เรน่า : แชมป์โลกมีค่าสำหรับผมมาก

src=http://www.siamsport.co.th/_ImagesColumn/110104F5U01010.jpg



     ถึงแม้เป็นเพียงแค่อะไหล่สำรองให้กับ อีเกร์ กาซียาส มานานหลายปีแล้ว แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า โฆเซ่ มานูเอล เรน่า จอมหนึบขวัญใจแฟนบอล ลิเวอร์พูล ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญสู่ความสำเร็จของทีมชาติสเปนตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา


หลายๆ คนอาจจะตั้งคำถามว่า... จริงเหรอ?, ใช่เหรอ? แต่ถ้าหากใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของ เรน่า ล่ะก็ คงจะทราบกันดีว่า นายทวารหนุ่มหัวเหม่งวัย 28 ปีผู้นี้แหละ คือแหล่งกำลังใจชั้นยอดของทัพ กระทิงดุ ยุคเรืองรองชุดนี้เลยทีเดียว (ทำไมกับ ลิเวอร์พูล ไม่เป็นบ้างนะ) ก็เพราะด้วยลักษณะนิสัยที่เป็นคนเฮฮา เข้าได้กับทุกคน และมักจะสร้างเสียงหัวเราะให้เกิดขึ้นภายในห้องแต่งตัวเสมอ 
 

ถึงแม้ฟังดูไม่ยิ่งใหญ่ หรือไม่สำคัญเท่ากับการเป็นนักเตะแกนหลักของทีม แต่ด้วยความเป็นตัวตนของ เรน่า นี่แหละ ที่ช่วยหล่อหลอมให้แข้งทีมชาติสเปนทุกคนมีความสามัคคีและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้กลับมาคือ ตำแหน่งแชมป์ยุโรปเมื่อปี 2008 และแชมป์โลกในปี 2010 อย่างที่เรารู้ๆ กัน 
 

และข้างล่างนี้คือบทสัมภาษณ์เล็กๆ น้อยๆ ของ เปเป้ เรน่า ที่เจ้าตัวถือโอกาสนั่งเปิดใจผ่านทีมงานจากเว็บไซต์ FIFA.COM ถึงภาพความทรงจำต่างๆ ที่ยากจะลืมเลือนในศึก เวิลด์ คัพ 2010 และก็รวมไปถึงอนาคตภายใต้ยูนิฟอร์ม หงส์แดง ที่เหล่าสาวก เดอะ ค็อป หลายๆ คนอยากจะรู้ด้วย 

Q : หากไม่นับเกมกระชับมิตรที่แพ้ให้กับ อาร์เจนตินา และ โปรตุเกส ทีมชาติสเปนของคุณคงมีแต่ประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือนได้เลย

JR : แน่นอน การคว้าแชมป์ เวิลด์ คัพ มันมีความหมายสำหรับตัวผมมาก ใครๆ ก็น่าจะรู้ว่า ต่อไปนี้อีก 4 ปี เราจะต้องทำผลงานให้ดีที่สุดเลย กับการได้สวมเสื้อทีมชาติที่มีตราแชมป์โลกปักอยู่กลางอก และเราจะสวมมันด้วยความภาคภูมิใจ เรารู้ดีว่า ตอนนี้เราต้องแบกความรับผิดชอบครั้งใหญ่อยู่บนบ่า และผู้คนก็ตั้งความหวังกับเราสูงขึ้นด้วย
 

เรารู้ดีว่า ต่อไปนี้เราจะต้องเจอกับคู่แข่งสุดหิน ซึ่งแต่ละทีมต่างก็มีแรงจูงใจที่จะล้ม สเปน ให้ได้ทั้งนั้น เกมกระชับมิตรของเราต่อไปนี้ไม่มีเกมไหนที่ง่ายอีกแล้ว เราแพ้ที่บ้านของ อาร์เจนตินา และ โปรตุเกส อย่างเละเทะ แต่เราก็ต้องเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากเกมเหล่านี้ด้วยเช่นกัน  
   

Q : อะไรคือภาพทรงจำที่ดีที่สุดของคุณ จากเกมที่เอาชนะ เนเธอร์แลนด์ ในศึก เวิลด์ คัพ รอบชิงชนะเลิศ?

JR : ผมขอบอกเลยว่า มันมีเยอะมาก แต่ที่น่าขำคือ ผมสัมผัสบรรยากาศของทุกเกมจากบนม้านั่งสำรองตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์เลย และผมมักจะเป็นคนแรกเสมอที่ซอยเท้าวิ่งไปเฮกับ เอล กวาเฆ่ (ดาบิด บีย่า) ตอนที่เขายิงประตูให้เราได้ แต่วันนั้นในเกมนัดชิงฯ ผมกลับรู้สึกว่า ขาของตัวเองหนักแปลกๆ และพอ อิเนียสต้า ยิงประตูได้ เพื่อนๆ ก็วิ่งข้ามผมไปหมด เพื่อไปฉลองประตูของ อิเนียสต้า ตรงมุมธง เมื่อไรก็ตามที่ผมหยิบภาพในจังหวะนั้นขึ้นมาดูใหม่ ผมก็อดขำตัวเองไม่ได้ทุกที มันห้ามไม่ได้เลยจริงๆ แต่นั่นแหละคือความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับประสบการณ์แบบนี้   

Q : ช็อตแห่งความทรงจำอีกอย่างคือ จังหวะที่คุณเข้าไปสวมกอด อีเกร์ กาซียาส ซะเน้นเลย หลังจากที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดจบเกม คุณช่วยอธิบายให้เราฟังหน่อยสิว่า ทำไมคุณถึงทำเช่นนั้น?

JR : อ่อ ได้สิ คือในฐานะที่เป็นผู้รักษาประตู คุณย่อมมีความรู้สึกที่พิเศษกับผู้รักษาประตูคนอื่นๆ ภายในทีมอยู่แล้ว มันเหมือนความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทั้ง กาซียาส, บิคตอร์ บัลเดส และผมเข้ากันได้ดีมากในระหว่างศึก เวิลด์ คัพ ที่แอฟริกาใต้ มันสุดยอดจริงๆ และผมก็คิดว่า เรื่องแบบนี้แหละที่ช่วยให้ กาซียาส เล่นได้อย่างท็อปฟอร์มด้วย

Q : เอาล่ะ หันมาคุยกันถึงเรื่องสโมสรบ้าง สโมสรของคุณจะแฮปปี้หรือเปล่า หากจบฤดูกาลด้วยการติดอยู่ในกลุ่ม 6 อันดับแรก?

JR : ผมคิดว่า ไม่นะ แต่เราจะต้องทำให้ดีกว่าฤดูกาลก่อน เป้าหมายโดยส่วนตัวของผมแล้ว มันไม่ใช่แค่ท็อปซิกซ์หรอก แต่มันคือตำแหน่งแชมป์ต่างหาก แม้ฤดูกาลนี้อาจจะยังไม่ได้ แต่ผมก็หวังว่า เราน่าจะทำได้สำเร็จอย่างน้อยสักครั้งในอนาคต ซึ่งนั่นแหละคือเป้าหมายของเราที่กำลังพยายามทำให้ได้อยู่ 

Q : ถึงแม้คุณยังคงมีสัญญาอยู่กับ ลิเวอร์พูล แต่มันก็ยังมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับการขายคุณอยู่ เพราะสโมสรของคุณกำลังมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้วคุณคิดถึงการย้ายกลับไปเล่นที่ สเปน บ้างหรือเปล่าล่ะ? 

JR : ตอนนี้ ลิเวอร์พูล คือสโมสรของผม และผมก็ไม่คิดที่จะย้ายไปไหนทั้งนั้น การเป็นอยู่ของผมที่ อังกฤษ ก็ดีเยี่ยม ถึงแม้อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสภาพอากาศบ้างก็ตาม ครอบครัวของผมมีความสุขกับที่นี่ และก็ปรับตัวกันได้แล้วด้วย
 
           

ตอนที่ผมต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล ออกไปเมื่อปีก่อน ผมรู้ดีว่า สโมสรกำลังก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก และผมก็คิดด้วยว่า การต่อสัญญาของผมครั้งนั้นได้สร้างความประทับใจให้กับทั้งสโมสรและแฟนบอลของเราด้วย ส่วนตัวผมเองก็แฮปปี้มากๆ กับ ลิเวอร์พูล เช่นกัน แต่ก็อยากประสบความสำเร็จในรายการใหญ่ๆ บ้าง เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมจึงกำลังตั้งตารอที่จะเป็นแบบนั้นอีกครั้งกับ ลิเวอร์พูล

Q : ลีกสเปนช่วงนี้เป็นยังไงบ้างในสายตาของคุณ? ซึ่งมันดูไม่ค่อยเหมือนลีกอังกฤษเลยนะ เพราะที่ สเปน มันก็มีเพียงแค่ เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า เท่านั้นที่เบียดแย่งแชมป์กัน

JR : แต่นั่นก็ไม่ใช่เพราะทีมอื่นๆ ห่วยแตกนะ ผมคิดว่า แถวๆ กลางตารางมันก็มีการขับเคี่ยวกันอย่างสนุก ไม่ต่างกับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เลย  แต่เรื่องจริงอย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยคือ แต่ละสโมสรในลีกอังกฤษสามารถล้มกันเองได้ ซึ่งเรื่องนี้แหละที่ทำให้การการลุ้นแชมป์มันเปิดกว้างสำหรับหลายๆ สโมสร ไม่ใช่มีลุ้นแค่ม้าแข่ง 2 ตัวเท่านั้น    

Q : คำถามสุดท้ายละกัน รางวัล บัลลง ดอร์ ประจำปี 2010 นี้ มีนักเตะชาวสแปนิช 2 คนที่มีลุ้นได้มันไปครอง แล้วคุณอยากให้ใครได้ล่ะ?

JR : สำหรับผมแล้วตัวเต็งคือ ชาบี เอร์นานเดซ และผมก็คิดว่า มันก็มีเพียงแค่เขากับ อิเนียสต้า เท่านั้นแหละ ที่ได้ลุ้น ซึ่งผมก็รู้สึกดีทีเดียวกับเรื่องนี้ ผมคิดว่า ยังไงๆ ปีนี้ต้องเป็นนักเตะชาวสแปนิชแน่ๆ ที่ได้รางวัลไปครอง 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์