แมนฯยูทัพใหญ่รับเชลซี

'แมนฯยู'ทัพใหญ่รับ'เชลซี'

'แมนฯ ยูไนเต็ด' ปรับทัพใหญ่รับมือ 'เชลซี' ทำศึกเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีม คืนวันที่ 10 มี.ค. จ่อทำเซอร์ไพรส์พัก 'เพอร์ซี' ส่ง 'รูนีย์' คู่ 'เฮอร์นันเดซ'

 

                         ศึกลูกหนังเมืองผู้ดี คืนวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคมนี้ มีเตะกันทั้งพรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพ โดยในศึกเอฟเอ คัพ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จะเป็นการเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่การโคจรมาพบกันของ 2 ทีมยักษ์ใหญ่ "ผีแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด จะเปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เวลา 23.30 น. หลังจากที่ทั้งคู่เพิ่งอกหักมาจากการเตะถ้วยยุโรป ที่ทีมปีศาจแดง กระเด็นตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการเปิดรังพ่าย "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด ของสเปน 1-2 ขณะที่เชลซีเองก็เพิ่งบุกไปพ่าย สเตอัว บูคาเรสต์ ของโรมาเนีย 0-1 ในฟุตบอลยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

                         ทำให้เกมนี้ที่ช่อง 7 สีจะถ่ายทอดสด คาดว่าฝั่งของทีมผีแดง "เฟอร์กี้" อเลกซ์ เฟอร์กูสัน จะมีการเปลี่ยนแปลงทีมจากที่พ่ายราชันชุดขาวขนานใหญ่ โดยในแดนหน้า "ไอ้หมูบิน" เวย์น รูนีย์ ที่เป็นแค่ตัวสำรองในเกมดังกล่าว จะได้กลับมาลงเป็นตัวจริงแน่นอน แต่อาจมีเซอร์ไพรส์ในส่วนของคู่หูที่อาจส่ง "เจ้าถั่ว" ฮาเวียร์ "ชิชาริโต" เฮอร์นันเดซ เป็นลงเป็น 11 คนแรก แทนที่ของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ที่กรำศึกหนักมาตลอดในช่วงหลัง ขณะที่แดนหลังอาจจะเปลี่ยนคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟจาก ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมันยา วิดิช มาเป็น คริส สมอลลิง ที่ได้ลงเป็นตัวจริงในถ้วยใบนี้มาตลอด เล่นคู่กับ จอนนี อีแวนส์ แทน

                         ส่วนแดนกลาง ไรอัน กิ๊กส์ จอมเก๋าวัย 39 ปี พร้อม ไมเคิล คาร์ริค น่าจะได้พักเก็บไว้ใช้งานในการล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก โดย ทอม เคลฟเวอร์ลีย์ กับ อันแดร์สัน จะรับบทเป็นคู่มิดฟิลด์ตรงกลาง มี อันโตนิโอ วาเลนเซีย กับ ชินจิ คางาวะ ที่ทำแฮตทริกในเกมพบนอริชเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำเกมรุกทางกราบขวา-ซ้าย ส่วนนักเตะที่มีอาการบาดเจ็บอยู่อย่าง ฟิล โจนส์ กับ พอล สโคลส์ หมดสิทธิ์ลงช่วยทีมในนัดนี้แน่นอน

                         ด้านเชลซีของ "ราฟา" ราฟาเอล เบนิเตซ ที่พักนักเตะตัวหลักอย่าง ฮวน มาตา, แกรี เคฮิลล์, แอชลีย์ โคล ในเกมยูโรปาลีก จะส่งทั้งหมดกลับมาเป็นตัวจริง เช่นเดียวกับ เดมบา บา ที่ไม่ได้ลงสนามเมื่อกลางสัปดาห์เนื่องจากติดคัพไท ก็จะได้ยืนหัวหอกแทน เฟอร์นันโด ตอร์เรส ที่ฟอร์มตกอย่างหนักในช่วงนี้

                         สำหรับสถิติที่พบกันของทั้งคู่ในรายการนี้ 5 ครั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเอาชนะถึง 4 ครั้ง แต่ครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่พบกันในรอบชิงชนะเลิศปี 2007 เชลซีเป็นฝ่ายเฉือนชนะ 1-0 จากประตูชัยในช่วงต่อเวลา นาที 116 ของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา

                         ส่วนการเตะอีกคู่ เวลา 21.00 น. เป็นการพบกันของ 2 ทีมในลีกแชมเปี้ยนชิพ ที่มิลล์วอลล์ จะเปิดสนามเดอะ เดน พบ "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น

                         ด้านศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก เวลา 23.00 น. ซึ่งทรูวิชั่นส์ ช่อง 101 และช่อง 3 ถ่ายทอดสด "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 7 ของตาราง จะเปิดถิ่นแอนฟิลด์ปะทะ "ตราไก่" สเปอร์ส ทีมอันดับ 3 เกมนี้ถือว่ามีผลสำคัญต่อทั้งคู่ในการแย่งโควตาไปเล่นศึกยุโรปในปีหน้า โดยเจ้าถิ่นที่ 5 นัดหลังสุดในลีกไม่แพ้ใคร แถม 2 เกมสุดท้ายยังยิงคู่แข่งได้ถึง 9 ประตู หวังเก็บ 3 แต้มเพื่อลุ้นไปติดอันดับ 5 ให้ได้ ขณะที่สเปอร์สเอง ก็ต้องการชัยชนะเพื่อหนีทีมอันดับ 4 และ 5 อย่าง เชลซี กับ อาร์เซนอล ออกไป

                         เกมนี้คาดว่าทั้งคู่จะขนผู้เล่นชุดใหญ่ใส่กันเต็มสูบแน่นอน โดยลิเวอร์พูล ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จะมี หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงสูงสุดของพรีเมียร์ลีก กับ สตีเวน เจอร์ราร์ด เป็นตัวชูโรง แต่ยังต้องลุ้นอาการบาดเจ็บของ ดาเนียล สเตอร์ริจด์ กองหน้าดาวรุ่งว่าจะฟิตทันกลับมาช่วยทีมหรือไม่ ส่วนฝั่งตราไก่ของ อังเดร บียาส โบอาส ต้องลุ้นความฟิตของ เอมมานูเอล อเดบายอร์ กับ คลินท์ เดมป์ซีย์ ส่วนที่เหลือสามารถขนตัวหลักลงได้หมด แม้จะเพิ่งกรำศึกหนักจากยูโรปาลีก ที่เปิดบ้านชนะ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน 3-0 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาก็ตาม

                         ส่วนอีกคู่ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ทีมอันดับ 15 จะเปิดถิ่นเซนต์เจมส์ ปาร์ค พบ "ช่างปั้นหม้อ" สโตค ทีมอันดับ 11 เวลา 22.00 น. ทรูวิชั่นส์ ช่อง 103 ถ่ายทอดสด


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์