หงส์แดงเฉือนสิงห์บลูส์ 2-1 ผงาดเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ

หงส์แดงเฉือนสิงห์บลูส์ 2-1 ผงาดเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ

ฟรีคิกสุดสวยของ รีเซ่ ส่งหงส์ผงาดนำ 1-0

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 เมษายน 2549 01:21 น.

หงส์แดง ลิเวอร์พูล โบยบินเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2005/06 หลังเฉือนเอาชนะ สิงห์บลูส์ เชลซี ไปได้ 2-1 โดยจะไปยืนรอพบผู้ชนะระหว่าง มิดเดิลสโบรช์ หรือ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่จะตัดเชือกกันในคืนวันอาทิตย์นี้

ฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ
เชลซี 1-2 ลิเวอร์พูล

โฮเซ่ มูรินโญ่ ตั้งเป้าพาเชลซีครองดับเบิลแชมป์ในประเทศอังกฤษให้ได้อีกครั้งโดยในศึกพรีเมียร์ชิพ จ่อแชมป์เข้าไปทุกขณะ แต่ในศึกเอฟเอ คัพ เจองานไม่ง่ายในรอบตัดเชือกเมื่อต้องมาปะทะฝีแข้งกับลิเวอร์พูล เกมนี้กุนซือชาวโปรตุกีสมีการปรับทัพในตำแหน่งนายทวารให้ คาร์โล คูดิชินี่ เฝ้าเสาแทน ปีเตอร์ เช็ก แดนกลางส่ง เฌเรมี เอ็นจิตั๊ป มาช่วยงาน แฟร้งค์ แลมพาร์ด ในขณะที่ อาร์เยน ร็อบเบน และเดเมี่ยน ดัฟฟ์ ต้องนั่งรอโอกาสอยู่ข้างสนาม สำหรับคู่หน้าเป็นการผนึกกำลังกันระหว่าง เฮอร์นัน เครสโป และดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ หวังพาทีมครองโทรฟี่ย์แชมป์ให้ได้และก็เหลือความหวังเพียงรายการเดียวเท่านั้นในเอฟเอ คัพ นัดนี้ไม่มีปัญหาในการจัดทัพแต่อย่างใดส่งชุดใหญ่ลงสนามกันอย่างครบครัน สตีเว่น เจอร์ราร์ด , ซาบี้ อลอนโซ่ และโมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ ลงช่วยงานแดนกลางอย่างพร้อมเพรียงส่วน หลุยส์ การ์เซีย ถูกหยอดลงมาปั้นเกมหลัง ปีเตอร์ เคร้าช์ ซึ่งยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า

เริ่มเกมการแข่งขันทั้งสองฝ่ายพยายามชิงจังหวะครองเกมให้ได้เพื่อทำเกมบุกเข้าใส่กันแต่โอกาสเป็นของเชลซีก่อนเมื่อ เครสโป โหม่งเช็ดลูกเตะมุมไปให้ ดร็อกบา พุ่งโหม่งอีกทีแต่บอลหลุดออกข้างไป ผ่าน 15 นาทีแรก ลิเวอร์พูล มีโอกาสเช่นกันเมื่อ อลอนโซ่ ไปรับบอลจาก เจอร์ราร์ด ทางกราบซ้ายก่อนลองลักไก่ปั่นด้วยขวาบอลพุ่งวาบไปหน้าประตูแต่ คูดิชินี่ ยังล้มตัวปัดไว้ได้ทัน

เกมเริ่มที่จะแลกหมัดกันอย่างดุเดือดนาทีที่ 19 เชลซี ทิ้งโอกาสทองในการได้ประตูนำเมื่อ เดล ออร์โน่ หยอดบอลให้ ดร็อกบา ซึ่งหลุดกับดักล้ำหน้าแบบเส้นยาแดงผ่าแปดเข้าไปยิงแต่บอลดันไม่ตรงกรอบเสียอีก เมื่อขึ้นนำไม่ได้ อีกสองนาทีถัดมากลายเป็นลิเวอร์พูล ที่ได้เฮนำ 1-0 เมื่อ รีเซ่ ปั่นฟรีคิกด้วยซ้ายข้างถนัดผ่านช่องว่างของกำแพงระหว่าง แฟร์ไรร่าและแลมพาร์ด เข้าไปตุงตาข่ายหมดปัญญาที่ คูดิชินี่ จะป้องกันเอาไว้ได้

พอเสียประตูไป เชลซี พยายามโหมเร่งเกมเร็วขึ้นมาทันทีแต่ยังเจาะเกมรับลิเวอร์พูลไม่ได้ทำให้ แลมพาร์ด ต้องลองยิงไกลกว่า 30 หลาแต่ยังไม่เป็นปัญหาสำหรับ เรน่า หงส์แดงไม่ปล่อยให้สิงห์บลูส์บดอยู่ข้างเดียว คีเวลล์ ได้ทำเกมสวนกลับมาทางขวาก่อนล็อกยิงเข้าซ้ายกะให้เสียบเสาแรกแต่บอลหลุดกรอบออกไปนิดเดียว

ผ่านครึ่งชั่วโมงเกมต้องหยุดลงชั่วขณะเมื่อ คูดิชินี่ พุ่งเข้าไปเล่นบอลแต่ก็โดนเคร้าช์ ซึ่งพยายามจะเล่นบอลเช่นกันเข้าไปกระแทกทำให้แพทย์สนามต้องเข้ามาปฐมพยาบาลทั้งคู่แต่นักเตะทั้งสองก็ลุกขึ้นมาสู่ต่อได้ และทางลิเวอร์พูลก็เริ่มจะผ่อนเกมช้าลงขณะที่เชลซีก็เริ่มจะตื้อไปในเกมบุกทำให้จบครึ่งแรก หงส์แดงยังรักษาสกอร์นำไว้ได้

เจอร์ราร์ด ข้องใจต้องคุยกับ เดล ออร์โน่

เปิดฉากในครึ่งหลังเมื่อสกอร์เป็นรอง มูรินโญ่ ปรับเปลี่ยนแท็คติกเร็วทันทีด้วยการส่ง อาร์เยน ร็อบเบน ลงมาเพิ่มสีสันเกมรุกพร้อมกับถอด เดล ออร์โน่ ออกไปพร้อมกับให้ เฌเรมี่ ลงไปยืนแบ็กขวาส่วน แฟร์ไรร่า ถูกโยกไปเล่นเกมรับฝั่งซ้าย เมื่อปรับเกมแฟนๆ เชลซีก็ได้เฮแต่เป็นการดีใจเก้อเมื่อ เกรแฮม โพลล์ ผู้ตัดสินเป่าลูกโหม่งของ เทอร์รี่ เข้าประตูไปเป็นลูกฟาล์วไปค้ำ รีเซ่ เสียก่อน

พอไม่เสียประตู ลิเวอร์พูล กลับมาเป็นฝ่ายได้ประตูนำห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 52 เมื่อ การ์เซีย เก็บตกการโหม่งพลาดของ กัลลาส หลุดเดี่ยวเข้าไปดีดบอลเสียบตาข่าย คูดิชินี่ ทำได้เพียงป้องกันด้วยสายตาอีกตามเคย และเมื่อตกเป็นฝ่ายตามหลังเมื่อผ่านพ้นหนึ่งชั่วโมง มูรินโญ่ เกหมดหน้าตักส่งทั้ง โจ โคล และเดเมี่ยน ดัฟฟ์ ลงมาเล่นแทนเฌเรมี่ และเครสโป แต่เชลซีก็เกือบจะโดนเล่นงานไปอีกเมื่อ เจอร์ราร์ด เปิดลูกเตะมุมให้ เคร้าช์ โหม่งหลุดคานออกไปนิดเดียว

เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย เชลซี เปิดหน้าบุกแหลก ร็อบเบน ลากเลื้อยขึ้นมาทางขวาก่อนหักเข้ายิงด้วยซ้ายแต่บอลยังไปตรงตัว เรน่า เมื่อเกมสิงห์บลูส์เริ่มไหลลื่น เบนิเตซ ขยับเปลี่ยนตัวให้ลิเวอร์พูลทันทีด้วยการส่ง ฌิบริล ซิสเซ่ ซึ่งมีความเร็วไปค้ำแดนหน้าแล้วคอยโต้กลับแทน เคร้าช์ และในนาทีที่ 71 แฟนๆ เชลซีได้เฮกันบ้างเมื่อ รีเซ่ โหม่งบอลพลาดไปตั้งให้ ดร็อกบา กระโดดโหม่งก่อนที่เรน่า จะขึ้นไปปัดถึงบอลเข้าไปซุกตาข่ายสกอร์กลายเป็น 1-2

การแข่งขันมาถึงช่วงท้าย เบนิเตซ ต้องเปลี่ยนตัวส่ง ฌิมี่ ตราโอเร่ ลงไปเล่นแทน คีเวลล์ ที่มีอาการบาดเจ็บ พร้อมกันนี้ก็ถอด การ์เซีย ออกและก็ให้ เฟอร์นานโด มอริเอนเตส ลงสู่สนามไปใช้ความสดไล่บอลในช่วงเวลาที่เหลือ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเชลซี พลาดโอกาสสำคัญที่สุดของเกมแต่ โคล ที่หลุดกับดักล้ำหน้าไปดันหวดบอลขึ้นฟ้าอย่างน่าเสียดาย หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูล ผงาดเข้าไปชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอพบกับผู้ชนะระหว่าง เดอะ โบโร่ มิดเดิลสโบรช์ หรือว่า ขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งจะตัดเชือกกันในคืนวันอาทิตย์ต่อไป

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เชลซี : คาร์โล คูดิชินี่ , เปาโล แฟร์ไรร่า , จอห์น เทอร์รี่ , วิลเลี่ยม กัลลาส , อาเซียร์ เดล ออร์โน่ , โคล้ด มาเกเลเล่ , เฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป , แฟร้งค์ แลมพาร์ด , มิคาเอล เอสเซียง , เฮอร์นัน เครสโป , ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

ลิเวอร์พูล : โฮเซ่ เรน่า , สตีฟ ฟินแนน , เจมี่ คาร์ราเกอร์ , ซามี่ ฮูเปีย , ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ , สตีเว่น เจอร์ราร์ด , ซาบี้ อลอนโซ่ , โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ , แฮร์รี่ คีเวลล์ , หลุยส์ การ์เซีย , ปีเตอร์ เคร้าช์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์