อาร์วีพีคืนทัพผีข่มเรดดิงไร้โค้ช

'อาร์วีพี'คืนทัพผีข่ม'เรดดิง'ไร้โค้ช

'แมนฯ ยูไนเต็ด' พร้อมส่ง 'โรบิน ฟาน เพอร์ซี' คืนทัพตัวจริงรอเปิดบ้านข่ม 'เรดดิง' ทีมรองบ๊วยที่ไร้โค้ช ศึกพรีเมียร์ลีก คืนวันเสาร์ที่ 16 มี.ค.

 

 

                            ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 16 มีนาคมนี้ มีโปรแกรมฟาดแข้งทั้งหมด 6 คู่ เริ่มจาก "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูงที่ไร้พ่ายมาแล้วถึง 16 เกม แข่ง 28 นัด มี 71 แต้ม เตรียมเปิดถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับ "เดอะรอยัลส์" เรดดิง ทีมรองบ๊วยอันดับ 19 แข่ง 29 นัด มี 23 แต้ม ในเวลา 00.30 น. เกมนี้ "เฟอร์กี้" เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือเจ้าบ้านพร้อมจัดทัพใหญ่ลงสนามอย่างแน่นอน แม้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ฟิล โจนส์ กับ พอล สโคลส์ ที่ยังต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป และยังต้องรอเช็กสภาพความฟิตของ นานี ที่เจอโรคเดี้ยงอีกด้วย แต่พวกตัวหลักรายอื่นๆ พร้อมกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงได้ตามปกติ หลังได้พักแข้งในศึกเอฟเอ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

                            คาดว่า "อาร์วีพี" โรบิน ฟาน เพอร์ซี ดาวยิงตัวเก่งเตรียมได้กลับมายืนล่าตาข่ายเหมือนเดิม เพื่อประสานงานในแนวรุกร่วมกับ แดนนี เวลเบ็ค และเวย์น รูนีย์ ส่วนในรายของ เนมันยา วิดิช น่าจะได้กลับมาคุมแนวรับร่วมกับ จอนนี อีแวนส์ ขณะที่ ไรอัน กิ๊กส์ น่าจะได้กลับมาลงเล่นในแผงแดนกลางร่วมกับ ทอม เคลเวอร์ลีย์ และไมเคิล คาร์ริค นอกจากนี้ "ปีศาจแดง" ยังพกสถิติข่มทีมเยือนอีกด้วย เพราะไม่เคยพลาดท่าพ่าย เรดดิง แม้แต่นัดเดียวจากการพบกันในศึกพรีเมียร์ลีกมาแล้วทั้งหมด 5 ครั้ง

                            ด้านทีมเยือนกำลังฟอร์มแย่แพ้รวดมาแล้วถึง 4 เกมต้องตกอยู่ในสภาพไร้กุนซือ หลังตัดสินใจปลด ไบรอัน แม็คเดอร์มอตต์ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมไปเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา จึงต้องให้ นิก แฮมมอนด์ และเอมอนน์ โดเลน ทำหน้าที่คุมทีมแบบขัดตาทัพร่วมกันไปก่อน แม้จะไร้เงาของ พาเวล โปเกรบเนียค ที่ติดโทษแบน รวมถึง อดัม เฟเดริชี และเจสัน โรเบิร์ตส ที่ยังต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป แต่มีได้ลุ้นตัว จิมมี เคเบ ที่เพิ่งหายเดี้ยงพร้อมกลับมาช่วยแนวรุกอีกครั้ง ส่วนแข้งหลักรายอื่นๆ ยังคงพร้อมลงเล่นเป็นตัวจริงได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สจวร์ต เทย์เลอร์, เอียน ฮาร์ท, โจบี แม็คอานัฟฟ์, ฮาล ร็อบสัน คานู และ อดัม เลอ ฟอนเดร   

                            ขณะที่ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี ทีมอันดับ 2 แข่ง 28 นัด มี 59 แต้ม จะต้องยกพลบุกไปเยือน "ทอฟฟีสีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ทีมอันดับ 7 แข่ง 28 นัด มี 45 แต้ม ที่สนามกูดิสัน ปาร์ค ในเวลา 19.45 น. นัดนี้ "มันโช" โรแบร์โต มันชินี กุนซือทีมเยือนยังคงตั้งเป้าหวังเก็บชัยชนะเอาไว้ก่อน เพื่อทำคะแนนไล่กดดัน แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไป แม้ตอนนี้จะไล่ตามหลังอยู่ถึง 12 แต้มเลยก็ตาม แต่มีลุ้นได้ตัว 2 แข้งหลักอย่าง แวงซองต์ กอมปานี และ "กุน" เซอร์จิโอ อเกโร กลับมาช่วยทีมอีกครั้ง เพราะเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บนั่นเอง แต่ยังต้องรอเช็กสภาพความฟิตอีกครั้งหนึ่ง เพื่อลุ้นกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงร่วมกับพวกแข้งหลักอย่าง โจ ฮาร์ท, พาโบล ซาบาเลตา, ยายา ตูเร, ดาวิด ซิลวา และ คาร์ลอส เตเบซ  

                            ทางฝั่ง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 6 แข่ง 29 นัด มี 45 แต้ม ต้องออกไปเยือน "นักบุญ" เซาแธมป์ตัน ทีมอันดับ 16 แข่ง 29 นัด มี 28 แต้ม ที่สนามเซนต์ แมรี ในเวลา 22.00 น. เกมนี้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือทีมเยือนตั้งเป้าหวังบุกไปเก็บชัยชนะเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน เพื่อทำคะแนนลุ้นแย่งอันดับ 4 ซึ่งเป็นพื้นที่โควตาที่จะได้ตั๋วไปเล่นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในช่วงฤดูกาลหน้า แถมยังมีลุ้นได้ตัว โฆเซ เรนา นายทวารมือหนึ่งที่เพิ่งหายเจ็บกลับมายืนเฝ้าเสาอีกด้วย ส่วนแข้งหลักรายอื่นๆ ยังคงพร้อมลงเล่นเป็นตัวจริงได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ฟิลิปป์ คูตินโญ, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ และ หลุยส์ ซัวเรซ     

                            ส่วนโปรแกรมคู่อื่นลงเตะในเวลา 22.00 น. แอสตัน วิลลา (17) พบ ควีนส์ปาร์ค (20), สโตค (11) พบ เวสต์บรอมวิช (8), สวอนซี (9) พบ อาร์เซนอล (5)

 

 

--------------------

(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AFP)


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์