โหมโรง แดงเดือด ผีขี่หงส์ ย้อนหลังสถิติศึก Red War

Pic_237518

อุ่นเครื่องก่อนศึกแดงเดือดวันเสาร์ที่ 11 ก.พ.นี้ กันหน่อย ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์ ขอนำข้อมูล-สถิติที่น่าสนใจ ของทั้งสองทีมในการเจอกัน ที่ผ่านมา จากต่างประเทศ มาเรียกน้ำย่อยกันก่อน ส่วนใครจะได้เปรียบ หรือเสียเปรียบกว่ากัน ไปชมกันได้เลย


สถิติ เฮด ทู เฮด




ที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด : ลิเวอร์พูล ชนะ 15 ครั้ง, แมนฯ ยู ชนะ 38 ครั้ง, เสมอกัน 25 ครั้ง
รวมทั้งหมด : ลิเวอร์พูล ชนะ 53 ครั้ง, แมนฯ ยู ชนะ 60 ครั้ง, เสมอกัน 44 ครั้ง


 


ข้อมูลที่น่าสนใจที่ผ่านมา



- ทั้งสองทีม เจอกันสองครั้งในฤดูกาลนี้ เกมในลีก เมื่อเดือน ต.ค. สตีเวน เจอร์ราร์ด ยิงประตูแรกของตัวเองในฤดูกาล ช่วยให้ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ ก่อนที่ ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ จะมายิงตีเสมอ โดยประตูของเจอร์ราร์ด เป็นประตูที่ 1,200 ของลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีกอีกด้วย

- เดือนที่แล้ว ในเกมเอฟเอคัพ รอบ 4 หงส์แดง เฉือนชนะไปได้ 2-1 ที่แอนฟิลด์ ดาเนียล แอ๊กเกอร์  โหม่งนำ ในนาทีที่ 21 จากนั้น ปาร์ค จี ซอง ยิงตีเสมอให้แมนฯ ยู อีก 6 นาทีต่อมา แต่ เดิร์ก เคาท์ ทำประตูที่ 4 ของตัวเองในการเจอกับยูไนเต็ด และเป็นประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล ในนาทีที่ 88

- ฤดูกาลที่แล้ว เกมที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด ยูไนเต็ด เอาชนะไปอย่างสนุก 3-2 จากการทำประตู ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ และ สตีเวน เจอร์ราร์ด ซึ่งทั้งคู่ยิงรวมกัน 5 ประตูในเกมนี้ เบอร์บาตอฟ ซัดนำให้แมนฯ ยูก่อน 2-0  แต่จากนั้น เจอร์ราร์ด ยิงจุดโทษ และทำประตูตีเสมอ ก่อนที่ เบอร์บาตอฟ จะมาทำประตูชัยให้เจ้าถิ่น นาทีที่ 84


 




- ครั้งสุดท้าย ที่ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ ที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด เกิดขึ้นในเดือน มี.ค.ปี 2009 เมื่อเฟอร์นานโด ตอร์เรส, เจอร์ราร์ด (จุดโทษ), ฟาบิโอ ออเรลิโอ และอันเดรีย ดอสเซนา รวมพลังกันยิงถล่ม แมนฯยู 4-1 

- ในเกมพรีเมียร์ลีก 39 ครั้งหลังสุดที่เจอกันของทั้งสองทีม มีเพียงนัดเดียวที่จบลงด้วยการเสมอกันแบบไร้สกอร์ ซึ่งเกิดขึ้นที่แอนฟิลด์ ในเดือน ก.ย.ปี 2005

- 8 เกมหลังสุด ระหว่างลิเวอร์พูล กับ ยูไนเต็ด มีการทำประตูเกิดขึ้น 27 ลูก

- การบุกเยือนโอลด์แทรฟเฟิร์ด ครั้งสุดท้ายของขุนพล เดอะเรดส์ ทำให้เราได้เห็น เคนนี ดัลกลิช กลับสู่แอนด์ฟิลด์ มารับงานเผือกร้อน ในฐานะรักษาการผู้จัดการทีม เมื่อ 13 เดือนก่อน ลิเวอร์พูล ซึ่งลิเวอร์พูล แพ้ในเกมเอฟเอ คัพ 1-0 หลังจาก ไรอัน กิกส์ ได้ประตูชัยจากจุดโทษปัญหาช่วงต้นเกม และ เจอร์ราร์ด ก็โดนไล่ออกเป็นครั้งที่ 6 ในการเล่นให้กับสโมสร 

- ผลเสมอในฤดูกาลนี้ที่แอนฟิลด์ เกิดขึ้นครั้งแรก ในรอบ 12 เกมลีกที่ทั้งคู่เจอกันเหย้าเยือน  โดยก่อนหน้านี้ จะต้องมีผู้ชนะเสมอ โดย ชัยชนะ  4 ครั้งเป็นของ ลิเวอร์พูล และ 7 ครั้งเป็นของแมนฯ ยู

- นี่จะเป็นเกมลีกนัดที่ 15 ของเคนนี ดัลกลิช ในการเจอกับ ยูไนเต็ด ในฐานะผู้จัดการทีมของลิเวอร์พูล ซึ่งเขาพาทีมชนะได้ 4 ครั้ง, แพ้แมนฯ ยู 4 ครั้ง และเสมอกัน 7 ครั้ง


 




- นักเตะคนสุดท้ายของลิเวอร์พูลที่ยิงแฮตทริกได้ที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด คือ เฟรด โฮว์ ในเดือน พ.ย.ปี 1936

- ชัยชนะที่มากที่สุดของลิเวอร์พูล ที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด เกิดขึ้นในเดือน พ.ย.ปี 1936 เมื่อพวกเขาเอาชนะ ยูไนเต็ด 5-2 และใกล้เคียงกัน ในเกมที่ชนะ 4-1 เมื่อปี 2009

- เดอะเรดส์ คว้าชัย 4 ครั้ง ในการพบกับ 11 ครั้งหลังสุดที่ โอลด์แทรฟเฟิร์ด แต่ก็ชนะเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในเกม 7 นัดหลังสุด

- ลิเวอร์พูล ชนะเพียง 15 ครั้ง ในสนามแห่งนี้ นับตั้งแต่มีลีกนี้มา 116 ปี 

- 4 เกมลีกหลังสุด ที่โอลด์แทฟเฟิร์ด มีประตูเกิดขึ้น 16 ลูก

- เปเป้ เรนา ตอนนี้ ทำสถิติคลีนชีตในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 10 นัด ในฤดูกาลนี้ มากสุดเทียบเท่ากับ โจ ฮาร์ท ของแมนฯ ซิตี้

- เจอร์ราร์ด ยิงสามประตู ในการพบกันหลังสุด ที่โอลด์ แทรฟเฟิร์ด และสองประตูมาจากจุดโทษ


 



 


- ชาร์ลี อดัม ยิงประตูที่สนามแห่งนี้ ในวันสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้ว ในเกมที่ แบล็กพูล แพ้ 2-4 ขณะที่ เคร็ก เบลลามี ยิงสองประตู ให้แมนฯ ซิตี้ในเกมที่แพ้ ยูไนเต็ด 3-4 ที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด เมื่อสองฤดูกาลที่แล้ว

- ประตูเดียวที่ยิงให้ลิเวอร์พูลของดาเนียล แอ๊กเกอร์  เมื่อ 22 เดือนที่ผ่านมา ก็คือ ประตูเดียวกับที่เขายิงช่วยให้ทีมชนะ ยูไนเต็ด 2-1 ในเกมเอฟเอ คัพ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน 


- ลิเวอร์พูล ชนะนอกบ้านในเกมลีกมากกว่า เกมในบ้าน ฤดูกาลนี้ ซึ่งมากกว่า ที่พวกเขาเคยทำได้ในสองฤดูกาลที่ผ่านมา

- ลิเวอร์พูล ไม่เสียประตูเลย 6 นัด ใน 10 เกมลีกหลังสุด 


- นับตั้งแต่ที่ มาร์ติน สเคอร์เทล และ ดาเนียล แอ๊กเกอร์ ลงเล่นคู่กัน ที่ เวสต์บรอม ในเดือน ต.ค. ลิเวอร์พูล เสียไป 11 ลูก จากการเกมลีก 14 นัด และไม่เสียประตูติดต่อกัน 4 เกม ในตอนนั้น พวกเขาเสียประตูมากกว่า 2 ลูกเพียงครั้งเดียวในการบุกไปเยือน  แมนฯ ซิตี้ และ โบลตัน

- ยูไนเต็ด ไม่แพ้ในบ้านเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในเกมลีก แต่ฤดูกาลนี้ พวกเขาแพ้ที่โอลด์แทรฟเฟิร์ดไปแล้ว 2 ครั้ง ให้กับ แมนฯ ซิตี้ (1-6) และ แบล็กเบิร์ต (2-3) ซึ่งนี่ถือเป็นความพ่ายแพ้เพียง 8 ครั้ง ในรอบ 7 ฤดูกาลหลังสุดที่พวกเขาเล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง


 



 


- ยูไนเต็ด ไม่เคยแพ้ในบ้านมากกว่า 2 ครั้ง และ ก้าวไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เลย

- ก่อนหน้าที่จะแพ้ ซิตี้ เละเทะ 1-6 ในเดือน ต.ค. แมนฯ ยู ชนะในบ้านติดต่อกัน 19 เกม และนับตั้งแต่มา พวกเขาเสียแต้มในบ้านอีก ทั้งการเสมอกับ นิวคาสเซิล และ แพ้ แบล็กเบิร์น

- ซิตี้ กลายเป็นทีมเยือนทีมแรกในรอบ 81 ปี ที่ยิงประตูที่ โอลด์แทรฟเฟิร์ด ได้ถึง 6 ลูก ขณะที่ ความพ่ายแพ้ต่อแบล็กเบิร์น ทำให้ ยูไนเต็ด เป็นทีมแรกที่ยิงประตูที่ 1,500 ในศึกพรีเมียร์ลีก 

- ทีมเยือนทีมสุดท้าย ที่ไม่เสียประตูในโอลด์แทรฟเฟิร์ด ได้แก่ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ในเกมที่เสมอกัน 0-0 ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ ลีก เดือน ก.ย.ปี 2010 นับตั้งแต่นั้น ยูไนเต็ด ยิงประตูได้ตลอด 42 เกมในบ้านตัวเอง ในทุกรายการแข่งขัน

- ครั้งสุดท้ายที่พวกเขา ไม่สามารถยิงประตูในบ้านได้ในเกมลีก เกิดขึ้นในเดือน ธ.ค.ปี 2006 ในการพบกับ แอสตัน วิลลา ซึ่ง สจ๊วร์ต ดาวนิง ยังอยู่ในทีม โดยเกมจบลงด้วยผลเสมอกัน 0-0 และหลังจากนั้น แมนฯ ยู ก็ทำสถิติยิงประตูในบ้านได้ทุกนัด 42 เกมจากทุกรายการ

- ถ้าพวกเขายิงประตูได้ในเกมวันเสาร์นี้ พวกเขาจะทำลายสถิติเดิมของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ ทำไว้ในฤดูกาล 1955-57 ด้วยการทำประตู ติตต่อกัน  43 นัด ที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด






- ยูไนเต็ด มีสถิติยอดเยี่ยมในเกมครึ่งแรก ของศึกพรีเมียร์ลีก 200 นัด ที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด โดยพวกเขาไม่เคยแพ้, และชนะ 188 นัด เสมอ 12 นัด

- พวกเขาเสียประตูเพียง 12 ลูกในบ้าน ในเกมลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่สำหรับปีนี้ พวกโดนยิงที่โอลด์แทรฟเฟิร์ดไปแล้วถึง 14 ลูก


- มีเพียงเชลซี (19) เท่านั้น จากทีมหัวแถวทั้ง 8 ทีม ที่เสียประตูในบ้าน มากกว่า ยูไนเต็ด

- เวย์น รูนีย์ ยิงจุดโทษพลาดเป็นครั้งที่ 6 จากทั้งหมด 16 ครั้งในการลงเล่นพรีเมียร์ลีก รมถึง 4 ครั้ง จาก 10 เกมหลังสุด โดย รูนีย์ เป็นผู้ยิงจุดโทษ 2 ลูก ในเกมที่พบกับ เชลซี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

- การเสมอกับ เชลซี 3-3 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่เชลซี ถือเป็นครั้งที่ 3 ของ ยูไนเต็ด ที่รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ หลังจากตามหลังห่างถึง 3 ลูก ในเกมพรีเมียร์ลีก 

- การยิงจุดโทษสองครั้งของรูนีย์ เมื่อสุดสัปดาห์ ทำให้ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมแรกที่ ได้ยิงจุดโทษ 4 ครั้งติดต่อกัน และทำให้ รูนีย์ ยิงไป 4 ประตู จากการลงเล่น 4 เกมหลังสุด ทั้งในลีกและบอลถ้วย


 





- แฮตทริก ของดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ ที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เป็นครั้งแรกของผู้เล่นยูไนเต็ดที่ทำได้ ในการเจอกับ ลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ที่ สแตน เพียร์สัน ทำไว้ในเดือน ก.ย.ปี 1946 ซึ่ง เบอร์บาตอฟ ได้ลงเล่นครั้งแรกให้กับยูไนเต็ด ในการเจอกับ ลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ ในเดือน ก.ย.ปี 2008

- ฤดูกาลนี้ ไรอัน กิกส์ ยิงประตูในแต่ละฤดูกาล ได้เป็นครั้งที่ 23 ติดต่อกันแล้ว

- ยูไนเต็ด ไม่สามารถรักษาคลีนชีตไว้ได้ใน 7 เกมหลังสุด ที่เจอกับ ลิเวอร์พูล ทั้งไปและกลับ

- ชัยชนะนัดนี้ จะทำให้ ยูไนเต็ด ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงชั่วคราว เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนวันที่ 14 ต.ค. ซึ่งหลังจากนั้นเพียงหนึ่งวัน พวกเขาก็พลาดที่จะเอาชนะ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ 

- นับตั้งแต่ความพ่ายแพ้ให้กับ ซิตี้ ที่โอลด์แทรฟเฟิร์ด เมื่อเดือน ต.ค. ยูไนเต็ด ชนะ 11 นัด จาก 15 เกมในลีกหลังสุด และแพ้เพียง 2 นัด

- ลิเวอร์พูล เสมอ  3 นัด ในเกม 4 นัดหลังสุดของตัวเอง ที่มีผู้ตัดสินฟิล ดาวด์ ลงทำหน้าที่ในฤดูกาลนี้ ซึ่งได้แก่เกมที่เจอกับ ซันเดอร์แลนด์ และ สวอนซี (บ้าน) ในเกมลีก และ แมนฯซิตี้ ที่แอนฟิลด์ ในลีกคัพ พวกเขาทำสถิติชนะอีกเกม ที่พบกับ เชลซี ในลีกคัพ


- เขาเป่าให้ ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษ 4 ครั้ง ในการทำหน้าที่ 6 เกมหลังสุดของตัวเอง และให้จุดโทษแก่ยูไนเต็ด 2 ครั้ง ในเกม 4 นัดหลังสุดของทีม


 


 



 


สถิติคนทำประตูในฤดูกาลนี้ (ในวงเล็กเกมพรีเมียร์ลีก)



ลิเวอร์พูล : เบลลามี 9 (6), ซัวเรซ 8 (5), เจอร์ราร์ด 5 (2), คาร์โรลล์ 5 (3), แม็กซี 4 (2), เคาท์ 3 (1), อดัม 2 (2), สเคอร์เทล 1 (0), ดาวนิง 1 (0), เฮนเดอร์สัน 1 (1), จอห์นสัน 1 (1), เคลลี 1 (0), เชลเวย์ 1 (0), ทำเข้าประตูตัวเอง 3 (3)

แมนฯยู : รูนีย์ 20 (15), เบอร์บาตอฟ 9 (7), เวลเบค 9 (6), เฮอร์นานเดซ 8 (8), นานี 8 (6), วาเลนเซีย 4 (2), กิกส์ 3 (1), โอเวน 3 (0), ปาร์ค 3 (2), ยัง 3 (2), แอนเดอร์สัน 2 (2), คาร์ริก 2 (2), เฟลตเชอร์ 2 (1), โจนส์ 2 (1), มาเคดา 1 (0), สโคลส์ 1 (1), ทำเข้าประตูตัวเอง 2 (2)


 


ที่มา http://www.liverpoolfc.tv/


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์