ลุ้นมากซาบาตูเร่!เรือเฉือนสิงห์โคตรระทึก 2-1 เข้าชิงเอฟเอ

ลุ้นมากซาบาตูเร่!เรือเฉือนสิงห์โคตรระทึก 2-1 เข้าชิงเอฟเอ 

เป็นเกมระดับห้าดาวที่สมศักดิ์ศรีกันเสียจริง เพราะผลัดกันรุกรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้นำห่าง 2-0 ก่อนก็จริงแต่เชลซีฮึดสู้ยิงตีไข่แตกแถมกดดันช่วงท้ายบีบหัวใจสุดๆ แต่สุดท้ายจบเกม "เรือใบ" ก็ยันเอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-1 เข้าไปชิงชนะเลิศกับวีแกนที่รออยู่แล้ว 

เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ 

วันเสาร์ที่ 14 เมษายน 2556
 

เชลซี 1 - 2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี๊ยม 

ประตู :
0-1 นาสรี่ น.35, 0-2 อเกวโร่ น.47, 1-2 บา น.66 

บิ๊กแมตช์ในรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพวันนี้เป็นการพบกันระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้และเชลซี ซึ่งผู้ชนะจะได้ผ่านเข้าไปเจอกับวีแกนที่ไปรออยู่ก่อนแล้ว 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านี่เป็นการพบกันของทั้งสองทีมครั้งแรกในรอบ 42 ปีในรายการนี้ ถือว่านานเหลือเชือจริงเชียว 

เชลซีด้วยศักดิ์ศรีการเป็นแชมป์เก่าพวกเขาก็อยากที่จะเข้าชิงให้ได้ วันนี้จัดบาลงสนามแทนที่ของตอร์เรสแม้จะยิงได้ในยูโรป้า ลีกก็ตาม 

"สิงห์ไฮโซ" ตัวจริงไม่มีทั้งเทอร์รี่และแลมพาร์ดที่เป็นได้แค่ตัวสำรองก็ต้องดูว่าพวกเขาจะมีโอกาสลงสัมผัสเกมหรือไม่ 

ฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ให้ปันติลิมงลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริง นอกจากนั้นก็ฟูลทีมแบบเปรี๊ยะๆทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะ 2 หอกอย่างเตเบซและอเกวโร่และที่ขาดไม่ได้ก็คือหัวใจสำคัญในแดนกลางอย่างยาย่า ตูเร่ 

ครึ่งแรก 

เช็กเซฟเว่อร์!เรือใบบุกดดันหนัก 
เริ่ม 5 นาทีแรกมา แมนฯซิตี้เล่นแบบไม่ต้องให้เชลซีเตรียมใจอะไรทั้งนั้น พวกเขาบุกกดดันอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมามีจังหวะลุ้นเสียวสุดๆจากลูกเตะมุมที่แม้ว่ายาย่าจะจิ้มมาแบบเบาๆ แต่บอลมันหลุดเลยไปถึงอเกวโร่ที่ได้พลิกจิ้มบอลจ่อๆหน้าประตู แต่เช็กล้มตัวปัดทิ้งไปได้หน้าตาเฉยเลย 

ไม่ผ่านเช็กอีกแล้ว!เตฟอัดมุมแคบติด 
นาทีที่ 11 อะไรจะเหนียวขนาดนี้สำหรับเช็ก เมื่อเตเบซโชว์การเบิ้ลบอลกับแบร์รี่ ก่อนที่เขาจะทะลุเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา แม้มุมจะแคบแต่ก็ซัดบอลมุมแคบหลอกยิงไปเลย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ผ่านมือของเช็กที่อ่านขาดล้มตัวปัดทิ้งออกหลังไปได้ 

เจองี้ซาบาเลต้าเงิบ!ออสการ์ลีลาเด็ด 
นาทีที่ 17 โดนหลอกซะเต็มรักเลยสำหรับซาบาเลต้าในจังหวะนี้ที่เขาพยายามจะเข้าสกัดออสการ์แต่กลายเป็นโดนยอดดาวรุ่งบราซิเลี่ยนแตะบอลลอดขาไปเฉยเลยต้องใช้วิธีทำฟาวล์ดื้อๆ โชคดีที่ไม่โดนจดชื่อจากจังหวะนี้ 

ขอบ้าง!อาซาร์หยอดสวนโดนสกัดจากเส้น 
นาทีที่ 23 หลังโดนกดอยู่นานเชลซีก็เกือบจะมาทำประตูคืนได้แบบจังๆเลยกับจังหวะที่พวกเขาโยนบอลเข้ากลางแล้วปันติลิมงออกมาไม่เจอบอล เลยกลายเป็นอาซาร์ที่เก็บตกแถวสองหวดบอลเด้งโด่งข้ามทุกคนกำลังจะเข้าประตูอยู่แล้ว แต่มีกอมปานียืนคุมเส้นอยู่ โหม่งทิ้งสกัดออกมาได้ทัน 

เกมแลกกันแทบไม่หยุด 
เข้าครึ่งชั่วโมง เป็นเกมที่ไม่มีใครยอมใครเลยแม้แต่จังหวะเดียวทั้งสองฝ่ายมีทั้งเกมรุกที่ดูดุดันและก็เกมรับก็เหนียวแน่นไม่ยอมเสียง่ายๆ นับว่าสนุกสมใจแฟนบอลเลยทีเดียว แต่ถ้ามีประตูแรกมาด้วยคงจะมันส์กว่านี้ 

ได้เฮง!นาสรี่มีส้มหล่นอัดเต็มเท้าเรือขึ้นนำ 
นาทีที่ 35 แมนเชสเตอร์ ซิตี้บุกจนได้ดีขึ้นนำไปก่อนจนได้แล้วจากจังหวะที่ต้องชมการลุยของยาย่าซึ่งเขาลากจี้ในกองหลังจนถอยร่น ก่อนจะจ่ายเข้ากลางให้อเกวโร่ชิ่งต่อนาสรี่ซึ่งเขาพยายามจะป้ายกลับคืนให้เอล กุน แต่กลายเป็นติดบล็อกของอัซปิลิกวยต้าแล้วบอลมาตกตั้งตรงหน้าเลยจัดการตะบันเต็มๆผ่านมือของเช็กที่สุดปัญญาจะรับเข้าไป แมนฯซิตี้ชิงความได้เปรียบนำก่อนด้วยสกอร์ 1-0 

สิงห์อย่างป่วนเกือบโดนลูก 2 
เห็นอาการแล้วถ้าครึ่งแรกโดนแค่หนึ่งลูกนี่ถือว่าดีสุดๆเลยสำหรับเชลซี เพราะเกือบจะโดนหนุงอีกเม็ด ยังดีที่เช็กเซฟจังหวะแรกได้ แล้วพอโดนซ้ำบอลก็ไปติดพวกเดียวกันเองซะก่อนที่จะเข้ามือเช็กไป ไม่งั้นล่ะเสียวจริงๆว่าจะโดนนำห่าง 

กลางเรือโดนเหลืองทั้งคู่ 
ถือว่าส่งท้ายก่อนจบครึ่งแรกไปเลยสำหรับใบเหลืองนี้ที่อาจจะมีส่วนสำคัญในภายหลัง เมื่อยาย่าไปเตะแบบดื้อๆจากข้างหลังใส่โอบี มิเกลที่กำลังจะทำเกมสวนกลับ ผู้ตัดสินจดชื่อทันที ทำให้มิดฟิลด์ตัวกลางของ "เรือใบ" โดนใบเหลืองทั้งคู่ เพราะแบร์รี่โดนมาก่อนหน้านี้แล้ว 

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากจังหวะที่พลาดกันเองเกมรุกของเชลซีเกือบจะทำให้แมนฯซิตี้ได้อีกประตู แต่เปิดเข้าทำกันไม่ดี แถมจังหวะซ้ำของกอมปานีก็หลุดไปไกล เลยรอดไป ทำให้จบ 45 นาทีแรก แมนฯซิตี้นำอยู่แค่ 1-0 มีโอกาสเหมือนกันสำหรับเชลซีที่จะแก้ตัวกลับมาให้ได้ 

ครึ่งหลัง 

สิงห์หลังรั่ว!กุนตัวอย่างเล็กแต่ได้โขกเฮ 
เล่นครึ่งหลังมาแค่ 2 นาทีเท่านั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ได้ประตูนำห่างออกไปเป็น 2-0 เลย จากการที่แมนฯซิตี้ตักบอลเข้าไปในเขตโทษ แล้วอเกวโร่ขยับฉีกหาช่องก่อนจะเทคตัวขึ้นโขกในตอนที่กองหลังของเชลซีเหมือนงงชีวิตไม่รู้จะประกบใคร บอลโด่งย้อยไปเสียบเสาสอง เช็กได้แต่ยืนและมองอย่างทอดถอนใจ "เรือใบ" ทิ้ง 2-0 เลย 

สิงห์ขอสู้เพื่อตีไข่แตก 
โดนนำ 2-0 แบบนี้ไม่มีทางอื่นเลยสำหรับเชลซีนอกจากต้องพยายามทำเกมบุกเท่านั้น ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะคิดถึงเกมที่เคยโดนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนำห่าง 2-0 แล้วกลับมาตีเสมอจนสุดท้ายผ่านเข้ามาเล่นในรอบนี้ก็เป็นได้ 

สิงห์เหมือนจะได้แต่ไม่เด็ดขาด 
ผ่านหนึ่งชั่วโมงกว่าๆไปนี่เชลซีมีโอกาสพาบอลขึ้นไปหน้าเหมือนกัน เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถหาโอกาสเหมาะๆทำประตูได้ เหมือนไม่เด็ดขาดกันด้วย อย่างจังหวะของรามิเรสที่โหม่งก็เบาหวิว 

สุดตีนมาก!บาตีลังกาซัดเสียบเสาเฉียบเว่อร์ 
นาทีที่ 66 เพิ่งเปลี่ยนตอร์เรสลงมา กลายเป็นว่าเชลซีได้ประตูตีไข่แตกเลย เมื่อพวกเขาโดนบอลยาวไปถึงหน้าเขตโทษ เป็นบาที่ฉวยโอกาสจากการที่กองหลังแมนฯซิตี้เข้าช้า แต่งบอลก่อนหนึ่งจังหวะแล้วตีลังกาตวัดยิงทันที บอลพุ่งไปเช็ดเสาไกลเสียบเข้าตาข่ายอะไรจะสวยปานนี้ เชลซีมาแล้วเป็น 2-1 

เรือป่วนอย่างหนัก 
ตอนนี้สับมาเป็นทางแมนฯซิตี้ป่วนบ้างแล้ว เพราะเชลซีคึกเต็มที่โหมเกมรุกใส่ไม่หยุดยั้งจนเกือบจะได้ประตูตีเสมอ 2 ครั้ง ตอนแรกเป็นมาต้าที่เก้บบอลซึ่งนาสตาซิสสกัดไม่ดีมาแต่โดนปันติลิมงบล็อกเอาไว้ก่อนที่จะเป็นบาเบียดกับกองหลังหวดบอลที่เสาแรกได้ แต่ก็ติดเซฟไปอีกครั้ง 

เกมลุยกันตื่นเต้นหนัก 
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายนี่เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากจริงๆสำหรับการเตะของทั้งสองทีมที่สามารถจะพลิกได้ทั้งสองฝ่ายและแลกกันอยู่ตลอด ประตูต่อไปนี่จะเป็นตัวตัดสินเลยก็ว่าได้ ถ้าหากมีขึ้นจริงๆ 

กุนจังหวะนี้แถมน่าเกลียด 
ถ้าผู้ตัดสินเห็นนี่อาจจะแดงได้เลยสำหรับจังหวะนี้ของอเกวโร่ที่ปะทะกับลูอีซก่อนจะล้มลงไปพร้อมกันแล้วเหมือนเจ้าตัวจะมีน้ำโห ก่อนล้มเลยจัดการเหยียดสตั๊ดย่ำใส่บั้นท้ายของปราการหลังเชลซีแบบเฉือนๆ แต่ก็รอดตัวไป 

ตอร์เรสโวยจะเอาจุดโทษ 
นาทีที่ 87 พลาดโอกาสทองไปเลยสำหรับตอร์เรส เมื่อมาต้าจ่ายบอลข้ามไปให้เข้าทะลุถึงเขตโทษได้แล้ว แถมเหลี่ยมบอลยังดีกว่า แต่เขาโดนดึงเสื้อจากกอมปานีที่แทบจะเอามาเช็ดปากกันได้อยู่แล้วจนพลาดโอกาสซัดไป เจ้าตัวหันไปโวยใส่ผู้ตัดสินใหญ่ แต่ก็ไร้ผล 

ช่วงทดเวลานี่บีบหัวใจสุดๆ แต่สุดท้ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็รักษาสกอร์ที่พวกเขามีเอาไว้ได้ จบเกมเอาชนะไป 2-1 ผ่านเข้าไปเจอกับวีแกนในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพที่จะเตะกันในวันที่ 11 พฤษภาคมได้สำเร็จ 

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 

เชลซี
 : ปีเตอร์ เช็ก 7, บรานิสลาฟ อีวาโนวิช 5, ดาบิด ลูอีซ 5, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า 5, ไรอัน เบอร์ทรานด์ 7, รามิเรส , ฆวน มาต้า 6, ออสการ์ 5.5, จอห์น โอบี มิเกล 5(ตอร์เรส 7 น.66), เอด็องน์ อาซาร์ 5, เด็มบ้า บา  6 

สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : รอส เทิร์นบูลล์, จอห์น เทอร์รี่, แฟรงค์ แลมพาร์ด, วิคเตอร์ โมเสส, ยอสซี่ เบนายูน, เนธาน เอ็คเค่ 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : คอสเทล ปันติลิมง 7, แวงน์ซองต์ กอมปานี  6.5, เปาโล ซาบาเลต้า 7, กาแอล กลิชี่ 7, มาติย่า นาสตาซิส 8, เจมส์ มิลเนอร์ 6.5, ซาเมียร์ นาสรี่ 6.5 (เลสค็อตต์ 6 น.86), แกเร็ธ แบร์รี่  8, ยาย่า ตูเร่  8*, แซร์คิโอ้ อเกวโร่  8, คาร์ลอส เตเบซ 7(การ์เซีย 6 น.72) 

สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : โจ ฮาร์ท, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, โคโล่ ตูเร่, สก็อตต์ ซินแคลร์, เอดิน เชโก้ 


 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์