เปเป้ เรน่า

       เปเป้ เรน่า หรือ โฮเซ่ มานูเอล เรน่า อดีตเด็กปั้นบาร์เซโลน่า ที่ก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของทีมลิเวอร์พูลคนปัจจุบัน

เรน่า ย้ายมาสู่รั้วแอนฟิลด์ในเดือนกรกฏาคม 2005 ซึ่งถือเป็นนักเตะสเปนคนสุดท้ายที่ราฟาตัดสินใจคว้าตัวมาเสริมในปีนั้น หลังจากพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกก่อนหน้านั้น 2 เดือน โดยเอล บอส ตั้งใจจะให้มาเป็นมือหนึ่งของทีมแทนที่ เจอร์ซี่ ดูเด็ค  โดยเรน่า มีชื่อเล่นว่า เปเป้ ดังนั้นคนที่ลิเวอร์พูลจึงมักจะเรียกเขาด้วยชื่อเล่นว่า เปเป้ เรน่า มากกว่าจะใช้ชื่อจริงในการเรียก ซึ่งเจ้าตัวก็ยินดีให้เรียกตามนั้นมาตลอด

เรน่า แม้ว่าจะเกิดที่มาดริด แต่ตัวเขาเองเป็นแฟนบาร์ซ่ามาโดยตลอด และเขาก็เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับสโมสร บาร์เซโลน่านี่เอง ในช่วงที่อยู่กับทีมเยาวชนของบาร์ซ่า เรน่าคว้าแชมป์ยุโรปร่วมกับทีมชาติสเปนชุดยู 16 และมีโอกาสได้ลงเล่นให้ยอดทีมแห่งคาตาลันเป็นครั้งแรกเมื่ออายุ 18 ปีเท่านั้น

ฤดูกาล 2000-01 เรน่ามีโอกาสลงเฝ้าเสาให้ทีมบาร์เซโลน่าชุดใหญ่ถึง 33 เกม รวมถึงเกมที่พบกับลิเวอร์พูลในแชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้ง 2 นัดด้วย  อย่างไรก็ตามในฤดูกาลถัดมา เรน่ากลับได้ลงสนามเพียง 11 เกม นั่นทำให้เขาตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม บียาร์เรอัล เพื่อโอกาสที่มากกว่าในการลงสนาม ก่อนที่บียาร์เรอัลจะซื้อขาดมาร่วมทีมในเดือนพฤษภาคม 2004

เรน่า พัฒนาฝีไม้ลายมือจนยึดตำแหน่งตัวจริงของบีบาร์เรอัลแบบถาวร เขามีส่วนพาทีมเยลโล่ ซับมารีน คว้าโควต้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกของสโมสรในฤดูกาล 2004-05 และเมื่อจบฤดูกาลนั้นเขาก็ตัดสินใจอำลาบ้านเกิดเพื่อมาหาตามล่าความสำเร็จกับลิเวอร์พูล

เรน่า มีสถิติที่น่าทึ่งในการเล่นในลาลีกา โดยจอมหนึบสเปนสามารถป้องกันลูกจุดโทษได้ถึง 7 ครั้งจาก 9 ครั้ง  ซึ่งเขาก็แสดงให้เห็นความสามารถพิเศษด้านนี้กับลิเวอร์พูลหลังจากนั้นเช่นเดียวกัน

ราฟา เบนิเตซ ส่ง เรน่า ประเดิมสนามเฝ้าเสาให้ลิเวอร์พูลนัดแรกในเกมพบกับ ทีเอ็นเอส ในแชมเปี้ยนส์ ลีกรอบคัดเลือกเมื่อ 13 กรกฏาคม 2005 อีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้น เขาก็ได้รับหมวกทีมชาติชุดใหญ่ใบแรกในเกมที่สเปน เอาชนะ อุรุกวัยไป 2 - 0 นอกจากนี้ในเดือนธันวาคม เรน่ายังทำสถิติใหม่ให้กับลิเวอร์พูล เมื่อทำสถิติไม่เสียประตูติดต่อกัน 11 เกมได้สำเร็จ ในเกมพบกับ ซาปริสซ่า ในศึกชิงแชมป์สโมสรโลก แม้ว่าในท้ายที่สุดหงส์แดงจะทำได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์ก็ตาม

ฤดูกาลแรกของเรน่ากับลิเวอร์พูลถือว่าจบลงอย่างสวยงาน เมื่อเขาเป็นผู้เซฟจุดโทษสำคัญช่วยชนะเวสต์แฮมในการดวลจุดโทษ คว้าแชมป์ เอฟ เอ คัพ ได้สำเร็จ

เรน่า มีชื่อติดทีมชาติสเปนในฐานะมือสามรองจาก อิเคร์ คาซิยาส และ ซานติเอโก้ คานยิซาเรส ไปลุยฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมันด้วย

ในเดือนเมษายน 2007 ในเกมกับแบล็คเบิร์น เรน่าก็สร้างสถิติของสโมสรขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยในการลงสนาม 50 นัดแรกนั้น เขาเสียประตูไปเพียงแค่ 28 นัดเท่านั้น น้อยกว่าผู้รักษาประตูระดับตำนานของทีมอย่าง เรย์ คลีเมนซ์ ถึง 3 ประตู ตลอดฤดูกาลนั้น เรน่า ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ ไฮไลท์ที่น่าจดจำคือการเซฟลูกจุดโทษช่วยให้ทีมผ่านเชลซี เข้าไปชิงชนะเลิศอีกครั้งกับ เอซี มิลาน ที่เอเธนส์ได้สำเร็จ นับเป็นนักฟุตบอลคนที่ 3 ที่ได้เจริญตามรอยเท้าคุณพ่อลงเล่นในฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป   น่าเสียดายที่ในท้ายที่สุด เรน่าก็เป็นฝ่ายปราชัยเหมือนกับ มิเกล เรน่า คุณพ่อของเขาสมัยเฝ้าเสาให้ แอตเลติโก มาดริด  เมื่อมิลาน ยักษ์ใหญ่จากแดนมักกะโรนีมาถอนแค้นคืนจากศึกอิสตันบูลได้สำเร็จ

ในเดือนมิถุนายน 2007 หลังจากค้าแข้งอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ 2 ปี ทางสโมสรก็ตอบแทนผลงานอันยอดเยี่ยม ด้วยการจัดการขยายสัญญาเดิมออกไปอีก 5 ปี

ปี 2008 ก็ถือเป็นปีทองของเรน่าอีกปี เมื่อเขาได้รับมอบรางวัลถุงมือทองทำจากพรีเมียร์ ลีก หลังจากทำสถิติคลีน ชิต ไม่เสียประตูมากนัดที่สุดตลอด 3 ปีที่ค้าแข้งในอังกฤษ รวมถึงการติดทีมชาติสเปนไปคว้าแชมป์ยูโร 2008 ซึ่งถือเป็นถ้วยรายการใหญ่ที่ทีมกระทิงดุคว้ามาครองได้นับตั้งแต่ปี 1964 เลยทีเดียว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์