อีแอบแต๋วแตก !! หงส์ถล่มค้อนโชว์ปืน 3-0





















พรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล 3 - 0 เวสต์แฮม
 

พรีเมียร์ลีก
 

          หงส์แดงลิเวอร์พูลชุดไร้สตีเฟ่น เจอร์ราร์ดไม่พลาดหลังฉวยโอกาสไล่ต้อนบ๊วยเวสต์แฮมสบายเกือก 3-0 จากประตูของ GJ, เดิร์ก เคาท์และมักซี่ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 9 แล้ว


พรีเมียร์ลีก
วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2553
ลิเวอร์พูล 3-0 เวสต์แฮม
ประตู : 1-0 จอห์นสัน น.18, 2-0 เคาท์ น. 27 (จุดโทษ), 3-0 มักซี่ น.38


          รอย ฮอดจ์สันกุนซือจอมขอโทษไม่มีสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดที่เจ็บจากทีมชาติทำให้ต้องเลือกใช้งานคริสเตียน โพลเซ่นคู่กับราอูม เมยเรเลสส่วนแดนหน้าเป็นเฟร์นานโด ตอร์เรสกับดาวิด เอ็นก็อก


          ครึ่งแรก เอาอีกแล้วสำหรับลิเวอร์พูลที่ต้นเกมไม่เคยเป็นรองใครและเกือบได้ประตูหลังเดิร์ก เคาท์พลิกบอลตรงระยะ 30 หลาก่อนลากขึ้นมาแล้วจิ้มออกขวาเบาๆให้เกล็น จอห์นสันกระชากลากถูไปถึงเส้นหลังแล้วปเปิดบอลย้อยไปเสาสองข้ามหัวกรีนแต่กองหลัง


          จากนั้นนาทีที่ 2 และ 3 หงส์แดงได้โอกาสสองครั้งติดจากลูกยิงไกลของมักซี่ที่กรีนล้มตัวรับสบายรวมถึงลูกซัดด้วยอีขวาของเอ็นก็อกที่นายทวารกลัวความสูงพุ่งปัดทิ้งได้อีก


          จากนั้นมักซี่ที่ยุคของรอย ฮอดจ์สันเล่นค่อนข้างดีได้โอกาสวางเท้าซัดเต็มข้อนอกเขตบอลเฉี่ยวเสาเบียดออกหน้าต่างนิดเดียว


          นาทีที่ 10 โอกาสที่ใกล้เคียงอีกครั้งของลิเวอร์พูลหลังเอ็นก็อกกระชากลากจากขวาพาทัวร์ตัดเข้าหน้าเขตโทษแล้วพอจวนตัวก็แหย่จิ้มให้ตอร์เรสยิงเต็มข้อหน้าเขตทะลุสองตัวบล็อกบอลเฉี่ยวเสาเกือบหาย


           ตอนนี้บอลวันเวย์โดยที่ลิเวอร์พูลยุคไร้เจอร์ราร์ดบอลถ่ายเทไปยังนักเตะคนอื่นๆให้มีส่วนร่วมมากขึ้นและนาที 17 เมเรลสลอสยิงไกลลูกถนัดบอลพุ่งโด่งน่ากลัวร้อนถึงกรีนต้องบินปัดข้ามคานออกไป


          และจังหวะต่อเนื่องลูกเตะมุมเป็นจอห์นสันกระโดดจะเล่นแต่บอลพักอกแล้วกลายเป็นตั้งเองชงเองก่อนที่แข้งทีมชาติอังกฤษตะบันเต็มๆในเขตโทษระยะ 14 หลาบอลเลียดทะลุมือกรีนเข้าไปเลย GJ คัมแบ็คสวยและยิงทีมเก่าด้วย


          เจ้าถิ่นเคาะบอลไปมา 2 นาทีเห็นจะได้และนาที 26 ก็เกิดเหตุการณ์ไม่งามขึ้นเมื่อตอร์เรสงัดบอลในเขตโทษแล้วไปโดนแขนแก๊บบิดอลกรรมการชี้ให้เป็นจุดโทษทันทีก่อนที่เดิร์ก เคาท์ลูบปากเจอร์ราร์ดไม่อยู่ก่อนใช้วิธีแบบวินนิ่งภาค 2010 คือยิงตรงกลางประตูให้กรีนพุ่งไปจับกบ ลิเวอร์พูลนำ 2-0


          นาที 34 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกตรงปีกซ้ายก่อนที่จะเปิดยาวบอมบ์มาแล้วกรีนก็ออกมาชกไม่ดีตามคาดยังดีที่ตอร์เรสเก็บตกกระดกบอลข้ามหัวไปถูกกองหลังที่ยืนคุมเส้นเคลียร์ทิ้งทัน


          นาทีถัดมาโอกาสแรกของทีมเยือนเป็นจังหวะที่บัวมอร์เต้วางบอลยาวแล้วโคลขี่สเคอร์เทลโขกบอลย้อยเหมือนจะข้ามหัวเรน่าแต่บอลน้ำหนักไม่แรงมากทำให้จอมหนึบเชิญยิ้มผวารับติดหนึบสองมือ


          นาที 38 ตอร์เรสที่วันนี้เกร็งๆหลังจังหวะหลุดเข้าเขตโทษมุมแคบไปแตะยาวทำให้ตอนยิงเลยต้องแบบเร่งยิงก่อนติดบล็อกกรีนที่ใช้ขาเซฟแต่บอลเจ้ากรรมกระดอนเหมือนพ้นเขตโทษอันตรายเพราะวิ่งไปตรงปีกซ้ายไกลโพ้นแต่คอนเชสกี้วิ่งมาเปิดบอลโค้งเข้าหัวมักซี่ที่ย่อตัวทำมือหงิกทรงตัวเหมือนหมูแฮมบอลพุ่งเสียบหน้าต่างเข้าไปงดงาม


          ครึ่งหลัง เหมือนอาฟรัม แกรนต์จะแก้เกมสั่งให้ลูกทีมเล่นแบบรุกคืบและด้วยจังหวะที่ว่องไวขึ้นซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ลิเวอร์พูลไม่ชอบให้ใครมาเปิดเกมรุกหนักๆเร็วๆใส่แต่ด้วยคุณภาพของนักเตะทำให้บอลจังหวะสุดท้ายเสียไปเอง


          เกมครึ่งหลังเนือยๆไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่เพราะลิเวอร์พูลก็ยังต่อบอลขาดๆเกินๆส่วนขุนค้อนก็เลอะเทอะตามธรรมชาติแต่นาที 63 มักซี่เลี้ยงวนแงะออกจากปีกซ้ายมาถึงหน้าเขตโทษแล้วจิ้มต่อให้


          นาที 67 เกมที่เซ็งๆแต่มาทำให้เดอะค็อปแอบขมิบเล็กน้อยหลังปิกิยอนเปิดบอลจากปีกซ้ายแต่โดนไม่ดีโด่งย้อยมาจะเสียบใต้คานร้อนถึงเรน่าต้องปัดข้ามคานยอมเสียเตะมุม


          แต่อีกนาทีเดียวมักซี่เกือบยิงลูกที่สองของตัวเองหลังวิ่งควบเอาบอลในเขตโทษด้านซ้ายแล้วเหมือนจะปาดเข้ากลางแต่ด้วยความที่เข้าเท้าซ้ายบอลเลยปลิ้น+แป๊กเฉี่ยวเสาไกลออกหลังไปเลย


          นาที 72 เกือบมีประตูสุดสวยแห่งฤดูกาลของตอร์เรสหลังพลิกตัวยิงหน้าเขตโทษเต็มข้อบอลพุ่งทแยงกำลังจะเสียบสามเหลี่ยมแต่กรีนบินปลัดปลายมือบอลชนคานดังสนั่น


          จากนั้นโพลเซ่นที่ประกาศขอคืนฟอร์มเก็บตกจังหวะต่อเนื่องยิงนอกเขตโทษบอลพุ่งเข้ามุมแต่กรีนบินปัดทิ้งออกข้างเสาไปอีก


          ผ่านมา 80 นาทีรอย ฮอดจ์สันเพิ่งเปลี่ยนเอาออเรลิโอมาแทนเอ็นก็อกซึ่งสกอร์ขาดแบบนี้น่าส่งเอคเคลสตัน, เชลเวย์, เคลลี่หรือแม้กระทั่งบาเบิ้ลมาเคาะสนิม น่าเสียดายแทนนานๆนำคู่แข่งเยอะแบบนี้น่าส่งเด็กตั้งแต่นาที 60 หรือ 70 ด้วยซ้ำ


          นาที 83 ออเรลิโอที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาเลี้ยงโซโล่มาถึงระยะ 25 หลาก่อนยิงไกลเต็มข้อบอลพุ่งแหกคานผ่านมือกรีนได้เสียวทั้งสนาม


          อีก 3 นาทีต่อมาบาเบิ้ลตัวสำรองเปิดบอลจากริมกรอบโทษฝั่งขวาย้อยมาเข้าหัวออเรลิโอที่เขกเหน่งๆข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย


          หมดเวลาหงส์แดงเอาชนะเวสต์แฮมสวยหรู 3-0 ขยับจากอันดับ 11 มาอยู่อันดับ 9 ประตูติดลบเหลือ 1 แต่นัดหน้าเจองานช้างต้องไปเยือนทีมจอมบุกอย่างสเปอร์สส่วนเวสต์แฮมหลังเสมอมา 3 นัดรวดก็แพ้จนได้ทำให้ยังอยู่ที่สุดท้ายมี 9 แต้มจาก 14 นัดต่อไป


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม


ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 6, เกล็น จอห์นสัน 7.5, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6, มาร์ติน สเคอร์เทล 6.5, พอล คอนเชสกี้ 6.5, เดิร์ก เคาท์ 8, ราอูล เมยเรเลส 6.5 (เชลเวย์ น.83), คริสเตียน โพลเซ่น 7, มักซี่ โรดริเกซ 8, เฟร์นานโด ตอร์เรส 6.5 (บาเบิ้ล น.85), ดาวิด เอ็นก็อก 6 (ออเรรลิโอ น.73, 6.5)


เวสต์แฮม : โรเบิร์ต กรีน 6, ลาร์ส ยาค็อปเซ่น 4.5, ดาเนี่ยล แก๊บบิดอน 5, แมทธิว อัพสัน 5, เฮริต้า อิลุงก้า 4.5 (ทอมกินส์ น.76), เฟรเดริค ปิกิยอน 5.5, มาร์ค โนเบิ้ล 5.5, ราโดสลาฟ โควัค 6, หลุยส์ บัว มอร์เต้ 5.5, วิคเตอร์ โอบินน่า 4 (บาร์เรร่า น.46, 6.5), คาร์ลตัน โคล 6 (แม็คคาร์ธีย์ น.69, 6)

 
ข่าวจาก Soccersuck by เบน ฟรีคิก
 
ข่าวประจำวันที่ : 21 พฤศจิกายน 2553

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์