“ผีแดง” อาการน่าเป็นห่วง!!!!

“ผีแดง” อาการน่าเป็นห่วง!!!!

ก่อนอื่น ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทุกคน และ พลพรรค“เร้ด เดวิลส์” ทุกนายด้วยครับ ที่พิชิตแชมป์แรกในอังกฤษได้สำเร็จ

ต้องบอกว่า หืดจับเลยทีเดียวครับ กว่าจะได้เดินขึ้นบันได 80 กว่าขั้น เพื่อขึ้นไปรับถ้วยใบจิ๋วที่อยู่ข้างบน.. นี่แค่ลีกคัพเท่านั้นนะครับ ยูไนเต็ดยังต้องเหนื่อยขนาดนี้ แล้วถ้าเป็น “5 แชมป์” จริงๆ ยูไนเต็ดจะต้องปีนบันไดกันกี่ขั้น??

 

ดูแล้วคงต้องใช้ความพยายามมากพอๆกับการปีนยอดเขาเอเวอร์เรสท์เลยล่ะครับ ถ้าจะเอา “ควินทูเปิล แชมป์” จริงๆ เพราะนอกจากคุณภาพนักเตะแล้ว “สภาพ”ความพร้อมของนักเตะเองก็สำคัญไม่แพ้กัน

ยูไนเต็ด เล่น 2 เกมในหนึ่งสัปดาห์มาหลายอาทิตย์แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นแชมเปี้ยนส์ ลีกบ้าง คาร์ลิ่ง คัพ บ้าง หรือเกมลีกนัดตกค้างบ้าง แน่นอนครับว่า ความล้ามันต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่พวกเขาแสดงให้เห็นในเกมนี้อย่างชัดเจนครับ

เกมนี้เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่ง 3 ดาวรุ่งลงเป็นตัวจริงตามคำมั่นสัญญาครับ เบน ฟอสเตอร์ที่หน้าปากประตู , ดาร์รอน กิ๊บสัน เดินเกมในแดนกลาง และแดนนี่ เวลเบ็ค หอกดำขำยืนค้ำในแดนหน้าคู่กับคาร์ลอส เตเวซ.. แต่แม้ว่าจะส่งดาวรุ่งลง เฟอร์กี้เองก็ละเมียดละไมพอที่จะเอา “ตัวเก๋า” มาเป็นพี่เลี้ยงน้องๆในทุกๆตำแหน่งครับ วันนี้เฟอร์กี้เลือก พอล สโคลส์ มาควบคุมจังหวะของเกมส์ในแดนกลาง และกำหนดทิศทางในการเล่น ส่วน “พี่เบน ‘ฟรีคิก’ ฟอสเตอร์” นั้น มีประการด่านสุดท้ายที่ไว้ใจได้อย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ “น้องอีฟ” จอห์นนี่ เอฟแวนส์ ที่ถูกดันขึ้นชุดใหญ่เต็มตัว เป็นหัวเมืองหน้าด่านคอยป้องกันไว้อยู่แล้ว เช่นเดียวกับเวลเบ็คเองที่มีทั้ง “พี่โด้” และ “พี่เตฟ” คอยประคองอยู่ข้างหน้า

แต่จากสามคน ดูเหมือนคนที่สอบผ่านเพียงคนเดียวก็เห็นจะมีแค่ “ซูเปอร์เบน” นั่นเองครับ วันนี้เขาเล่นได้อย่างไร้จุดบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตัดบอลครอสจากด้านข้าง ตำแหน่งการยืน และปฏิกริยาที่ว่องไว โดยเฉพาะการเซฟลูกยิงของแอร่อน เลนน่อน ถ้าเป็นโกลบางคนที่ “Reflection” ช้ากว่านี้ อาจจะโดนยิงลอดรูทวารเข้าไปซุกก้นตาข่ายไปแล้วก็ได้ ถือว่า ต้องให้เครดิตเค้าไปเต็มๆเลยล่ะ

แล้วที่เป็นนวัตกรรมใหม่เลย คือการศึกษาเทคนิคการเซฟจุดโทษจากไอพอดครับ ฟอสเตอร์ให้สัมภาษณ์หลังจากจบเกมว่า ก่อนยิงลูกโทษเนี่ยเขาเดินไปหาเอริค สตีล โค้ชผู้รักษาประตู เพื่อศึกษาแนวโน้มของมือยิงจุดโทษครับ ว่าจะเซฟไปทางไหน และสตีลก็กระซิบว่า “เฮ่ยๆ เจ้าโอฮาร่าน่ะ มันยิงกลางซ้ายชัวร์ พุ่งซ้ายโลดรับรองไม่พลาด” ฟอสเตอร์รับคำครับ และก็พุ่งไปทางซ้ายจริงๆ ซึ่งนั่นก็คือ การเซฟครั้งสำคัญเพื่อตัดสินเกมนั่นเอง แหม่..แม่นจริงๆพี่เอริค สตีล ทีหลังบอกทีเด็ดบอลชุดให้มั่งดิ.. จะได้เดาถูกเหมือนฟอสเตอร์มั่ง(ฮา)

ครับ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในสนาม ฟอสเตอร์จึงเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ไปแบบไร้ข้อกังขา ส่วนอีก 2 คนก็คือกิ๊บสันกับเวลเบ็ค ยังคงต้องบ่มเพาะประสบการณ์กันต่อไป กิ๊บสันนั้น ในช่วงแรกเป็นลูกหาบให้กับสโคลส์ได้ดีเลย ช่วยไล่บอลเข้าบอลอยู่ตลอด เช่นเดียวกับลูกยิงไกลที่ได้ลุ้นเลยทีเดียว แต่พอเล่นไปเรื่อยๆเริ่มหายวับไปจากสนามซะงั้น เกมแดนกลางเลยค่อนข้างจะเป็นรองสเปอร์สครับ ส่วนเวลเบ็ค ยังคงมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจในระยะเวลาคับขัน เพราะเขายังคงมีความ “ลังเล” อยู่ เลยทำอะไรไม่ถูก ไม่ยิงในจังหวะที่ควรจะยิง พอจะส่งคืนหลังก็ไม่ทันแล้ว สุดท้ายก็เสียของไปอย่างน่าเสียดายครับ

 

แต่ผมว่าจริงๆแล้วผมว่าทั้งคู่มีแววอยู่นะครับ เพียงแต่ยังไม่ฉายมันออกมาเท่านั้นเอง เหมือนดอกไม้ที่แรกๆมันก็ไม่สวยหรอกครับ แต่พอรอไปซักพักนี่ มองไปแล้วก็ชื่นตาชื่นใจเมื่อนั้น คงรอให้เลเวลของทั้งสองสูงกว่านี้ครับ ขอเวลาอีกซัก 1-2 ปี รับรอง สองคนนี้จะได้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในทีมชุดใหญ่แน่นอน

สำหรับกลยุทธ์การเจาะของยูไนเต็ดนั้น พวกเขายังคงเน้นการวางบอลยาวออกข้าง หรือทำชิ่งออกปีกทางด้านข้าง ซึ่งเป็นแผนถนัดของพวกเขาอยู่แล้ว วันนี้นานี่กับโรนัลโด้ทำได้ไม่เลวครับ โดยเฉพาะ “โด้จิ๋ว” ที่ในช่วงแรกล่อเอก็อตโต้ซะเมาค้างเลย แต่พอเวลาเดินไปเรื่อยๆพี่แกก็เริ่มสร่างและจับทางโรนัลโด้ได้ดีขึ้น ยังไงก็ตามแบ็กซ้ายเลือดเฟร้นช์ก็ยังมีจุดผิดพลาดอยู่บางจังหวะ เพราะหลายครั้งที่เติมเกมรุกแล้วลงไม่ทัน ปล่อยพื้นที่ทางซ้ายให้โล่งเกินไป ดีที่พอโรนัลโด้ทะลุออกข้างและตบเข้ากลางน่ะ เซนเตอร์ยังช่วยกันเคลียร์ได้ดีครับ เลยยังไม่เสียประตู

ส่วนทางด้านสเปอร์สเอง วันนี้เน้นเจาะทางแอร่อน เลนน่อนเลยครับ และก็ทำได้ดีมากซะด้วย เพราะหลอกเอวร่าที่ชั้นเชิงสูงอยู่แล้วให้งงเป็นไก่ตาแตก หลายครั้งครับที่เอวร่ากลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำปีกหน้าแขก และต้องบอกว่าวันนี้ เลนน่อนเล่นได้ดีจริงๆ ถ้าวันนี้สเปอร์สชนะ เขาต้องเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์แน่นอน ส่วนอีกกลยุทธ์นึงของสเปอร์ส ก็คืออาศัยบอลแทงทะลุช่องของลูก้า โมดริชนั่นเอง ซึ่งได้ผลอยู่เหมือนกันนะครับเพราะเบนท์กับเลนน่อนสร้างความวุ่นวายได้หลายครั้ง แต่ก็น่าเสียดายที่ยังไม่เฉียบคบพอที่จะเป็นประตู

อีกจุดที่สเปอร์สต้องกลับไปสอบซ่อมใหม่เลยคือการเปิดบอลจากด้านข้างครับ วันนี้พวกเขาทำได้ไม่ดีเอาซะเลย เปิดไม่แรงไปก็เบาไปอยู่ตลอด และพอครอสเข้ามาได้ตัวชาร์จอย่าง โรมัน พาฟลิวเชนโก้ ก็ดันทำหมูหกเสียของไปซะงั้น ต้องบอกว่าเป็นอีกคนที่เล่นได้น่าผิดหวังมากในเกมนี้ ไม่สามารถสร้างประโยชน์อะไรได้เลย จบครึ่งแรกก็เสมอกันไป 0-0 ครับ

ครึ่งหลังสเปอร์สแพ็คเกมลงมาลึกขึ้น เพื่อล่อให้ยูไนเต็ดบุกขึ้นมาและรอสวนครับ ซึ่งก็เกือบได้ผลอยู่หลายครั้งเลย โดยเฉพาะลูกจ่อๆของเลนน่อนที่ได้กล่าวไปแล้ว แต่ฝ่ายแดงเองก็ไม่ยอมฝ่ายขาวเช่นกันครับ ส่งอันแดร์สันลงมาทะลุทะลวงตรงกลาง ซึ่งก็ทำให้แดนกลางดูมีชีวิตชีวาขึ้น แต่ปัญหาเดิมของเจ้าตัวก็ยังแก้ไม่ตก นั่นคือ จังหวะยิงประตูนั่นเอง เพราะยังคงยิงนกยิงช้างยิงม้ายิงหมูยิงหมาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำไมเขาถึงยังแทน พอล สโคลส์ไม่ได้เสียที เพราะว่ายังขาดการจบในจังหวะสุดท้ายที่เฉียบคมนั่นเอง สุดท้าย ทำอะไรกันไม่ได้ ก็เลยต้องไปต่อเวลาทรมานนักเตะอีก 30 นาที ทั้งคนเล่นทั้งคนดูทั้งคนตัดสิน ตะคริวกินกันเป็นแถบ ทนกันไปจนหมดเวลา ก็ต้องมาจบที่การยิงจุดโทษ ซึ่งฝ่ายยูไนเต็ดก็เยือกเย็นกว่า คว้าแชมป์ที่สองของตัวเองในปีนี้ไปครองในที่สุดครับ..

 

ตอนนี้สำหรับแฟนผีแล้ว ก็เหลืออีกสามแชมป์หลักนั่นล่ะครับ ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคที่มีอยู่มากมายไปให้ได้ ในเอฟเอคัพ มีโอกาสพลิกตกรอบได้ทุกนาที ในพรีเมียร์ลีก เชลซีไล่ขึ้นมาแล้วนะครับ ดังนั้นก็คงต้องมุ่งหน้าชนะต่อไปอย่าหยุด เช่นเดียวกับแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ทุกคนต้องกัดฟันสู้ให้ได้ครับ กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียวฉันใด การยกทัพไปบุกกรุงโรมก็ทำไม่ได้ภายในวันเดียวฉันนั้นครับ

ส่วนที่บอกว่า “ผีอาการน่าเป็นห่วง” ตรงหัวข้อนั้น ไม่ใช่ฟอร์มที่น่าเป็นห่วงนะครับ แต่เป็น สภาพความฟิตต่างหากที่แฟนยูไนเต็ดควรจะเป็นกังวลมากกว่า ถ้าเทียบเป็นค่า Condition ใน FM ตอนนี้ทุกคนคงไม่สูงไปกว่า 70 % แล้วล่ะครับ และเกมออกไปเยือน นิวคาสเซิ่ล จะมีขึ้นในอีก 3 วัน ดังนั้นต้องเร่งความฟิตตัวหลักที่ลงเมื่อคืนอย่างเฟอร์ดินานด์ เอวร่า และโรนัลโด้กลับมาให้ได้ และเมื่อมาผนวกเข้ากับรูนี่ย์ คาร์ริค และเบอร์บาตอฟที่ได้พักมา ก็น่าจะประคองตัวจนชนะไปได้ไม่ยากครับ ถ้ากัดฟันได้แล้วนำ 10 แต้มจริงๆ สถานการณ์คงจะคลี่คลายขึ้นครับ

ความฟิต ก็เหมือนรถแข่งล่ะครับ ถึงเครื่องจะแรงและวิ่งได้เร็วแค่ไหน แต่ถ้าหากวิ่งโดยไม่พักเครื่องเลย ไม่ได้เช็กสภาพรถ ก็อาจตายกลางทางได้เหมือนกันครับ ดังนั้น เพื่อป้องกันการตายกลางทางเหมือนรถ เราจึงต้องมีทั้งความอึด และสุขภาพที่แข็งแรง เพื่อประกอบกันเป็นสิ่งสำคัญที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น รถตราผี รถตราหงส์ รถตราปืน และรถตราสิงห์..

ดูแลรถของท่านให้ดีนะครับ..

เจี๊ยบ เคเอฟซี
ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีโดย  lentee

 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์