เจาะแทคติก เกมลิเวอร์พูล – แมนยู

เจาะแทคติก เกมลิเวอร์พูล – แมนยู

เดิร์ค เค้าท์ทำคนเดียวสามประตู ในเกมที่ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะมาได้อย่างไม่ยากลำบาก

ประตูทั้งสามของเดิร์ค เค้าท์นั้นอาจจะดูง่ายๆ ระยะทางถึงปากประตูของทั้งสามลูกรวมกันนั้นอาจจะยังไม่ถึงแปดหลา แต่มันก็เกิดจากความสามารถในการไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด และผลงานอันยอดเยี่ยมโดยรวมของเขาก็เป็นเหตุผลให้ลิเวอร์พูลเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม

4-4-1-1 vs 4-4-2

แอนดี้ คาร์โรลล์นั้นฟิตพอแค่ที่จะนั่งบนม้านั่งสำรอง ทำให้เค้าท์และซัวเรสเล่นหน้าคู่กัน แดเนี่ยล แอ็กเกอร์และมาร์ติน เคลลี่นั้นบาดเจ็บอยู่ ทำให้เคนนี่ ดัลกลิชกลับมาใช้กองหลังสี่ตัว หลังจากใช้หลังสามตัวใในเกมสุดสัปดาห์ที่แล้วกับเวสต์แฮมที่มีผลงานย่ำแย่

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเปลี่ยนแผนมาใช้ 4-4-2 แทนที่จะใช้ 4-5-1 ที่เขานิยมใช้กับบรรดาทีมใหญ่ ดาร์เรน เฟลทเชอร์ออกไปนั่งเป็นตัวสำรอง โดยส่งไรอัน กิกส์เข้ามา แล้วให้สลับข้างกันกับนานี่ เวส บราวน์ลงมาแทนวิดิชที่ติดโทษแบน

ลิเวอร์พูลเริ่มต้นเกมได้ดีกว่ามาก การเคลื่อนที่ของพวกเขาทำกันได้วิเศษ การผ่านบอลไหลลื่น สตีเว่น เจอร์ราร์ดเล่นตำแหน่งตรงกลางคู่กับลูคัส สี่นักเตะข้างหน้านั้นได้รับอิสระในการทำเกมรุกและหมุนเวียนเปลี่ยนตำแหน่ง และสามารถสร้างความปั่นป่วนให้เกมรับแมนยูได้อยู่เรื่อยๆ

ซัวเรสโดดเด่น แต่เล่นได้ดีทั้งทีม

แน่นอนว่าหนึ่งในนักเตะที่โดดเด่นที่สุดในนัดนี้คือหลุยส์ ซัวเรส ที่สามารถเลี้ยงบอลในพื้นที่แคบๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซี่งน่าจะถือเป็นไฮไลท์ของฤดูกาล และเขาก็ยังมีส่วนร่วมกับทั้งสามประตู แต่นักเตะทุกคนต่างช่วยกันได้เป็นอย่างดีและสมควรได้รับคำชม ไม่มีนักเตะคนไหนเล่นได้แย่เลย รวมทั้งออเรลิโอซึ่งดูเหมือนจะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกเพราะอาการบาดเจ็บ (เหมือนเดิมอีกครั้ง) ลิเวอร์พูลไม่ได้พึ่งพานักเตะเพียงไม่กี่คนที่ช่วยลากทีมไปสู่ชัยชนะ โดยมีนักเตะคนอื่นมาลงเพื่อให้ครบ 11 คนเท่านั้น

เจอร์ราร์ดดูเหมือนจะมีเกมที่เงียบในเชิงเกมรุกถ้าไม่นับการยิงไกลสวยๆไปสองครั้ง แต่เขาเล่นได้อย่างมีวินัย และยืนประจำตำแหน่งได้ดีโดยไม่หลุดออกจากตำแหน่ง ราอูล ไมเรเลสนั้นดูจะเป็นนักเตะที่ดีในช่วงต้นฤดูกาล แต่นับตั้งแต่มีการเปลียนผู้จัดการทีม เขากลายเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม การวิ่งเติมจากแผงมิดฟิลด์นั้นทำได้ยอดเยี่ยม รวมถึงการยืนตำแหน่งด้วย

คีร์เกียคอสซึ่งแม้จะค่อนข้างเชื่องช้านั้น ก็ทำได้ไม่ผิดพลาดจากการลงมาเป็นตัวสำรองยามจำเป็น การเคลื่อนที่และการจ่ายบอลจังหวะเดียวของมักซี่ก็ทำได้ยอด รวมทั้งการช่วยเกมรับของเขาอีกด้วย เกล็น จอห์นสันแสดงให้เห็นว่าเขานั้นเป็นฟูลแบ็คชั้นยอด ไม่ว่าจะอยู่ฝั่งซ้ายหรือขวา หรือแม้จะถูกสั่งให้เน้นเกมรับก็ตามที และลูคัสนั้นก็ดูไว้วางใจได้ในเรื่องของการทำงาน, การอ่านเกม, และการจ่ายบอลของเขา

เดิร์ค เค้าท์ป่วนกองหลัง สร้างพื้นที่

เค้าท์นั้นเป็นคนที่คอยกระตุ้นการเคลื่อนเกมรุกที่ดีๆหลายครั้ง ด้วยการฉีกตัวออกไปด้านข้างหรือถอยลงมาช่วยเชื่อมเกม กองหลังแมนยู - โดยเฉพาะคริส สมอลลิ่ง - นั้นพยายามจะตามเค้าท์มากเกินไป ซึ่งทำให้เกิดพื้นที่ในเกมรับของแมนยู พื้นที่ที่เกิดขึ้นนี้ถูกตัวรุกตัวอื่นๆของลิเวอร์พูลเข้าโจมตี – โดยเฉพาะซัวเรส – ซึ่งวิ่งเข้าไปในช่องแล้วตรงเข้าหาประตู – และไมเรเลสที่คอยวิ่งตัดเข้ามาจากทางขวา

เดิร์ก เค้าท์แสดงให้ห็นว่าเขาเป็นนักเตะที่เล่นได้ดีขึ้นเวลาเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เพราะความเร็วของเกมมักจะสูงกว่า เค้าท์นั้นมีความเข้าใจในเรื่องการใช้พื้นที่เป็นอย่างดี ในเกมที่ช้าๆและมีพื้นที่น้อย เขานั้นดูจะอุ้ยอ้ายเกินไป โดยปกตินักเตะที่อุ้ยอ้ายนั้นจะยิ่งแย่ลงเวลาเจอเกมเร็วๆ แต่เค้าท์กลับเล่นได้ดีขึ้น บางทีเขาอาจจะต้องการผู้เล่นที่เคลื่อนที่รอบๆตัวเขา ถ้าเพื่อนร่วมทีมของเขานั้นไม่มีการขยับ จะทำให้ความอุ้ยอ้ายและปัญหาทางด้านเทคนิคของเขานั้นเด่นชัดออกมา อย่างที่ได้เห็นในสองนัดก่อนหน้านี้ หลังจากที่เขาเล่นได้อย่างโดดเด่นในเกมกับเชลซี แล้วเขาก็กลับมาเล่นได้อย่างโดดเด่นอีกครั้งและเป็นแฮตทริกฮีโร่ในเกมนัดนี้

การต่อสู้ในแผงมิดฟิลด์

แมนยูไม่ได้วางแผนมาเพื่อรับมือกับตัววิ่งเติมจากแผงมิดฟิลด์ การใช้ไมเคิล คาร์ริคกับพอล สโคลส์ - ซึ่งแทบจะไม่ใช้งานคู่กันเลยในฤดูกาลนี้ – นั้นทำให้ขาดพลังงานและการเคลื่อนที่ในแผงมิดฟิลด์ ดาร์เรน เฟลทเชอร์ที่นั่งอยู่บนม้านั่งสำรองนั้นน่าจะมีประโยชน์มากกว่า แต่คำถามก็คือเขาจะสามารถลงเล่นบิ๊กแมทช์สองนัดติดได้หรือไม่ หลังจากลงเล่นทางฝั่งขวาในนัดที่พบกับเชลซีมาในกลางสัปดาห์

แผนการที่วางมาของแมนยูนั้นไม่ค่อยได้ผล การใช้ซัวเรสเล่นในตำแหน่งที่ลึกกว่า ทำให้ลิเวอร์พูลถ่ายบอลระหว่างมิดฟิลด์และกองหน้าได้อย่างง่ายดาย การที่ทั้งสโคลส์และคาร์ริคถอยมายืนลึกนั้น ได้ให้พื้นที่กับเจอร์ราร์ดและลูคัสขยับขึ้นมาช่วยเกมรุก เฟอร์กูสันนั้นมักจะใช้แผน 4-5-1 กับเกมใหญ่ แต่กลับใช้ 4-4-2 ในเกมไปเยือนสองเกมที่ยาก กับทั้งเชลซีและลิเวอร์พูล

แมนยูเกมรุกตื้อ

แมนยูนั้นมีการเคลื่อนที่กันน้อยกว่าในสี่ตัวรุก นานี่และไรอัน กิกส์นั้นมักจะอยู่ริมเส้นตลอด และไม่สามารถที่จะเชื่อมเกมกับสองกองหน้าได้บ่อยนัก และเวลาที่พวกเขาตัดเข้ามาข้างใน ก็จะเจอกับลูคัสและเจอร์ราร์ดเข้ามาช่วยป้องกัน ซึ่งแม้ว่าจะเปิดพื้นที่ให้กับคาร์ริคและสโคลส์ได้ แต่โดยธรรมชาตินั้นทั้งคู่ชอบถ่ายบอลออก มากกว่าที่จะดันขึ้นมาเติมเกมเอง ลิเวอร์พูลดูเหมือนจะรับมือกับแมนยูได้แทบทุกรูปแบบ ไมเรเลส แม้ว่าจะต้องเล่นในตำแหน่งทางขวาซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขา แต่เขาก็สามารถทำให้เอฟร่าไม่กล้าเติมขึ้นมาช่วยเกมรุกเลย

การเปลี่ยนแปลง

ลิเวอร์พูลนั้นต้องรับมือกับการบาดเจ็บของฟาบิโอ ออเรลิโอ ซึ่งมีผลทำให้แผงหลังแทบทั้งแผงต้องเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง

แมนยูนั้นต้องเอาเฮอร์นานเดซลง แทนที่นานี่ซึ่งได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทำให้กิกส์ต้องย้ายไปเล่นทางฝั่งขวา แล้วให้รูนี่ย์ถอยมายืนเป็นปีกซ้าย แต่ทั้งสองคนนั้นก็ชอบที่จะตัดเข้ามาข้างใน – เกลน จอห์นสันซึ่งตอนนั้นยืนเป็นแบ็คซ้าย สามารถรับมือกิกส์ที่ตัดเข้าในมาเข้าเท้าข้างถนัดของตัวเองได้สบาย

คาร์ราเกอร์นั้นโชคดีที่ไม่โดนใบแดง (เช่นเดียวกันกับราฟาเอล) จากการเข้าแท็คอย่างสะเพร่า แม้ว่าเขาจะเปิดโอกาสให้รูนี่ย์ตัดเข้ามายิงได้อยู่หลายครั้ง แต่ก็นับว่าเขารับมือได้เป็นอย่างดี กับการถูกขอให้เปลี่ยนไปยังตำแหน่งที่ไม่ถนัดระหว่างเกม

ครึ่งหลัง

แมนยูนั้นเริ่มต้นครึ่งหลังได้ดีอยู่เช่วงหนึ่ง แต่ถ้าดูโดยรวมแล้วพวกเขาขาดการสร้างสรรค์เกมและความมั่นใจเกือบตลอดทั้งเกม การเคลื่อนที่ในกรอบเขตโทษของเฮอร์นานเดซนั้นน่ากลัว เขาใช้ความเร็วที่เหนือกว่าคีร์เกียคอสเข้ามยิงจากลูกเตะมุมออกข้างไปในต้นครึ่งหลัง และสามารถทำประตูปลอบใจได้ในช่วงท้ายเกม

ลิเวอร์พูลนั้นใช้การยืนสองแถว แถวละสี่คนในการรับมือกับความกดดัน ซึ่งพวกเขาก็ทำกันได้ดีตลอดทั้งฤดูกาล (รวมถึงตอนที่เล่นภายใต้ฮอดจ์สันด้วย) หงส์แดงรับมือกับการบุกในแดนรับของตัวเองได้ดี และศัตรูที่น่ากังวลที่สุดของพวกเขาคือการเสียฟรีคิกรอบๆกรอบเขตโทษ แต่รูปแบบในเกมรับนั้นทำได้อย่างยอดเยี่ยม

หลังจากเค้าท์ทำประตูแฮตทริกได้ เกมก็เหมือนกับจบลง เหตุการณ์และการเปลี่ยนตัวหลังจากนั้นไม่ได้มีผลอะไรมากนัก

บทสรุป

การเคลื่อนที่และการเล่นเป็นทีมที่ดีกว่าของแนวรุกลิเวอร์พูลนั้น เป็นกุญแจสำคัญของเกมนี้ เค้าท์กับเบอร์บาตอฟนั้นดูจะเป็นการเปรียบเทียบที่น่าสนใจ ไม่ใช่เพียงในแง่ของปริมาณงาน แต่พละกำลังของเค้าท์รวมกับการเคลื่อนที่อย่างชาญฉลาด ช่วยสร้างเกมรุกที่ดีกว่าให้กับลิเวอร์พูล ประตูที่ทำได้อาจจะเป็นลูกง่ายๆ แต่ผลงานโดยรวมของเขานั้นยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์