อัลเวส,โรแลนโด้,อาลาย ซิสโซโกห์,คริสเตียน ซาปูนารู(คอสต้า น.82),เฟร์นานโด,ราอูล เมเรเลส,ลูโช่ กอนซาเลซ,คริสเตียน โรดริงเกวซ(ฟาเรียส น.64),ฮัลค์,ลิซานโดร โลเปซ

ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม : กอนซาเลซ,นูโน่,กัวริน,มาดริด,สเตฟานอฟ

แมนฯยูฯ : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์,จอห์น โอเช,ริโอ เฟอร์ดินานด์,เนมันย่า วิดิช,ไรอัน กิกส์,ไมเคิ่ล คาร์ริค,อันแดร์สัน(สโคลส์ น.78),เวย์น รูนีย์,ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ(นานี่ น.69)

ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม : ฟอสต้า,เนวิลล์,อีแวนส์,เตเบซ,มาเคด้า

ผู้ตัดสิน : มาสซิโม บูซัคค่า(สวิตเซอร์แลนด์)




























 

ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีโดย  lentee

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์