หงส์ในคราบหมา: โดย..ยักษ์ ดอยแดง

ปฐมบท แดงเดือด ออกตัวจากจุดสตาร์ทในช่วงทศวรรษ 60 ลิเวอร์พูลปีนป่ายสู่ลีกสูงสุด ปรมาจารย์ บิลล์ แชงคลี่ย์ ร่ายมนต์พาทีมคว้าแชมป์ทันทีทั้ง 1963-64 และ 1965-66 ส่วน แมนฯยูไนเต็ด เริ่มสร้างทีมใหม่หลังผ่านพ้นโศกนาฏกรรมมิวนิค เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ พาขุนพลวัยละอ่อนคว้าแชมป์ลีก 1964-65 และ 1966-67 กระทั่งทะลุถึงแชมป์ยุโรป 1968



จากนั้นวลี แพ้ใครแพ้ได้ แต่อย่าแพ้..... (กรุณาเติมคำ ลิเวอร์พูล หรือ แมนฯยูไนเต็ด แล้วแต่รสนิยม)  ก็ดังกระฉ่อนไปทั่วโลก
 
โมเดิร์นฟุตบอล
 
ปลายฤดูกาล 2002-03 ณ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เสียงนกหวีดผ่านหูไปเพียงสี่นาที ซามี่ ฮูเปีย เดินออกจากสนาม พร้อมใบแดงปะหน้าผาก จบเกมยูไนเต็ดถล่ม 4-0
 
  นาฬิกาเดินนำหน้า เกมลีกอีกแปดนัดต่อมาสถิติบันทึกว่าลิเวอร์พูลไม่เคยลิ้มรสชัยชนะเหนือยูไนเต็ดเลย แบ่งเสมอแค่นัดเดียว ที่เหลือพ่ายเรียบวุธ
 
เอือมคะ!
 
ขนาดหมายังมีวันของมัน .....แล้ววันนั้นก็มาถึง
 
ไรอัน บาเบิล บรรจงยิงกึ่งหน้าเท้ากึ่งหน้าแข้ง กระเด้งจูบตาข่าย สรรพคุณลูกนั้นคือประตูชัยให้ลิเวอร์พูลเชือด 2-1 เมื่อปี 2008-09 หยุดการเป็นเมืองขึ้นของแมนเชสเตอร์
 
เหมือนติดเครื่องเรือหางยาว ปลายซีซั่น ลิเวอร์พูล บุกไปขยี้ยูไนเต็ดคารัง 4-1 ต่อด้วย นิว รีลีส อัด 2-0 บนแผ่นดินแอนฟิลด์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
 
ประเด็นแตกฉานเคล้าคลุ้งเกือบทุกมุมเมือง ไม่ว่าจะเป็น สภากาแฟข้างวัด, ผับแสงสีแถบเอกมัย-ทองหล่อ, ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง ซึ่งอุดมไปด้วยความขาว หรือกระทั่งบนเตียงนอนที่โดนกระแทกกระทั้นชนิดไร้ความปราณี
 
ก่อนเดินผ่านป้าย ดิส อิส แอนฟิลด์ ลงสู่สนาม ลิเวอร์พูล พกแรงกดดันบนบ่า ไม่เฉพาะนักเตะ,กุนซือ หรือ ผู้บริหาร แต่รวมถึง เดอะ ค็อป ทั้งบนอัฒจันทร์ และเฝ้าเบิกตาหน้าจอโทรภาพ
 
แพ้ 4 นัดครั้งแรกในรอบ 22 ปี ....สิ่งแวดล้อมชอนไชตามเรื่อง ถ้าแพ้ 5 นัดติดต่อกัน จะเป็นครั้งแรกในรอบ 56 ปี
 
บังเอิญติดดิน หงส์ตัวนี้ถอนปีกตัวเอง และใส่สัญชาติญาณหมาสิงสู่
 
ภาษาอิงลิชส่งสำเนียง โน เวย์ เอาต์ คะ
 
มโนภาพให้เห็นชัดเจน ในตรอกอันคับแคบ กลิ่นหืนเน่าโชยแตะจมูก หมาตัวนี้เต็มไปด้วยบาดแผลทั่วร่างกาย
 
แผลตรงลำตัวมาจากอิตาลี, แผลตรงเบ้าตามาจากฝรั่งเศส และแผลตรงหน้าผากมาจาก บีช บอล
 
แววตาของมันมีแต่ความหวาดกลัว ตัวสั่นเทาเหมือนโดนน้ำฝนตอนหน้าหนาว พลัน! แววตาคู่เดิม เริ่มคลายตัวลง ก่อนเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่นเข้ามาแทน
 
กำแพงข้างกายสูงลิบเฉียดฟ้า เช่นเดียวกับรั้วลวดหนามด้านหลัง จ่อทิ่มแทงหากถอยหลังอีกก้าวเดียว และต่อให้มีวิชาตัวเบาเหมือนในหนังชอว์บราเดอร์ก็คงไม่เพียงพอ
 
ทางออกเดียวคือทางเข้า ทว่าเบื้องหน้ามีซาตานตัวเขื่องจ้องเขมงอยู่.....จะทำอะไรได้นอกจากสู้ยิบตา
 
เฟร์นานโด ตอร์เรส เปิดปากเรื่องความฟิต เต็มที่แค่ 85% เปอร์เซนต์  ราฟาเอล เบนิเตซ ครุ่นคิดกระทั่งรถโค้ชจอดเทียบท่า สุดท้ายลุงหนวดใส่ชื่อลูกรักคนโปรดลงตัวจริง
 
การตัดใจครั้งนี้เข้าเป้ากลางกะหม่อม
 
จังหวะดวลเดี่ยว หรือมีพื้นที่ให้ซอยเท้าเริ่มสปีดต้นเมื่อไหร่ ตอร์เรส คือหัวหอกอันตรายถึงขั้นฝันร้าย จุดเปลี่ยนเกิดขึ้น ก่อนที่ ดาวิด เอ็กก็อก ตอกย้ำชัยชนะ ท่ามกลางความเร้าใจแบบคาดหวังได้
 
จริงๆสี่ใบเหลืองของ เนมันย่า วิดิช และ ฮาเวียร์ มาสคราโน่ เทียบไม่ได้สักกระพีก เมื่อวัดกับ เจมี่ คาร์ราเกอร์ เหนี่ยวรั้ง ไมเคิ่ล โอเว่น
 
อย่างไรก็ตาม หากมองภาพรวม มันเป็นวันดีของเหล่านักเตะผู้เรียกคำสบถจากกองเชียร์
 
เจมี่ คาร์ราเกอร์ หมดสภาพแล้ว เล่นช้า, เข้าปะทะผิดเหลี่ยม นักเตะอย่างนี้ ใช้กำลังมากกว่าสมอง พออายุมากขึ้น ก็เสื่อมตามกาลเวลา
 
ลูคัส เลว่า ไม่รู้เป็นลูกนอกสมรสของเบนิเตซตอนไหน ลงอยู่นั่นแหละ จับบอลกระเด้งกระดอน, จ่ายบอลไม่เคยต้องเป้า ตกลงมันเป็นคนบราซิลจริงรึวะ?
 
ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ไม่เหลือแรงฮึกเหิม เบื่อกับการใช้ชีวิตที่อังกฤษ เมียไม่ชอบไลฟ์สไตล์ ล่าสุดไม่ยอมต่อสัญญาอีก เลยเล่นเหมือนไม่มีใจ
 
ทว่าตลอด 90 นาที สามบุรุษข้างต้นสร้างความหายนะให้ฝั่งตรงข้ามดีเหลือแท้
 
คาร์ราเกอร์ ลบลายบ่อน้ำมัน โอเค อาจมีท่วงท่าใไห้เสียวอยู่บ้าง โดยเฉพาะตอนเหนี่ยวโอเว่นหน้าคะมำ แต่ถ้าวัดตรงก้อนเนื้อหน้าอกซ้าย ความทุ่มเทของคาร์ร่า ยังมีเสน่ห์ชวนน้อมหัวคารวะ
 
ลูคัส เป็นอีกคนที่เข้าขั้น บร๊ะเจ้าโจ๊ก ไม่รู้ด้วยบทสำคัญของเกมรึเปล่า? เลยทำให้มีแรงขับพิเศษออกมา เขาลบจุดด้อยด้วยการออกบอลเร็ว และพยายามส่งเข้าเป้าใกล้ๆที่สุดเพื่อกันความผิดพลาด จากนั้นใช้วินัยเข้าสู้
 
เช่นเดียวกับ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ อาจดูฟาวล์พร่ำเพรื่อไปบ้าง กระนั้นผลบวกตามมาคือทำให้ยูไนเต็ดออกอาการรำคาญ เกะกะ อะไรทำนองนั้น ซึ่งเป็นเรื่องถนัดอยู่แล้ว
 
เจมี่ เร้ดแน็ปป์ อดีตนักรำแข้งผู้รักความสำอางค์ ทุบโต๊ะเปรี้ยง! เหตุของชัยชนะมาจากตรงกลางสนาม ทั้งลูคัส และ มาสเค พยายามทุกวิถี และค่อยๆลดบทยาท พอล สโคลส์ กับ ไมเคิ่ล คาร์ริค ลงทีละนิด
 
โปรดสละเวลาคิดถึง ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ แฟนผีขอ!
 
เมื่อครองเกมตรงกลางได้ ทุกอย่างก็ตามมาเอง
 
ว่ากันว่ากฎของการแข่งขัน คือ ผู้ชนะย่อมถูกต้องเสมอ
 
ความเพริดพริ้วของ ยอสซี่ เบนายูน สวยงามดุจดอกกระเจียวบนภูเทพพิมาน
 
ความเฉียบคมของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ไม่ต่างจากกริชเล่มเอกข้างลำตัวนักรบบางระจัน
 
ความขยันของ เดิร์ค เคาท์ คงเกินกว่านักเรียนหัวเกรียนคร่ำเคร่งสอบเอ็นทรานซ์
 
หรือ ความแข็งแกร่งของ แดน แอ๊กเกอร์ พอๆกับภูผาหินโดนพายุเฮอร์ริเคนทักทาย
 
แต่ทั้งหมดทั้งมวล กรุณายกเครดิตให้กลุ่ม หงส์ในคราบหมา อย่าง คาร์ราเกอร์, ลูคัส และ มาสเคราโน่ มากกว่า
 
พวกเขา วิ่ง สู้ ฟัด ได้ใจคะ
 
บางทีอาจมากกว่านั้น เพราะหมากลุ่มนี้วิ่งสู้ฟัด จน แจ๊คกี้ ชาน แอบมองค้อนด้วยความอิจฉา


 



      
- ยักษ์ ดอยแดง -


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์